YAHOO on March 26, 2011, 12:39:18 PM
ปตท. ร่วมสนับสนุนงาน “The 32nd Bangkok International Motor Show” ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านพลังงาน น้ำมันเชื้อเพลิงเกรดพรีเมียม

           บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนงาน The 32nd Bangkok International Motor Show ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2554 ณ อาคาร Challenger Hall 1 อิมแพค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านพลังงาน เน้นเรื่อง PTT Blue Innovation นวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีระดับพรีเมียมสูตรเฉพาะของ ปตท. ที่มีส่วนผสมพิเศษ จากการคัดเลือกสารเติมแต่ง ที่ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีระดับสูงและได้รับการยอมรับในระดับมาตรฐานโลก ทำให้น้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลทุกชนิดของ ปตท. เป็นเกรดพรีเมียม ในราคาเท่าเดิม ช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพิ่มอัตราเร่งให้รถทุกคันทำงานได้แรงเต็มสมรรถนะ สามารถตอบสนองได้ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ผ่านการทดสอบทั้งในห้องปฏิบัติการและการทดสอบภาคสนามกับผู้ขับขี่จริง สามารถใช้ได้ดีกับรถทุกประเภท ตั้งแต่รถที่มีเครื่องยนต์รอบจัด สมรรถนะสูง ที่สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ ให้แรง เร่งได้ดั่งใจ หรือรถดีเซลธรรมดาจนถึงรถดีเซลระดับหรู ก็พร้อมสู้ทุกทางชัน ไม่มีอุปสรรค และยังสามารถเลือกแรงแบบรักษ์โลก เพื่อคืนลมหายใจให้ธรรมชาติ ได้อีกด้วย

          นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมงานได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Performa Super Synthetic 0w-30 ที่ได้มาตรฐานโลก API SN รายแรกของไทย โดยในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ปตท. มี Market share เป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ และยังได้รับการคัดเลือกจากผู้บริโภค ให้เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่น่าเชื่อถือที่สุด จากการสำรวจ Thailand's Most Admired Brand ของ นิตยสาร BrandAge อีกด้วย ซึ่งไม่เพียงประสบความสำเร็จในประเทศเท่านั้น ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ปตท. ยังขยายตลาดในต่างประเทศแล้ว อีกกว่า 20 ประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

          โดยในงานนี้ ปตท. ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายลดราคาพิเศษ สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นทุกชนิด ถึง 30% รวมถึง มีร้านค้า Jiffy และร้านกาแฟ Café Amazon ที่นำสินค้า Premium มาแสดงในงาน อีกทั้ง จัดการแสดงที่สนุกสนาน สวยงาม พร้อมกับเชิญชวนทุกท่านเล่นเกมส์ รับแจกของรางวัลมากมาย

          Booth ปตท. อยู่ ณ อาคาร Challenger บริเวณ Hall 1 ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจทุกท่านแวะมาเยี่ยมชมบูธ ปตท. ซึ่งล้วนมีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงระดับพรีเมียมที่พัฒนาและผลิตโดยคนไทย เพื่อคนไทย ในราคาที่ยุติธรรม

YAHOO on March 26, 2011, 12:42:49 PM


ฮอนด้ากระหึ่มกลางงานมอเตอร์โชว์ 2011 ผุดกลยุทธ์ใหม่ ประกาศลั่นเดินหน้าปั้นแบรนด์ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในทุกด้าน
 
          รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ประกาศนโยบายสร้างแบรนด์ มุ่งเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกด้าน นำเสนอกลยุทธ์เชิง Attitude รูปแบบใหม่ให้กับวงการรถจักรยานยนต์ ภายใต้แบรนด์แมสเสจ “ชีวิตสนุกถ้าไม่หยุดค้นหา Discover Your Fun” ตอกย้ำภาพลักษณ์ “ผู้นำมอเตอร์ไซค์หัวฉีด” และ “ผู้นำไลฟ์สไตล์ความสนุก” ลั่นอีก 3 ปีหน้า (2011–2013) พร้อมส่งมอบความยินดี ความสนุกสู่มหาชนทั่วไทย เดินหน้าพัฒนาฮาร์ดแวร์ด้านเทคโนโลยีประหยัดเชื้อเพลิง ขับขี่สนุกสนาน ความเชื่อมั่นในตัวสินค้า และดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมนำเสนอสินค้ามีเสน่ห์เต็มเปี่ยมด้วยคุณค่าใหม่ เหมาะกับค่านิยมและไลฟ์สไตล์วัยรุ่น ควบคู่กับพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ ที่จะเพิ่มดีกรีความสนุกจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในรูปแบบที่ใหญ่ ใหม่ และไม่เคยปรากฏมาก่อน และเตรียมวางตลาดรถกลุ่ม FUN และรถขนาดใหญ่ รุกหนักจัดกิจกรรมเจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นพิเศษ เพื่อเสริมให้แบรนด์ฮอนด้าเป็นมากกว่าเรื่องของคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ตั้งเป้าเป็นแบรนด์ที่เปี่ยมด้วยความสดใหม่ทันสมัย พร้อมรังสรรค์ความสนุกใหม่ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง

          มร. จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “จากวิสัยทัศน์ปี 2020 ของฮอนด้าทั่วโลก ในการมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่สังคมปรารถนาให้ดำรงอยู่ โดยแบ่งปันความยินดีกับผู้คนทั่วโลก ด้วย “ความยินดีสามประการ” ได้แก่ “การสร้างสรรค์ความยินดี (Create Joy)” “การแบ่งปันความยินดี (Expand Joy)” และ “การส่งต่อความยินดีสู่ชนรุ่นหลัง (Joy for the Next Generation)” เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ในราคาย่อมเยา และมีคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ โดยสำหรับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อวิสัยทัศน์เรื่องความยินดีทั้ง 3 ประการนี้ ผ่านการนำเสนอสินค้าที่ดีที่สุดมาตั้งแต่เมื่อปี 2008 โดยเริ่มจากการบุกเบิกยุคแห่งการขับขี่ใหม่ เพื่อสิ่งที่ดีกว่าด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงระบบการจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ถ่ายทอดประสิทธิภาพคุณสมบัติของฮอนด้าหัวฉีดสู่ผู้ใช้ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ภายใต้รูปแบบของความสนุกหลากหลายกว่า 10 รุ่น จนได้รับการยอมรับจากผู้ใช้จริงมากถึงกว่า 2 ล้านคนในปัจจุบัน ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว วันนี้ฮอนด้าจะต่อยอดแนวความคิดในการสร้างความยินดีสูงสุดสู่ผู้ใช้ ภายใต้แมสเสจ “ชีวิตสนุกถ้าไม่หยุดค้นหา Discover Your Fun” โดยจะมุ่งเน้นและเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการจัดกิจกรรมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกด้าน ทั้งการเป็นผู้นำมอเตอร์ไซต์หัวฉีด และผู้นำไลฟ์สไตล์ความสนุก ซึ่งจะถูกถ่ายทอดให้เห็นเป็นรูปธรรมครั้งแรกในบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011”

          สำหรับแบรนด์กลยุทธ์เชิง Attitude ที่ฮอนด้าจะสร้างสรรค์ในฐานะ ผู้นำไลฟ์สไตล์ความสนุก หรือ “Fun Leader” ภายใต้การสื่อสารผ่านข้อความเชิงทัศนคติ “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหา Discover Your Fun” เพื่อเป็นการถ่ายทอดแนวความคิด และจุดประกายแรงบันดาลใจ กับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าหัวฉีดที่สร้างเทรนด์ใหม่ๆ ให้กับวัยรุ่นยุคนี้ ประกอบกับกิจกรรมที่จะมาสร้างปรากฎการณ์ความสนุกที่เรียกว่าเป็นครั้งแรก ที่ใหญ่ที่สุด ในแบบที่ใหม่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับกลุ่มวัยรุ่นอย่างครอบคลุม เพื่อให้เกิดมุมมองหรือทัศนคติใหม่ๆ ว่า มอเตอร์ไซค์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทคโนโลยีด้านยานพาหนะ หากยังเป็น Gadget ที่เข้ากับ Lifestyle ใหม่ๆ ที่เสริมเข้ากับภาพลักษณ์ บุคลิก รวมถึงการเข้าสังคมแบบเท่ๆ เก๋ๆ แนวๆ ตามสไตล์ตัวเองได้อีกด้วย เพราะสิ่งสำคัญคือ ฮอนด้าเชื่อว่า ชีวิตมีแต่เรื่องสนุก ความสนุกมีอยู่ทุกที่ ทุกเวลา แม้กระทั่งช่วงเวลาเล็กๆ อยู่ที่เรานั่นแหละที่พร้อมจะเปิดรับความสนุกเหล่านั้นในช่วงเวลาใด ตอนไหน ถึงเวลาแล้วที่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าจะพาคุณไปค้นพบและโลดแล่นไปกับเส้นทางที่เป็นมุมมองสนุกของชีวิต แล้วคุณจะรู้ว่าความสนุกมันมีมากกว่าที่คุณคิด “ชีวิตสนุกถ้าไม่หยุดค้นหา Discover You Fun”

          ส่วนไอเดียการสร้างสรรค์บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “Discover Your Fun @ Honda Fun Factory” โดยถ่ายทอดตัวตนในฐานะผู้ผลิตความสนุกเจ้าแรก ที่จะส่งผ่านความสุขจำนวนมากให้ลูกค้า ผ่านผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ที่หลากหลายรูปแบบและเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอรูปแบบความสนุกใหม่ๆให้กับผู้ใช้ทุกคน จนกระทั่งวันนี้ด้วยผลผลิตของความสนุกที่ฮอนด้าสร้างสรรค์ออกมาครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ฮอนด้าจึงเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผลิตความสนุกให้กับทุกคนได้อย่างทั่วถึง ด้วยการออกแบบบูธที่ดูสร้างสรรค์ แปลกใหม่ ในสไตล์แฟคทอรี่สุด FUN โรงงานความสนุก ผ่านการนำเสนอความสนุกสนานด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่าย สร้างการรับรู้ว่าฮอนด้าคือองค์กรชั้นนำที่มักนำเสนอสิ่งใหม่ๆ มีความคิดสร้างสรรค์ให้ผู้ชมอยากค้นหาความสนุกในแบบของตัวเอง

          “เพราะเราใช้ความสนุกเป็นเป้าหมาย มีไลฟ์สไตล์ผู้ใช้เป็นวัตถุดิบ ลองคิดต่าง ออกนอกกรอบ กล้าลองอะไรใหม่ๆ สู่สูตรการผลิตที่ตรงตามมาตรฐานความ “สนุก” เพื่อทุกคน เราเชื่อว่า “ชีวิตสนุก...ถ้าไม่หยุดค้นหา” มาค้นพบหลากหลายความสนุกในแบบที่เป็นคุณด้วยกัน!” ซึ่งภายใต้ผลผลิตแห่งความสนุกในบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคอนเซปต์ Discover Your Fun @ Honda FUN FACTORY ถูกแบ่งเป็นแต่ละแผนกงาน ดังนี้

1. Premium Lifestyle Department
          แผนกงานผู้มีหน้าที่สร้างสรรค์ความต่างของไลฟ์สไตล์แบบพรีเมี่ยม คูลๆ กับรถจักรยานยนต์ไลฟ์สไตล์เท่จัดของฮอนด้าหัวฉีดอย่าง CBR250R, CBR150R และ PCX โดยส่วนผสมในโซนนี้จะถูกเน้นไปที่ “ความเท่ห์” เป็นวัตถุดิบหลัก ผสมผสานจิตวิญญาณของชายหนุ่มเจ้าสำราญ ให้ออกมาเป็นเทรนด์การตกแต่งรถจักรยานยนต์สไตล์พรีเมี่ยม หล่อ ดุดัน เต็มไปด้วยความน่าค้นหา พร้อมการจับมือกับพาร์ทเนอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านความเท่สไตล์สปอร์ตจากประเทศญี่ปุ่น อย่าง MUGEN, MORIWAKI และ KITAKO งานนี้จัดเต็ม! รูปแบบความแมนของไลฟ์สไตล์

2. Advance Department
          แผนกงานผู้มีหน้าที่เสาะหาความสนุกแนวใหม่ เพื่อการใช้ชีวิตมันส์ๆ ในวันข้างหน้า ส่วนผสมในโซนนี้เน้นที่ “แรงบันดาลใจ” และ “ความท้าทาย” เพื่อให้เกิดขึ้นเป็นนวัตกรรมเชิงดีไซน์ สร้างสรรค์ในทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการของอนาคต ตั้งแต่รถเพื่อพลังงานในวันข้างหน้าอย่าง Honda EV-NEO รถเพื่อการใช้งานเอนกประสงค์ไร้มลพิษทางเสียงและไร้ไอเสีย 100% รถต้นแบบคอนเซ็ปต์พี่ใหญ่คันหรูระดับบิ๊กไบค์ผสมผสานความเป็นสปอร์ตกับความสะดวกสบายของรถแบบ เอ.ที Honda NM Concept และ Honda VFR800X (Cross Runner) รถสปอร์ตทัวร์ริ่งกับสมรรถนะเครื่องยนต์หัวฉีด V4-VTEC 800 ซีซี

3. People Department
          แผนกงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีดีกรีความแนวเป็นเอกลักษณ์ มีเสียงกรี๊ดและกระแสเรียกร้องจากมหาชนเป็นแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อน ให้สร้างสรรค์ผลผลิตจากฮอนด้าหัวฉีดออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง หลายต่อหลายรุ่น ตอกย้ำความสนุกของทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างตรงแนว พร้อมพรีเซนต์เทรนด์แต่งแนวใหม่จากฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ลายเพียบ! สีจัด! ผลงานสุดวิจิตรจากศิลปินชั้นนำ อาทิ อย่าง P7, จิดา, The Jukks, Joe the Secret, Miss Ink, ทรงศีล ทิวสมบูรณ์, Spanky, URI และ Thaitanium

          พร้อมกันนี้พบกับกิจกรรมความสนุกอื่นๆ มากมายภายในบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า อาทิ การประกวดภาพถ่าย, สินค้าฮอนด้าคอลเลคชั่นและอะไหล่ตกแต่งราคาพิเศษ รวมถึงมินิคอนเสิร์ตจากสครับ ขวัญใจชาวอินดี้เด็กแนวภายในบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า, ฟรีคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของ “บี้ เดอะสตาร์” และความกวนซ่าของ “หนูนา หนึ่งธิดา” และกิจกรรมเท่ๆ มากมายของฮอนด้าคลิก ไอ ในกิจกรรม Click Show Day ณ ลานกิจกรรมหลังชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ในวันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2554 ตลอดจนกิจกรรมการแข่งขันประกวดแต่งรถ Mo’cye Idea Challenge พร้อมชมสุดยอดความมันส์จากฟรีคอนเสริต์สุดซ่าของศิลปินสุดจี๊ดจากฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ทั้งหนูนา เดอะริชแมนทอย และไทยเทเนี่ยม ณ ลานกิจกรรมหลังชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 พร้อมพบปะใกล้ชิดกับมาริโอ้ภายในบูธ ในวันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2554

          ค้นหาความสนุกหลากหลายในโรงงานแห่งความสนุกของบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รวมถึงกิจกรรม เกมส์ความสนุกและรายละเอียดต่างๆ ตลอดจนกำหนดการเหล่าดารา และศิลปินนักร้องยอดนิยมที่จะมาแสดงโชว์พิเศษภายในบูธที่ www.aphonda.co.th/motorshow2011 และ/หรือ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

YAHOO on March 26, 2011, 02:26:10 PM
ไทยรุ่งฯ พร้อมรุกตลาด เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ TR TRANSFORMER ในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 32

 

          ไทยรุ่งฯ ผู้นำการออกแบบและผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ของไทย เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบใหม่ TR TRANSFORMER ซึ่งเป็นรถตรวจการณ์เชิงพาณิชย์ที่ทางบริษัทได้พัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ตรวจการณ์ MUV4 โดยเน้นความหรูหราและเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ให้เหมาะกับการใช้งาน ในราคาที่เหมาะสม หวังเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มที่ต้องการใช้ รถยนต์ Hummer หรือ Land Rover (Defender) พร้อมเปิดตัวให้ยลโฉมในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 32 ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม – 5 เมษายน 2554

          นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าTR TRANSFORMER เป็นรถต้นแบบที่ออกแบบและพัฒนาแนวความคิดต่อยอดมาจาก TR MUV4 ซึ่งทางบริษัทฯมองเห็นว่าตลาดรถยนต์ตรวจการณ์เฉพาะทางลักษณะนี้น่าจะมีอนาคตที่ดี สำหรับแนวคิดในการออกแบบและพัฒนา รถยนต์ TR TRANDSFOMER และ MUV4 ทางบริษัทฯได้ทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับทาง MTEC ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) ในการวิจัยและทดสอบในเรื่องโครงสร้างแชสซีส์ ระบบสั่นสะเทือนช่วงล่าง โดยการนำเอาโครงสร้างของรถยนต์บรรทุกปิกอัพ (Pick up) ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร เกียร์ธรรมดา ที่มีการผลิตขายในประเทศไทยมาพัฒนาออกแบบผลิตตัวถังใหม่ เพื่อให้เป็นรถยนต์ที่มีความสมบูรณ์ได้มาตรฐานสากลที่ง่ายในการบำรุงรักษาและประหยัดน้ำมัน

          คุณลักษณะของรถ TR TRANSFORMER

          - การออกแบบโดยระบบคอมพิวเตอร์ CAD , CAE , CAM ที่ทันสมัยมาตรฐานสากล และมีการวิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้าง (Simulation) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์

          - การผลิตชิ้นส่วนด้วยโลหะขึ้นรูป ตัวถังรถทั้งคันผ่านระบบชุบสีกันสนิม โดยประจุไฟฟ้า (EDP) และขบวนการพ่นสีมาตรฐานเดียวกับกับผู้ผลตรถยนต์

          - มีการทดสอบจากสนามจริง ลุยน้ำได้ถึง 500 มิลลิเมตร สามารถไต่ทางลาดชัน ได้ 40 องศา และไต่ทางลาดเอียง ได้ 30 องศา

          นายสมพงษ์ เผอิญโชค กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้แล้ว ไทยรุ่งได้ส่ง นิว ทีอาร์ ออลโรดเดอร์ เครื่องยนต์ 3000 ซีซี ขับเคลื่อน 4 ล้อ ( NEW TR ALLROADER 3.0 4WD) รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ตัวจริง ที่มากด้วยความคุ้มค่า โดดเด่นด้วยพื้นที่ใช้สอบกว้างขวาง สามารถโดยได้จริงทั้ง 7 ที่นั่ง รูปลักษณ์ทันสมัย สง่างาม ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ ที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และได้นำ ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน ( TR EXCLUSIVE LIMOUSINE) ซึ่งเป็นรถลีมูซีนที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหรา ภายในโอ่โถง กว้างขวาง เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายของห้องโดยสาร
สุดท้ายนายสมพงษ์ เผอิญโชค กล่าวว่า สำหรับราคา ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน ( TR EXCLUSIVE LIMOUSINE) ราคาเริ่มต้นเพียง 1,359,000 บาท และพิเศษสุดสำหรับ ทีอาร์ ออลโรดเดอร์ ราคาเริ่มต้นเพียง 799,000 บาท พิเศษสุดเฉพาะในงาน Bangkok International Motor Show ทั้งนี้สามารถชมและสัมผัสรถดังกล่าวได้ที่งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 32 ณ. บูธไทยรุ่ง ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2554

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
          จุฑามาศ สุภณชัย (จอย)
          ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน)
          โทรศัพท์ : 0-2420-0076 # 543
          โทรสาร : 0-2814-503
« Last Edit: March 26, 2011, 02:35:16 PM by YAHOO »

YAHOO on March 26, 2011, 02:28:09 PM


มาสด้าดึงณเดชน์และเซเลบร่วมสร้างสีสีนในมอเตอร์โชว์
 
          มร. โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำการเปิดตัวรถยนต์นั่งสปอร์ต All New Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ต่อสาธารณะชนอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ พร้อมกับแนะนำรถมาสด้า2 รุ่นพิเศษ GENETIC ที่มีเพียง 500 คันเท่านั้น แถมเอาใจบรรดาแฟนคลับของพรีเซนเตอร์หนุ่มสุดฮอตที่จะได้มีทแอนด์กรี๊ดกันแบบเต็มๆ ติดขอบเวทีกับนักแสดงหนุ่มหล่อขั้นเทพ ณเดชน์ คูกิมิยะ และเซเลบวัยซนอย่างน้องเต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ, เต็งหนึ่ง ดารานักร้องจากวง B.O.Y และพัดชา จากเวที AF ที่จะเดินทางมาร่วมขับกล่อมบทเพลงสนุกสนานและสร้างสีสันในบูธมาสด้า

          เตรียมพบกับมินิคอนเสิร์ต
          วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม เวลา 16.45 – 18.30 น. เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์ ดารานักร้องจากวง B.O.Y
          วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม เวลา 16.30 – 18.15 น. ณเดชน์ คูกิมิยะ พรีเซ็นเตอร์รถยนต์มาสด้า2 ซีดาน
          วันเสาร์ที่ 2 เมษายน เวลา 16.45 – 18.30 น. เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ
          วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน เวลา 16.30 – 18.15 น. พัดชา อเนกอายุวัฒน์ จากเวที AF2

YAHOO on March 26, 2011, 02:34:21 PM
ไทยรุ่งขยายตลาดใหม่ เปิดตัวรถตรวจการณ์ลาดตระเวน MUV4 ต้อนรับงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 32

 

          ไทยรุ่งฯ ผู้นำการออกแบบและผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ของไทย เปิดตัวรถต้นแบบใหม่ MUV4 (Military Utility Vehicle) ซึ่งเป็นรถตรวจการณ์ลาดตระเวน ที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานทางการทหาร,ตำรวจและหน่วยงานราชการต่าง ๆ หวังเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มที่ต้องการใช้ รถยนต์ Hummer หรือ Land Rover (Defender) ในราคาประหยัด เตรียมเปิดตัวได้ยลโฉมในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 32 ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม – 5 เมษายน 2554

          นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ มองว่าตลาดรถยนต์ทหารเฉพาะทางน่าจะมีอนาคตที่ดี เพราะคาดว่ากองทัพไทย มีความต้องการที่จะใช้รถยนต์ ที่มีลักษณะเฉพาะคล้ายคลึงกับรถ Hummer , Land Rover (Defender) หรือ รถ Jeep ลาดตระเวน เพื่อเพิ่มเติมจากรถยนต์ที่ใช้อยู่ในกองทัพ ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือประเทศให้ประหยัดงบประมาณ และลดการสูญเสียเงินตราจากการนำเข้ารถยนต์ที่มีราคาแพงจากต่างประเทศ บริษัทฯ จึงได้คิดพัฒนารถยนต์ตรวจการณ์ลาดตระเวน รุ่น MUV4 ขึ้นมา โดยพัฒนาขึ้นตามความต้องการในการใช้งานของทางกองทัพ โดยการนำเอาโครงสร้างของรถยนต์บรรทุกปิกอัพ (pick up) ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร ที่มีการผลิตขายในประเทศมาพัฒนาออกแบบผลิตตัวถังใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เป็นรถยนต์ที่มีความสมบูรณ์แบบได้มาตรฐานสากล ที่ง่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมต่ำ เพราะใช้ชิ้นส่วนหลักเช่นเดียวกันกับรถทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากลในประเทศ รถตรวจการณ์ลาดตระเวน MUV4 ที่บริษัทฯ จะพัฒนาขึ้น มี 2 รุ่น คือ

          1. รุ่นหลังคาเหล็ก (Hard Top)

          2. รุ่นหลังคาผ้าใบ (Soft Top)

          คุณลักษณะของรถ MUV4
          - สามารถที่จะใช้งานได้หลากหลาย ตามความต้องการ โดยสามารถถอดหลังคาได้ และเปลี่ยนรูปแบบต่าง ๆ ได้ตามความต้องการใช้งาน เช่น เป็นหลังคาแข็ง หลังคาผ้าใบ
          - การออกแบบโดยระบบคอมพิวเตอร์ CAD , CAE , CAM ที่ทันสมัยมาตรฐานสากล และมีการวิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้าง (Simulates) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์
          - การผลิตชิ้นส่วนด้วยโลหะขึ้นรูป ตัวถังรถทั้งคันผ่านระบบชุบสีกันสนิม โดยประจุไฟฟ้า (EDP) และขบวนการพ่นสีมาตรฐานเดียวกับกับผู้ผลตรถยนต์
          - มีการทดสอบจากสนามจริงตามข้อกำหนดต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงในการออกแบบให้ได้คุณภาพในการใช้งานอย่างแท้จริง
          - มีการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ทันสมัย และมีความเป็นสากลและมีความคิดที่สร้างสรรค์

          นายสมพงษ์ เผอิญโชค กล่าวต่อไปว่า ตลาดรถยนต์ตรวจการณ์เฉพาะทางนี้น่าจะมีอนาคตที่สดใส เพราะคาดการว่าทางกองทัพไทย ตำรวจ หน่วยงานราชการ จะมีความต้องการรถประเภทนี้ไม่น้อยกว่า 3,000 – 4,000 คัน และเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจในการพัฒนารถยนต์ประเภทนี้ เพราะมีปริมาณไม่มากและมีรุ่นที่หลากหลาย และเนื่องจากบริษัทฯ มีขีดความสามารถในการออกแบบผลิตชิ้นส่วน และประกอบรถยนต์อย่างครบวงจร จึงทำให้บริษทมีโอกาสขยายตลาดนี้ได้มากยิ่งขึ้น และหากทำการตลาดภายในประเทศสำเร็จแล้วก็ยังสามารถขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆอีกด้วย ซึ่งกลุ่ม เป้าหมาย คงเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาในอาเซี่ยน , แอฟริกา และตะวันออกกลาง นอกจากนี้รถยนต์ตรวจการณ์ MUV4 ยังสามารถพัฒนาต่อยอดไปเป็นรถยนต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย เช่นเดียวกับรถยนต์ของ HUMVEE ซึ่งพัฒนาไปเป็รถยนต์ HUMMER สำหรับราคาขายคาดว่าจประมาณ 1.3 -1.4 ล้านบาท ทั้งนี้สามารถชมและสัมผัสรถดังกล่าวได้ที่งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 32 ณ. บูธไทยรุ่ง ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม – 5 เมษายน 2554

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
          จุฑามาศ สุภณชัย (จอย)
          ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน)
          โทรศัพท์ : 0-2420-0076 # 543
          โทรสาร : 0-2814-503
« Last Edit: March 26, 2011, 02:36:40 PM by YAHOO »

YAHOO on March 26, 2011, 02:40:59 PM
ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีนรถฝีมือคนไทย

 
 
          บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งตัวจริง ก้าวล้ำไปอีกขั้นของการพัฒนาเทคโนโลยีมาตรฐานระดับสากล เปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ล่าสุด ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน (TR EXCLUSIVE LIMOUSINE) ดีไซน์สวย หรูหรา สะกดสายตาทุกการเคลื่อนไหว พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางและยาวขึ้นอีก 60 เซนติเมตร โดยได้รับความร่วมมือในการวิจัยและทดสอบ จากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

          นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน (TR EXCLUSIVE LIMOUSINE) พัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานของรถยนต์ชั้นนำ เชฟโรเลต โคโรลาโด เครื่องยนต์ 3,000 ซีซี เกียร์อัตโนมัติ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความประหยัดน้ำมัน เพราะใช้เครื่องยนต์ดีเซล ซูเปอร์คอมมอนเรล ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน (TR EXCLUSIVE LIMOUSINE) เป็นรถลีมูซีนที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหรา ภายในโอ่โถง กว้างขวาง เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายของห้องโดยสาร ที่ได้มีการขยายช่วงล้อให้มีความยาวขึ้นอีก 60 เซนติเมตร โดยได้รับความร่วมมือจาก MTEC สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในการวิจัยและทดสอบในเรื่องโครงสร้างแชสซีส์ ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง และระบบเก็บเสียงภายในห้องโดยสารให้มีความเหมาะสม และยิ่งไปกว่านั้น รถรุ่นนี้ยังได้รับการพัฒนาระบบช่วงล่างให้เป็นแบบคอยสปริง เพื่อเป็นทางเลือกเสริมให้กับผู้ที่ต้องการความนุ่มนวลในการขับขี่มากยิ่งขึ้น


 
          คุณลักษณะเด่นของรถยนต์ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน (TR EXCLUSIVE LIMOUSINE)
          ภายนอก
          - รูปร่างสง่างาม สไตล์ภูมิฐาน หรูหรา แตกต่างอย่างเหนือระดับ
          - ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน (TR Exclusive Limousine) มาพร้อมโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งและมีความยาวกว่ารถทั่วไป 60 เซนติเมตร (ความยาวรวม 5.55 เมตร) สะท้อนความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
          - กระจังหน้าดีไซน์ใหม่เพิ่มความโดดเด่น
          - ไฟหน้าแบบฮาโลเจนสว่างชัดทุกการเดินทาง
          - สะกดสายตาด้วยล้อแม็กลายใหม่ ขนาด 17 นิ้ว
          - ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง ออกแบบปรับปรุงให้มีความนุ่มนวลเหนือระดับ

          ภายใน
          - ห้องโดยสารหรูหรา โอ่อ่ากว้างขวาง สะดวกสบาย ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน
          - ภายในห้องโดยสารแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนคนขับและส่วนห้องโดยสาร ซึ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย พาร์ติชั่น
          - เพียบพร้อมด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก อาทิ ตู้เย็น กล่องอเนกประสงค์
          - ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบและติดตั้งฉนวนกันเสียงและความร้อนจากภายนอกเพิ่มเป็นพิเศษ ทำให้ห้องโดยสารเงียบมากยิ่งขึ้น
          - เติมเต็มสุนทรียภาพสำหรับทุกการเดินทางด้วยเครื่องเสียงระบบ Car Entertainment ประกอบด้วย เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ LCD ขนาด 18.5 นิ้ว พร้อมลำโพงซับวูฟเฟอร์พิเศษ ที่ออกแบบรวมอยู่ที่คอนโซลกลาง
          - เบาะนั่งจากหนังแท้กว้างนั่งสบาย ปรับตำแหน่งที่นั่งและพนักพิงด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง และที่พักเท้ามีลักษณะเดียวกับที่นั่งบนเครื่องบิน เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง
          - พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากที่สุด

          ทั้งนี้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่า รถยนต์ ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลีมูซีน (TR Exclusive Limousine) จะได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง โรงแรมต่างๆ ที่ต้องการรถลีมูซีนที่มีความหรูหรา สะดวกสบาย กว้างขวาง ราคาไม่แพง ประหยัดน้ำมัน มีความคงทน และค่าบำรุงรักษาต่ำ ทั้งนี้สามารถชมและสัมผัสรถดังกล่าวได้ที่งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 32 ณ. บูธไทยรุ่ง ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม – 5 เมษายน 2554

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
          จุฑามาศ สุภณชัย (จอย)
          ส่วนงานประชาสัมพันธ์
          บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน)
          โทรศัพท์ : 0-2420-0076 # 543
          โทรสาร : 0-2814-5033

YAHOO on March 26, 2011, 02:43:25 PM



 
 ยามาฮ่าล้ำไปอีกก้าว ชูคอนเซ็ปต์ The Art of Technology ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์ เทคโนโลยีเพื่อคุณ โชว์เทคโนโลยีระดับโลกสุดล้ำจากยามาฮ่า พร้อมกรี๊ดกับพรีเซ็นเตอร์ล่าสุด 2NE1

          ยามาฮ่าชูเทรนด์ไลฟ์สไตล์เทคโนโลยี ดึงกระแสเทคโนโลยีสุดล้ำผนวกเข้ากับความมีดีไซน์ที่ลงตัวของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า โชว์ความเป็นผู้นำด้านความแตกต่าง พร้อมดึงเอา 2NE1 4 สาวเกาหลี พรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่าฟีโอเร่ หัวฉีดอัจฉริยะ ร่วม Meet and Greet พร้อมยกขบวนพรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่าฟีโน่สุดฮอตร่วมทำกิจกรรม
          มร.ฟูมิอากิ นางาชิมา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงที่มาของคอนเซ็ปต์บูธยามาฮ่า The Art of Technology ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์ เทคโนโลยีเพื่อคุณ ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 ว่า
“สืบเนื่องจากแคมเปญ Yes! We are Different ตั้งแต่ปี 2008 ยามาฮ่าได้สร้างความแตกต่างให้กับวงการรถจักรยานยนต์เสมอมา ทั้งดีไซน์ที่แตกต่างของยามาฮ่าฟีโน่ และฟีโอเร่ หัวฉีดใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับของลูกค้า รวมทั้งกิจกรรมยิ่งใหญ่มากมายภายใต้กลยุทธ์ ไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้ง เช่น กิจกรรม Yamaha Yes D!Day the Unlimited Outdoor Festival เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา           
          ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ยามาฮ่าตอกย้ำความเป็นผู้นำที่แตกต่างอีกครั้ง ด้วยคอนเซ็ปต์ “Yamaha…The Art of Technology ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์เทคโนโลยีเพื่อคุณ” โดยเน้น 3 เทคโนโลยีระดับโลกสุดล้ำของยามาฮ่า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกด้าน และเหมาะสมกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วย Design technology, DiASil Technology และ YMJet Technology พร้อมย้ำกลยุทธ์ด้านไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้งของยามาฮ่าให้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งดีไซน์ของบูธในปีนี้ ยังมีสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ ที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระ และดึงดูดสายตา พร้อมด้วยแบ่งสัดส่วนอย่างลงตัว และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์เพื่อคุณ”
นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายโฆษณาและส่งเสริมการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้กล่าวถึงแนวความคิด          และกิจกรรมต่างๆในบูธยามาฮ่าว่า “จากแนวคิดของบูธในปีนี้ที่เรามุ่งเน้นในเรื่อง 3 เทคโนโลยีระดับโลกจากยามาฮ่า การแบ่งโซนของบูธยามาฮ่าจึงแบ่งออกได้เป็น 6 โซน ด้วยกัน ได้แก่

The Progress Creation : นวัตกรรมแห่งเทคโนโลยี
          เป็นโซนที่นำเสนอ ความเหนือชั้นต่าง ๆ ของเทคโนโลยียามาฮ่า คือ กระบอกสูบ ไดอะซิล เทคโนโลยีระดับโลก ลิขสิทธิ์เฉพาะจากยามาฮ่า ที่พัฒนาเพื่อให้ความทนทานและประหยัดมากกว่ากระบอกสูบทั่วไป และระบบหัวฉีดอัจฉริยะ ยามาฮ่า เอ็มเจ็ท (YMJet) ที่สุดของเทคโนโลยีความประหยัดของรถจักรยานยนต์ในปัจจุบัน

The Trendsetting : สร้างเทรนด์ใหม่ ให้โลกแตกต่าง
          เป็นโซนที่นำเสนอเทคโนโลยีรถไฟฟ้ารักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยามาฮ่า อีซี-ศูนย์สาม (EC-03) ยามาฮ่าฟีโอเร่หัวฉีด สุดยอดเทคโนโลยีหัวฉีดอัจฉริยะล่าสุด YMJET และกระบอกสูบไดอะซิล ให้คุณสมาร์ทแบบมีสไตล์ พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ล้อ 12 นิ้ว เทรนด์ใหม่ล่าสุดจากประเทศไต้หวัน และญี่ปุ่น ทั้ง Vino, Cuxi, BW’S X และ VOX

The Leader : ผู้นำเทคโนโลยีด้านการดีไซน์
          พบสุดยอดเทคโนโลยีด้านการดีไซน์ของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ทั้งยามาฮ่าฟีโน่ สปอร์ตคลาสสิค ออโตเมติกสุดฮิตกับโฉมใหม่ ที่หล่อมากขึ้น ยิ่งรักมากขึ้น การันตีความ ฮอตฮิต ด้วยรางวัล The Innovator of Fashion Automatic จาก BIKE OF THE YEAR 2011 ยามาฮ่าตระกูลมีโอ 125 และ 115 อินเทรนด์ทุกที่กับเทคโนโลยีความแรงเกินซีซี การันตีความเท่ห์ด้วยรางวัล Best Automatic – Sport จาก BIKE OF THE YEAR 2011 และสุดยอดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกสมรรถนะดีเยี่ยม ยามาฮ่า นูโว อีลีแกนซ์

The Exciting : ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์ความเร้าใจ
          แรง เร้าใจ ไปกับสุดยอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ถนนจริงของคุณ ทั้ง YZR-M1 สุดยอดจักรกลที่ถูกพัฒนาเพื่อโมโตจีพี โดยเฉพาะ และซูเปอร์ไบค์จาก YAMAHA RIDER’S CLUB ทั้ง 4 รุ่นมาจัดแสดง YZF-R1, FZ1, FJR1300A และ TMAX พร้อมด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด

The Performance : ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์สมรรถนะ
          มาพร้อมกับยามาฮ่า สปาร์ค 135 หัวฉีด ที่รวมเอาสุดยอดเทคโนโลยีมาเจอกัน ทั้งนีโอเทคโนโลยีด้วยกระบอกสูบไดอะซิล และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำสมบูรณ์แบบการันตีความแรงด้วยรางวัล Best Family – Sport จาก BIKE OF THE YEAR 2011 และยามาฮ่าสปาร์ค นาโน ซูเปอร์ประหยัด 110 ซีซี ประหยัด ทนทาน ดูแลง่ายไม่จุกจิก แกร่ง ทน ทุกสภาพถนนและอากาศ

The Recreation : เทคโนโลยีเพื่อประสบการณ์ใหม่ ให้ชีวิตแตกต่าง
          สัมผัสความโดดเด่นแบบผู้นำเทรนด์กับยานยนต์ทางน้ำ ยามาฮ่า เวฟรันเนอร์เอฟ แซด อาร์ (FZR) และเครื่องยนต์ติดท้ายเรือ F225A นวัตกรรมทางเทคโนโลยีของยานยนต์ทางน้ำของยามาฮ่า และหรูหราอีกระดับกับกอล์ฟ คาร์ วายดีอาร์ (YDR) ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของนักกอล์ฟ
          เติมสีสันใส่แฟชั่นในทุกไลฟ์สไตล์ ด้วย “YAMAHA APPAREL & ACCESSORIES” อีกหนึ่งความภูมิใจของยามาฮ่ามาพร้อมกับ SUMMER COLLECTIONS สไตล์ TRENDY ARMY ตอกย้ำความเป็นผู้นำในทุกเทรนด์อย่างแท้จริงให้เลือกช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ
          มันส์ไม่หยุด... กับกิจกรรมไลฟ์สไตล์โดนใจมากมาย ในวันที่ 5 เมษายนนี้ ลานกิจกรรมด้านนอก Challenger Hall 1
          เซอร์ไพร์สกับ 2NE1 พรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่าฟีโอเร่ หัวฉีด และกิจกรรมสุดมันส์
          -  กิจกรรม Meet & Greet กับพรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่า ฟีโน่ สุดฮอต ณเดชณ์ ซันนี่ และ มิน พิชญา ตัวจริงเสียงจริงแบบใกล้ชิด แฟนคลับตัวจริงห้ามพลาด!!!
          - การประกวดรถจักรยานยนต์แต่ง ยามาฮ่า ฟีโน่ และยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด ใหม่
          - ร่วมสนุกกับการถ่ายโฆษณา ทำไมถึงรักฟีโน่ ในแบบที่เป็นตัวเอง
          - Yamaha Technology Zone เทคโนโลยีที่สร้างสรรค์เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน
          - Cover Dance Show เทรนด์ใหม่ สไตล์เกาหลี
          - Make up Show 3 แบบ 3 สไตล์ Chic Cute Cool จากเครื่องสำอางค์แบรนด์ดัง Lola และ Etude
          - ประดิษฐ์ของใช้ในสไตล์เทรนด์ดี้ ไม่ซ้ำแบบใคร!
          - มินิคอนเสิร์ต 4 สาว 2NE1 พรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด ใหม่
          -  ปิดท้ายความมันส์กับมินิคอนเสิร์ต ชิน ชินวุฒ
         
          ชาวมอเตอร์ไซค์ เตรียมตัวพบกับความสนุก และเทคโนโลยีสุดล้ำได้ที่บูธ “Yamaha…The Art of Technology ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์ เทคโนโลยีเพื่อคุณ” วันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน นี้ ที่ Challenger Hall พร้อมชมความสมาร์ทแบบมีสไตล์ของ YAMAHA TECHNO GIRLS ทั้ง 12 คน และอัพเดทความเคลื่อนไหวของบูธ Yamaha…The Art of Technology

          ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
          - แผนกประชาสัมพันธ์หมายเลข 0 2740 8000 คุณสมเจตน์ ต่อ 8093
          คุณปิยะพงษ์ ต่อ 8056, คุณจิรนันท์ ต่อ 8044 และคุณติ๊ก ต่อ 8044
          - Yamaha Call Center โทร.0-2263-9999
          - www.yamaha-motor.co.th

YAHOO on March 26, 2011, 02:47:21 PM
ซูซูกิฉลองยอดโต 223% เผยโฉม Suzuki Swift Range Extender สุดยอดนวัตกรรม ยานยนต์ต้นแบบประหยัดพลังงาน

 
 
          ซูซูกิฉลองยอดโต 223% เผยโฉม Suzuki Swift Range Extender สุดยอดนวัตกรรม ยานยนต์ต้นแบบประหยัดพลังงาน ความเหนือชั้นของยนตรกรรม เพื่อชีวิตคนเมือง ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32

          - ทำลายสถิติยอดขายเกินเป้าที่ตั้งไว้ หลังเปิดตัวสู่ตลาดไทยเพียง 1 ปี พร้อมตั้งเป้าขายทะลุ 8,500 คันภายในปี 2554
          - ทุ่มงบ 20 พันล้านเยนญี่ปุ่น (7.4 พันล้านบาท, 1 บาท = 2.7 เยนญี่ปุ่น) ก่อสร้างโรงงาน Suzuki Eco Car ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง และจะเริ่มทำการผลิตในเดือนมีนาคม ปี 2555
          - เจาะตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กและตลาดรถยนต์ Eco Car ภายใต้งบการตลาด 380 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ 100 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2558
          - มั่นใจครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ 5% ภายในปี 2558

          ซูซูกิตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีและวิศวกรรมการสร้างสรรค์ ยนตรกรรม เผยโฉมนวัตกรรมใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม Suzuki Swift Range Extender มั่นใจผลักดันให้ซูซูกิเติบโตเพิ่มสูงอีก 55% อย่างงดงามภายในสิ้นปี

          มร. ทาคายูคิ ซูกิยามา ประธาน บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตของรถยนต์ซูซูกิในปี 2010 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 223% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศไทยที่มีการเติบโตสูงที่สุด ความสำเร็จดังกล่าวนั้น สืบเนื่องมาจากการตอบรับที่ดียิ่งจากตลาด กอรปกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด อาทิ Suzuki Swift คอมแพคคาร์ที่ดีที่สุดจากซูซูกิ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ใช่ในแบบคุณ, Suzuki SX4 Crossover ยนตรกรรม Crossover เพื่อทุกด้านของชีวิตเป็นไปได้, เสริมจากรถยนต์ Suzuki Grand Vitara สุดยอดรถยนต์ SUV แกร่ง เพื่อการเดินทางไปทุกที่อย่างที่ใจอยาก, Suzuki APV รถนั่งอเนกประสงค์สำหรับทุกคนในครอบครัว, และ Suzuki Carry รถบรรทุกเล็กแห่งความคุ้มค่า เพื่อนแท้คู่ธุรกิจคุณ

          โดยปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ซูซูกิประสบความสำเร็จนั้น เกิดจากเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมานิยมรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Compact Car) ทั้ง B-Car และ Eco-Car เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเริ่มมองหารถยนต์ขนาดเล็กที่มีมูลค่าเพิ่มมากกว่าเดิม เช่น การประหยัดน้ำมันที่มาพร้อมกับสมรรถนะความคล่องตัวปราดเปรียว เหมาะกับชีวิตในเมือง ให้ความสะดวกสบายและมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากกว่าในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งส่งผลให้ Suzuki Swift ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่มีความแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วย Cubical ดีไซน์ ที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงสมรรถนะความปราดเปรียวคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่มีครบครันกว่า อีกทั้งถือได้ว่า Suzuki Swift เป็นผู้นำเทรนด์สปอร์ตแฟชั่นที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ซึ่งในปี 2553 นั้น Suzuki Swift ประสบความสำเร็จอย่างดงามด้วยยอดขายเกินเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากความแข็งแกร่งในด้านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่หลากหลายและต่อเนื่องรวมถึงกิจกรรมบนโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ซูซูกิให้ความสำคัญมาโดยตลอด

          จากความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ซูซูกิทุ่มงบลงทุนถึง 20 พันล้านเยนญี่ปุ่น (7.4 พันล้านบาท, 1 บาท = 2.7 เยนญี่ปุ่น) ก่อสร้างโรงงาน Suzuki Eco Car ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง และจะเริ่มทำการผลิตในเดือนมีนาคม ปี 2555

          และเพื่อตอกย้ำปรัชญาของซูซูกิ Suzuki…Way of Life! ความพยายามในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่ไม่ว่าจะมีไลฟ์สไตล์อย่างไร ก็สามารถใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้ ตลอดปีที่ผ่านมา ซูซูกิจึงเดินหน้าขยายโชว์รูม รวมทั้งศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการไว้ 100 แห่ง ทั่วประเทศภายในปี 2558 โดยคาดว่าจะมีโชว์รูมและศูนย์บริการ ทั้งสิ้น 60 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้

          มร.ซูกิยามา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2011 นี้ ซูซูกิจัดสรรงบประมาณไว้ 380 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมทางการตลาด โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2011 เติบโตขึ้น 55% จาก ปี 2010 โดยในระยะยาว ซูซูกิตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไว้ที่ 5% ภายในปี 2015 โดยมุ่งทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กและตลาดรถยนต์ Eco Car ซึ่งซูซูกิมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีและขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมรถยนต์ Compact Car และ Sub-Compact Car ที่มีมาอย่างยาวนานนั้น จะผลักดันให้ซูซูกิประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์ประเภทนี้ได้อย่างงดงาม

          นอกจากนี้ซูซูกิยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอีกมากมายที่สร้างการรับรู้แบรนด์ซูซูกิสู่ผู้บริโภค อาทิ การผสานความร่วมมือกันระหว่าง บริษัท ซูซูกิออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด สนับสนุนทีมสโมสร ศรีราชา ซูซูกิ เอฟ.ซี. ร่วมแจกรางวัลรถยนต์ Suzuki Swift แก่ผู้โชคดีที่ซื้อบัตรชมภาพยนตร์ เลิฟ จุลินทรีย์...รักมันใหญ่มาก รวมถึงจัดแข่งขัน Suzuki Challenge Cup และกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภค

          และเพื่อเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี และสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกท่านในที่นี้ รวมถึงผู้บริโภคในประเทศไทย ในรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบประหยัดพลังงานของเรา ในโอกาสนี้ เราจึงทำการเผยโฉมรถยนต์ SUZUKI SWIFT Range Extender ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ เป็นรถยนต์โดยสารขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 0.66 ลิตร เป็นแหล่งผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้าเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ ซึ่งหมายความว่ารถยนต์รุ่นนี้สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยพลังไฟฟ้าโดยสมบูรณ์แบบ และเมื่อกระแสไฟฟ้าอยู่ในระดับต่ำ ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาในการขับขี่เนื่องจากกระแสไฟฟ้าหมด เพราะมอเตอร์จะทำการผลิตไฟฟ้าส่งเข้าแบตเตอรี่ นอกจากนี้แล้วเครื่องยนต์ขนาดเล็กนี้ยังเป็นคำตอบที่จะเข้ามาทดแทนการใช้แบตเตอรรี่ขนาดใหญ่ที่นอกจากจะมีราคาแพงแล้วยังมีน้ำหนักมากอีกด้วย โดย SWIFT Range Extender นี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มีการศึกษาการใช้งานจริงบนท้องถนนอีกด้วย

          สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 นี้ ผู้บริโภคจะได้รับสิทธิพิเศษ ดังนี้
          - ฟรีประกันภัยชั้น 1 เมื่อซื้อ Suzuki Swift, Suzuki SX4 และ Suzuki Carry
          - บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี เมื่อซื้อ Suzuki Swift และ Suzuki SX4
          - พิเศษ สำหรับผู้จองรถทุกรุ่นในงาน Motor Show 2011 ช่วงวันที่ 25 มี.ค. – 5 เม.ย. และรับรถภายใน 30 เม.ย. นี้ รับฟรีคูปองเติมน้ำมัน มูลค่า 5,000 บาท

          ซูซูกิคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเหมือนเช่นเคย โดยประมาณการยอดจองในงาน รวมทั้งศูนย์บริการและโชว์รูมทั่วประเทศในช่วงระยะเวลาการจัดงานอยู่ที่ 600 คัน มร.ซูกิยามา กล่าวสรุป

          สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโชว์รูม และตัวแทนจัดจำหน่ายได้ที่ Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง (สำหรับหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐาน โทร. 1800-600-900 ไม่เสียค่าบริการ, สำหรับหมายเลขโทรศัพท์มือถือ โทร. 1401-600-900) หรือ www.suzuki.co.th

YAHOO on March 26, 2011, 02:52:34 PM
สโกด้า ดัน 3 รุ่น เยติ, ซูเพิร์บ, ฟาเบีย เจาะไลฟ์ไตล์คนเมือง ชูความหรูหรา โก้ แกร่ง มาตรฐานความปลอดภัยเหนือชั้น







          ยูโรเปียน เอ็นเตอร์ไพรซ์ มั่นใจ แบรนด์ สโกด้า รถยนต์นำเข้า (CBU) สายพันธุ์ยุโรปจากสาธารณรัฐเชก โดดเด่น_แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยบุคลิกคนเมืองที่ผสานความหรู โก้ แกร่ง สมรรถนะการขับขี่ในเมืองได้อย่างลงตัว และเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัยมาตราฐานยุโรปเช่นเดียวกับรถในเครือ VW กรุ๊ป โดยได้นำรถยนต์เด่น 3 รุ่นภายใต้แนวคิด ซิตี้ ไลฟ์, ซิตี้ ไดร์ฟ ประกอบด้วย ซิตี้ คาร์, ซิตี้ เอสยูวี และ ซิตี้ ลักซ์ ชัวรี่ ซาลูน ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของรถยนต์ถึง 2 รุ่นคือ ซิตี้ เอสยูวี ใหม่ถอดด้ามอย่าง สโกด้าเยติ น้องใหม่ที่ฉีกความจำเจของเอสยูวีเดิมๆ ด้วยเส้นสายโครงสร้างที่สะท้อนความโก้ แกร่ง การันตีคุณภาพด้วยตำแหน่งรองชนะเลิศ ยูโรเปียน คาร์ ออฟ เดอะ เยียร์ ปี 2010 และในกลุ่มซิตี้ ลักซ์ ชัวรี่ ซาลูน เป็นการอวดโฉมครั้งแรกของ สโกด้า ซูเพิร์บ รถยนต์นั่งซีดานขนาดกลาง ที่สะท้อนความหรูหรา กว้างขวาง และให้ความคุ้มค่าด้านความปลอดภัย รวมถึงการรถเล็ก ซิตี้ คาร์ สโกด้า ฟาเบีย ที่เปิดตัวมาแล้ว มาจัดแสดงอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ยูโรเปียน เอ็นเตอร์ไพรซ์ หนึ่งในกลุ่ม บริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ กลุ่ม ดีเอดี ยนตรกิจ ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์สโกด้าผู้เดียวในประเทศไทย ได้เปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่น คือ สโกด้า เยติ และ สโกด้า ซูเพิร์บ อย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 ภายใต้แนวคิด ซิตี้ ไลฟ์, ซิตี้ ไดร์ฟ นอกจากนั้นยังได้นำรถสโกด้า ฟาเบีย ซึ่งทำตลาดในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องมาร่วมแสดงด้วยเช่นกัน แนวคิดซิตี้ไลฟ์, ซิตี้ ไดร์ฟ ในการแสดงรถยนต์ครั้งนี้ ประกอบด้วย กลุ่ม ซิตี้ เอสยูวี, กลุ่มซิตี้ ลักซ์ ชัวรี่ ซาลูน ที่เน้นความหรูหรา สะดวกสบาย และกลุ่มรถเล็ก ซิตี้คาร์ เพื่อตอบสนองการใช้งานภายในเมืองโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการนำเข้ารถยนต์ประกอบนอกทั้งคัน (CBU) รองรับความต้องการของผู้นิยมความสมบูรณ์แบบของรถยนต์นำเข้าอย่างแท้จริง และเอาใจคนรักรถยุโรปที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในการขับขี่          
 
          ซิตี้ เอสยูวี สโกด้า เยติ (SKODA Yeti) รถเอสยูวีขนาดกลาง น้องใหม่สำหรับคนในเมือง ที่สร้างความแตกต่างด้วยเส้นสายโครงสร้างที่สะท้อนความ โก้แกร่ง ทรงมนเหลี่ยม มีลายเส้น สัน บนฝากระโปรง นูน เน้นความแข็งแรง ไฟหน้าชิ้นเดียว ไฟตัดหมอก ทรงกลมขนาดใหญ่ ติดตั้งระหว่างกระจังหน้า ดูสะดุดตาให้ทัศนวิสัยที่ดี กระจังหน้าแนวตั้ง ทรงเหลี่ยม พร้อมขอบโครเมี่ยมด้านบน สไตล์รถสโกด้า ภายใน สโกด้า เยติ ซิตี้ SUV มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมอุปกรณ์ อำนวยความสะดวกครบครัน ให้ชีวิตการขับขี่ในเมือง และเดินทางไกล มีความเพลิดเพลินขึ้น เบาะนั่งที่สูงกว่า ทำให้ สโกด้า เยติ มีทัศนวิสัยรอบคันที่ดี เหนือกว่ารถแบบอื่น เบาะหลังชนิด Vario Flex แยก 3 ส่วน ใช้งานได้หลายรูปแบบ ทำให้ใส่สัมภาระได้สะดวก ขนย้ายได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบอิสระใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวในเมืองและนอกเมือง สโกด้า เยติ ยังได้รับการ การันตีคุณภาพด้วยตำแหน่งรองชนะเลิศ ยูโรเปียน คาร์ ออฟ เดอะ เยียร์ ปี 2010

          สโกด้า เยติ SUV 5 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ เปิดตัวด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่น Classic และ รุ่น Ambiente เครื่องยนต์เบนซินประหยัดและให้กำลังสูง 1.2 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ระบบหัวฉีดมัลติพอยท์ ไดเร็คอินเจคชั่น มีแรงบิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขับขี่ได้ดี ในทุกสภาวะ พร้อมกับระบบส่งกำลังคลัทช์คู่ แทนอุปกรณ์ Torque Convertor เดินหน้า 7 จังหวะ ไดเร็คชิฟท์ เข้าเกียร์ด้วยระบบ ทิปทรอนิคส์ ง่ายสะดวกนุ่มนวล เลือกการขับขี่ในแบบสปอร์ต หรือ แบบประหยัด ในรุ่น Ambiente ติดตั้งหลังคาซันรูฟ แบบพาโนรามิค 2 ชิ้น ให้วิวที่เป็นอิสระ โปร่งใส พร้อมแร๊คหลังคาที่ปรับบรรทุกได้หลากหลาย

          ด้านความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป สโกด้า เยติ มีความปลอดภัยสูงสุด ตามมาตรฐานรถยุโรป โดยผ่านการทดสอบการชนสูงสุด 5 ดาว จากสถาบัน Euro NCAP จากการทดสอบชนด้านหน้า ชนเยื้อง ด้านข้าง ให้ความปลอดภัยสูงสุด 92% สำหรับอุปกรณ์ความปลอดภัย ที่ติดตั้งมากับรถ อาทิ ระบบเตือนการรัดเข็มขัดนิรภัย ระบบช่วยการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันเบรกล้อล็อคตาย ABS, ระบบช่วยเบรก HBA ระบบป้องกันการลื่นไถล ASR และระบบลิมิเต็ดสลิป ช่วยล็อคเพลาเมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรี EDS ระบบไฟส่องสว่างรอบคันที่ชัดเจน ระบบไฟ Day Light

          นอกจากนั้น โครงสร้างของสโกด้าเยติ ออกแบบให้มีความแข็งแรง รับแรงกระแทกได้ดีในทุกๆ ด้าน และมีถุงลมนิรภัย รอบคันถึง 8 ตำแหน่ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยทำงาน ระบบจะตัด หรือ ปิดการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการรั่วของน้ำมันเชื้อเพลิงที่อาจทำให้เกิดการลุกไหม้ จากน้ำมันเชื้อเพลิงได้
 
          ในสวนของ ซิตี้ ลักซ์ ชัวรี่ ซาลูน สโกด้า ซูเพิร์บ (Skoda Superb) เป็นรถยนต์อีกรุ่นที่ถูกคัดเลือกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซูเพิร์บเป็นรถยนต์นั่งซีดานขนาดกลาง ได้รับการออกแบบโดยสะท้อนความหรูหรา โอ่อ่า ความกว้างขวาง ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด ภายนอกได้รับการออกแบบโดยเน้น สง่างาม ลายเส้นบนตัวถังทรงนูน เน้นรูปทรงที่สง่างามแฝงด้วยพลัง กลมกลืนทุกๆ ส่วน ในทุกมุมมอง ตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงด้านหลัง

          สโกด้าซูเพิร์ป ซีดานหรูหรา 4 ประตู ที่เป็นมากกว่ารถซีดานธรรมดา โดยได้ออกแบบประตูท้ายแบบทวิน (Twin Door System) ประตูท้ายขนาดใหญ่ เปิดได้สูงกว้าง ทำให้รถซูเพิร์บซีดาน มีคุณลักษณะการใช้งานได้หลากหลาย ดั่งรถ 5 ประตู สามารถขนถ่ายสัมภาระได้ง่าย มีพื้นที่ห้องสัมภาระที่ใหญ่ สะดวกด้วยระบบล็อคประตูท้ายด้วยไฟฟ้า ทำให้การเปิด / ปิด ประตูท้ายและล็อคโดยอัตโนมัติ ทำให้ง่ายขึ้น ปลอดภัยกว่า

          ภายในเน้นความโอ่อ่า สะดวกสบาย ไม่อึดอัด ออกแบบให้ผู้โดยสารและผู้ขับขี่ได้รับความสุข ความสะดวก เพลิดเพลินสูงสุดในการเดินทาง ด้วยเบาะนั่งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ หุ้มด้วยหนังอย่างดี ความหนาแน่นของเนื้อโฟม แต่ละชิ้นส่วนให้ความนุ่มนวล นั่งสบาย รูปทรงที่รองรับสรีระของร่างกายได้สมดุลย์ ในทุกๆ การเดินทาง และลดการเมื่อยล้าเมื่อเดินทางไกล ชิ้นส่วนทุกชิ้นของอุปกรณ์ภายในรถถูกคัดเลือกจากวัสดุอย่างดี การประกอบที่ประณีต อุปกรณ์ระบบต่างๆ ที่ทันสมัย ระบบปรับอากาศแบบ Climatronic ทำงานได้โดยอัตโนมัติ ควบคุมด้วยอิเล็คทรอนิคส์ ชนิด Dual Zone สามารถตั้งและควบคุมอุณหภูมิด้านคนขับและผู้โดยสารให้แตกต่าง เพื่อความสดชื่น สะดวกสบายในทุกๆ พื้นที่

          เครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี 4 สูบ ของสโกด้า ซูเพิร์บ เสริมพลังและความประหยัดด้วยเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ Startified อินเจ็คชั่น เทคโนโลยีของเยอรมัน จากบริษัทแม่ Audi และ VW กรุ๊ป ให้กำลังสูง 160 แรงม้า หรือ 118 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงถึง 250 นิวตันเมตร ตอบสนอง ยืดหยุ่นได้ดี ตั้งแต่รอบต่ำ 1,500 ถึง 4,200 รอบ/นาที ทำให้ขับขี่ได้ดี เร่งแซงออกตัวได้ทันใจ ในทุกๆ สภาวะการจราจร มาพร้อมกับเกียร์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไดเร็คชิฟท์ DSG (Direct Shift Gear) เดินหน้า 7 จังหวะ ใช้ระบบการส่งแรงด้วยระบบคลัทช์คู่ แทนอุปกรณ์ Torque Convertor พร้อมด้วยระบบการเปลี่ยนเกียร์แบบทิปทรอนิคส์ – Tiptronics เข้าเกียร์ได้ง่ายเพียงนิ้วสัมผัส สามารถเลือกการขับขี่แบบสปอร์ต ว่องไว -รวดเร็ว หรือแบบนุ่มนวล – ประหยัด

          สโกด้า ซูเพิร์บ มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดและเป็นที่ยอมรับสำหรับความปลอดภัยก่อนและหลังการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยโครงสร้างที่รับแรงกระแทกได้สูง ห้องโดยสารที่แข็งแรง คงสภาพพื้นที่ในห้องผู้โดยสาร ที่ได้มาตรฐานสูงสุดของยุโรป ด้วยคะแนนสูงสุด 5 ดาว จากการทดสอบการชนของสถาบัน EURO – NCAP ภายในห้องโดยสาร ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างหน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และเสริมพิเศษในรุ่น Ambiente ด้วยม่านนิรภัย และถุงลมข้างด้านหลัง และถุงลมนิรภัยหัวเข่า (Knee) พร้อมเข็มขัดนิรภัยหลังชนิด Pretensioner ทำให้ ซู เพิร์บ มีความปลอดภัยสูงสุด มีถุงลมนิรภัยรอบคัน 9 ตำแหน่ง และด้วยระบบพวงมาลัย Electromechanical ควบคุมด้วยไฟฟ้า ทำให้การควบคุมทิศทางได้อย่างมั่นใจปลอดภัยในทุกสภาวะผิวถนนและสภาพอากาศ
 
          พร้อมกันนี้ ยังนำรถ ซิตี้คาร์ รุ่นเล็ก สโกด้า ฟาเบีย (Skoda Fabia)ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา มาจัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ 2011 นี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย ปราดเปรียว กระฉับกระเฉง แฝง ความโก้หรู ซึ่งเป็นบุคลิกของความเป็นรถยุโรปที่เรียบง่าย แข็งแรง กระทัดรัด ภายในเน้นความหรูหราเรียบง่าย สามารถสัมผัสได้ถึงคุณภาพความลงตัว ในทุกๆชิ้นส่วน ตำแหน่งสวิทซ์ควบคุม และแกนควบคุมต่างๆ บนแผงหน้าปัด ใช้งานง่าย มาตราวัดเห็นได้ชัดเจนสบายตา พวงมาลัยขนาดกระทัดรัด กระชับมือ ปรับระยะได้ ควบคุมทิศทางได้ง่าย เบาะนั่ง ออกแบบให้นั่งอย่างสบาย รูปทรงรับกับสรีระของร่างกาย ทำให้ไม่เมื่อยล้า ในการทางเดิน ปรับตำแหน่ง สามารถเห็นทัศนวิสัยได้รอบคัน

          สโกด้าฟาเบีย ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร TSI ที่ให้ความประหยัดและพลังในการขับเคลื่อนด้วยขนาดความจุ 1,200 ซีซี เสริมกำลังด้วยเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงหัวฉีดแรงดันสูง ไดเร็คอินเจ็คชั่น ให้กำลังมาตราฐานยุโรป 105 แรงม้า หรือ 77 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 18 กิโลเมตร/ลิตร

          แรงบิดที่มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ รอบต่ำ ทำให้ขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ทันใจ ในทุกสภาพการจราจรด้วย ระบบที่ส่งกำลังที่ทันสมัยที่สุด ที่ใช้กับรถสมรรถณะสูง ด้วยเกียร์ไดเร็คชิฟท์ DSG ใช้ระบบถ่ายทอดกำลังโดยตรงด้วยคลัชคู่ Dual-Clutch รวดเร็วประหยัด แทนอุปกรณ์ Torque Convertor มีเกียร์เดินหน้า 7 จังหวะ เปลี่ยนเกียร์ได้ทันใจนุ่มนวลด้วยระบบ Tiptronic ด้วยปลายนิ้วสัมผัส สามารถเลือกการขับขี่แบบสปอร์ตอย่างเกียร์ธรรมดาหรือแบบประหยัด เครื่องยนต์เบนซินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีมลพิษต่ำมาตราฐานยุโร 5

มาตรฐานด้านความปลอดภัย สโกด้า ฟาเบีย ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ม่านนิรภัยด้านข้างหน้า และ หลัง พร้อมเข็มขัดนิรภัย ชนิด Pretensioner มั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบเบรก ABS พร้อมหม้อลงช่วยผ่อนแรงขนาดใหญ่ ระบบป้องกันการลื่นไถล MSR/ARS ระบบช่วยเบรก HBA ระบบช่วยการทรงตัว ESP ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี EDS และพิเศษด้วยระบบกันรถไหลบนเนิน Hill Hold Control

          พบรถยนต์ สโกด้า ในราคาแนะนำเริ่มต้นเพียง 990,000.-บาท ดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 1.99% หรือเลือกผ่อนนาน 72 เดือน

          พร้อมกันนี้สโกด้า หนึ่งในแบรนด์รถยนต์นำเข้าของ กลุ่ม ดีเอดี ยนตรกิจ ยังได้ร่วมแคมเปญในงานดังกล่าวอีก 3 แคมเปญ คือ D.A.D Back Home บริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 10 รายการ สำหรับลูกค้าสโกด้า ทั้งเก่าและใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถปีใดก็ตามสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการของแบรนด์รถยนต์ในเครือ ดีเอดี ยนตรกิจได้ทุกสาขา ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้ความมั่นใจในยนตรกิจ และตอกย้ำถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรถยุโรปของกลุ่ม D.A.D ที่ยังยืนหยัดให้การดูแลลูกค้าที่ชื่นชอบรถยุโรปอย่างต่อเนื่อง

ส่วนอีก สองแคมเปญ เป็นแคมเปญสำหรับลูกค้าใหม่ของสโกด้าและแบรนด์ในเครือ สำหรับลูกค้าใหม่ ที่จองรถในงานมอเตอร์โชว์ จะได้รับ “บัตร D.A.D. VVIP” เพื่อเป็นส่วนลดค่าอะไหล่(10%) และส่วนลดค่าแรง(15%) พร้อมบริการรถสไลด์รับ-ส่งรถเพื่อนำเข้าเชคระยะ พร้อมกันนี้ร่วมกับ Life star wedding Studio มอบแพคเกจถ่ายภาพคู่และภาพครอบครัวให้เป็นการสมนาคุณพิเศษอีกด้วย โดยแคมเปญทั้งหมดจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มีค. – 5 เม.ย. 2554 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานมอเตอร์โชว์เท่านั้น

          สัมผัสรถยนต์ภายใต้แนวคิด ซิตี้ ไลฟ์, ซิตี้ ไดร์ฟ ทั้ง 3 รุ่น ซิตี้ คาร์ สโกด้า ฟาเบีย , ซิตี้ เอสยูวี สโกด้า เยติ และ ลักซ์ ชัวรี่ ซาลูน สโกด้า ซูเพิร์บ ที่ให้ความคุ้มค่าด้านความปลอดภัย ภายใต้บุคลิกที่โก้หรู ได้ที่บูธสโกด้า ในบางกอกอินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011 ได้แล้วตั้งแต่บัดนี้

          ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนกรุณาติดต่อ
          นางสาวปิยะรัตน์ โรจน์นครินทร์
          นางสาวชนัญชิดา พัฒนพันธุ์พงศ์
          บริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
          โทร. 02 934 5634 แฟกส์ 02 934 5633
« Last Edit: March 26, 2011, 02:59:55 PM by YAHOO »

YAHOO on March 26, 2011, 02:57:10 PM
DAD ยนตรกิจ ยกทัพรถใหม่ 6 รุ่น อัดแคมเปญ กระหึ่มมอเตอร์โชว์2011
   
          ดีเอดี ยนตรกิจ จัดหนักนำรถใหม่ของแบรนด์ในเครือ พาเหรดเข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011 นำขบวนโดย “ซีตรอง ดีเอส3และจัมเปอร์” “เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ7และ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ คิว5” “สโกด้า ซูเพิร์บและ สโกด้า เยติ” พร้อมปล่อย 3 แคมเปญเด็ดเอาใจลูกค้าทั้งใหม่และเก่า ตรวจเช็คสภาพฟรี ยืนยันความเป็นมืออาชีพด้านการดูแลรถยุโรป พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่จองรถในงาน รับบัตรวีวีไอพี เพื่อเป็นส่วนลดค่าแรงค่าอะไหล่ พร้อมรับแพคเกจถ่ายภาพจากสตูดิโอชั้นนำ

          นางสาว วิชชุดา ลีนุตพงษ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือกลุ่มดีเอดี ยนตรกิจ ผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่ายและผู้ให้บริการหลังการขายรถยนต์ ยี่ห้อ “ซีตรอง” “โฟตอน” “เอ็มทีเอ็ม ออดี้” “เซียท” “สโกด้า” “สปีด อาร์ต พอร์ช” “สปายเกอร์ ” อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมแสดงรถยนต์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี บริษัทฯได้นำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าร่วมแสดงถึง 6 รุ่น 3 ยี่ห้อได้แก่ ซีตรอง เอ็มทีเอ็มออดี้ และสโกด้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์มาตรฐานยุโรป

          สำหรับแบรนด์รถยนต์ ซีตรอง นำทีมโดยรุ่น “ดีเอส3”(DS3) ด้วยรูปทรงดีไซน์รถแบบสปอร์ตแฮตช์แบ็ค สร้างความโดดเด่นและสะดุดตาบนท้องถนน สามารถสะท้อนบุคลิกของผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความแตกต่าง ทันสมัยและมีแฟชั่นอยู่ในใจได้เป็นอย่างดี

          ซึ่งในงานนี้ ซีตรอง ดีเอส3 ยังคงมากับทางเลือกเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปลผันVTi ให้พละกำลังสูงสุดถึง 120 แรงม้า และคงความเร้าใจด้วยแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดพร้อมระบบ Triptonic อันทันสมัยของซีตรอง ประเทศฝรั่งเศส

          ขณะที่ ซีตรอง รุ่น “จัมเปอร์”(Jumper) รถเอนกประสงค์ระดับวีไอพี ได้รับการตกแต่งใหม่เพิ่มความหรูหราและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อาทิ เบาะหนังแท้แบบเฟิร์ส คลาสพร้อมระบบนวดไฟฟ้า, บันไดขึ้นลงไฟฟ้าทั้งด้านซ้าย-ขวา และระบบโฮม เอนเตอร์เทนเมนท์ เติมเต็มความสมบูรณ์แบบ

          นางสาววิชชุดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านของแบรนด์ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ จะมีแสดงได้แก่รุ่น “เอ7”(A7) รถสปอร์ตซีดานแนวคิดใหม่ที่ไม่จำกัดความสปอร์ตไว้เพียงแค่รถ 2 ประตูเท่านั้น ด้วยรูปทรงที่ออกแบบให้เป็น 4 ประตูแต่ผสานเอาความสปอร์ตไว้ได้อย่างลงตัว บวกกับเครื่องยนต์อันทรงพลังที่ได้รับการปรับแต่งเพิ่มจากเอ็มทีเอ็มจนทำให้เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรมีพละกำลังถึง 285 แรงม้าตอบโจทย์ความเป็นสปอร์ตได้เหนือกว่าใคร

          นอกจากนั้น เอ็มทีเอ็มยังนำเอารุ่น “คิว5”(Q5) รถสปอร์ตเอนกประสงค์ , รุ่น “เอ5”(A5) รถสปอร์ตแบบคูเป้ 2 ประตู ที่ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติม และรุ่น “เอ1”(A1) รถสปอร์ตแฮตซ์แบ็คน้องเล็กของค่าย มาเข้าร่วมแสดงด้วย

          สำหรับแบรนด์ สโกด้า นำทีมโดย 2 ดาวรุ่งโฉมใหม่ล่าสุด “ซูเพิร์บ”(Superb) และรุ่น “เยติ”(Yeti) ซึ่ง ซูเพิร์บ เป็นรถยนต์นั่งแบบซีดานขนาดกลางที่หรูหราและมีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานยุโรป พร้อมทั้งอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เครื่องยนต์อัจฉริยะ 1.8 TSI ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 160 แรงม้า ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ DSG 7 สปีด อันเลื่องชื่อ ทำให้มีอัตราเร่งดี แต่อัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ

          ส่วนรุ่น เยติ จะเป็นรถยนต์แบบซีตี้ เอสยูวี ที่สามารถตอบสนองลูกค้าผู้ชื่นชอบความแปลกใหม่ ที่มีทั้งความประหยัดและระดับความปลอดภัยตามมาตรฐานรถยุโรป ซึ่งเยติจะตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตรTSI ผสานกับเกียร์สุดอัจฉริยะ DSG 7 สปีด ทำให้พละกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้าและมีอัตราเร่ง 0-100 ในเวลาเพียง 12 วินาที แต่คงความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงระดับ 6.4 ลิตรต่อ 100 กม.เอาไว้ได้ นางสาววิชชุดา กล่าวว่า บริษัทฯได้จัดแคมเปญพิเศษในระหว่างเวลาเข้าร่วมจัดแสดงรถในงานดังกล่าวนี้ถึง 3 แคมเปญ คือ “ D.A.D. Back Home” บริการตรวจเชคสภาพรถฟรี 25 รายการ สำหรับรถยนต์ทุกรุ่นของแบรนด์ในเครือ ดีเอดี ยนตรกิจ ทั้งรถเก่าและรถใหม่ไม่ว่าจะเป็นรถปีใดก็ตามสามารถเข้ารับบริการได้ศูนย์บริการของแบรนด์รถยนต์ในเครือ ดีเอดี ยนตรกิจทั้งหมดทุกสาขา

“แคมเปญนี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าของดีเอดี ยนตรกิจที่ยังคงรักและชื่นชอบรถยนต์ของยุโรป ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรถยุโรปและยืนหยัดให้บริการลูกค้าอันทรงเกรียติของเราได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ท่านจะขับรถรุ่นใดก็ตามขอให้เป็นแบรนด์ในเครือที่ดีเอดี ยนตรกิจทำตลาดอยู่ในปัจจุบันสามารถนำรถของท่านเข้ารับบริการได้ฟรี” วิชชุดากล่าว

          ส่วน แคมเปญที่ 2 และ3 สำหรับลูกค้าใหม่ ที่จองรถในงานมอเตอร์โชว์ จะได้รับ “บัตร D.A.D. VVIP” เพื่อเป็นส่วนลดค่าอะไหล่(10%) และส่วนลดค่าแรง(15%) พร้อมบริการรถสไลด์รับ-ส่งรถเพื่อนำเข้าเชคระยะ พร้อมกันนี้ร่วมกับ Life star wedding Studio มอบแพคเกจถ่ายภาพคู่และภาพครอบครัวให้เป็นการสมนาคุณพิเศษอีกด้วย

          โดยแคมเปญทั้งหมดจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มีค. – 5 เม.ย. 2554 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานมอเตอร์โชว์เท่านั้น

          ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนกรุณาติดต่อ
          นางสาว ปิยะรัตน์ โรจน์นครินทร์
          นางสาว ชนัญชิดา พัฒนพันธุ์พงศ์
          บริษัท ไดเรคชันแนล ออโตโมบิลส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
          โทร. 02 934 5634 แฟกซ์ 02 934 56 33

YAHOO on March 26, 2011, 03:02:02 PM
ซีตรองนำทัพ DS3 และ Jumper อัดแคมเปญเด็ด สนั่นมอเตอร์โชว์
 
          ซีตรองลั่นกรองรบ นำ “ดีเอส3” อวดโฉมในงานมอเตอร์โชว์ ด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว มีดีไซน์ทันสมัย หรูหราเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมส่ง “จัมเปอร์” จับกลุ่มลูกค้าผู้บริหารและครอบครัว ชูความเอนกประสงค์คู่ความสบายระดับเฟิร์สคลาส ชู 3 แคมเปญเด็ดมัดใจลูกค้า

          นายเต็ม ทรงเจริญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีที. ยูโรพาร์ท จำกัด ผู้นำเข้า จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ซีตรองแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป จึงมีความภูมิใจที่จะนำเสนอ “ซีตรอง ดีเอส3” และ “ซีตรอง จัมเปอร์” ในการเข้าร่วมแสดงรถยนต์ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่าง 25 มีนาคม ถึง 5 เมษายน ศกนี้


 
          ซีตรอง ดีเอส 3 เป็นรถที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “แฟชั่นคาร์แห่งเมืองน้ำหอม” ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยว สะดุดตา ด้านหน้าจดด้านท้าย มีความสมดุลและลงตัวในทุกส่วนสัด ทั้งยังให้ความรู้สึกสปอร์ตผสานกับความทันสมัยและสะดวกสบายเฉกเช่นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่

          สีสันภายนอกผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการ โดยมีล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และท่อไอเสียทรงสปอร์ต เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกคัน

          การตกแต่งภายในของดีเอส3 ให้ทั้งความหรูหราตามเทรนด์แฟชั่นสไตล์ฝรั่งเศส และความสะดวกสบายของฟังก์ชั่นใช้งานต่างๆ ภายในรถ อาทิระบบปรับอากาศอัตโนมัติ วิทยุ-ซีดีฝังในคอนโซลหน้า พวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต และแผงหน้าปัดเรือนไมล์ดีไซน์ใหม่แบบ 3 ช่องให้ความรู้สึกสปอร์ตเช่นเดียวกัน

          ด้านของเครื่องยนต์ ดีเอส3 มากับทางเลือกของเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร VTi 4 สูบ 16 วาล์ว ที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง PSA(เปอร์โยและซีตรอง) และ BMW ซึ่งให้พละกำลังสูงสุดถึง 120 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดพร้อมระบบ Tiptonic ให้ความสนุกในการขับขี่ได้เฉกเช่นเกียร์ธรรมดา

          ความปลอดภัยซีตรอง ดีเอส3 มีบรรจุไว้อย่างครบครันตามสไตล์รถยุโรปทั้ง ดิสก์เบรก4 ล้อที่มากับระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก EBA ถุงลมนิรภัย พวงมาลับแบบแรคแอนด์พิเนี่ยนพร้อมปั๊มไฟฟ้า รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.2 เมตร ระบบช่วงล่างหน้า แบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท หลังแบบอิสระ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง


 
          ส่วนซีตรอง จัมเปอร์ มากับรูปทรงเอนกประสงค์หรูหราสอดรับกับผู้บริหารหรือครอบครัวขนาดใหญ่ที่ชื่นชอบการเดินทาง โดยมากับ 3 ทางเลือกย่อยได้แก่ J2, JL1/JL2 และPresident

          ซีตรอง จัมเปอร์ President มีขนาดตัวถังที่กว้างใหญ่และสูงที่สุดด้วยมิติความยาว 5,413 มม. กว้าง 2,050 และสูงถึง 2,524 มม. พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับ VVIP ครบครัน ทั้งเบาะนั่งหนังแท้แบบเฟิร์สคลาสพร้อมระบบนวดไฟฟ้าให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ระบบเครื่องเสียง โฮม เธียเตอร์ สมบูรณ์แบบพร้อมจอ LCD กระจกกันระหว่างห้องผู้โดยสารกับคนขับ

สำหรับเครื่องยนต์ของรุ่น President จะมีขนาดใหญ่ที่สุดเช่นกันโดยเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 157 แรงม้าที่ 3600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่รอบกว้าง 1700-2550 รอบต่อนาที

          ซีตรอง จัมเปอร์ JL1/JL2 มากับขนาดตัวถังที่ยาว 5,413 มม. แต่สูงเพียง 2,254 มม. กว้าง2,050 มม. โดยบรรจุเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตรที่ 2000 รอบต่อนาที

          ด้านการตกแต่งภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนั้น JL2 จะมากับเบาะนั่งหนังแท้แบบเฟิร์สคลาสพร้อมระบบนวดไฟฟ้า พร้อมจอ LCDและระบบเครื่องเสียงสมบูรณ์แบบ ประตูเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าทั้งซ้ายและขวา กระจกกั้นระหว่างห้องผู้โดยสารกับคนขับ และระบบช่วยจอดพร้อมจอภาพแสดงผล

          ขณะที่ JL1 มากับเบาะนั่งหนังแท้ 11 ที่นั่ง (เบาะแถวที่ 2 ปรับไฟฟ้า) คอนโซลหน้าลายไม้แบล็คเปียโน คอนโซลการเรียบหรูพร้อมปุ่มควบคุมการทำงาน และกระจกกั้นระหว่างห้องผู้โดยสารกับคนขับ

          ส่วนซีตรอง จัมเปอร์ J2 มากับขนาดตัวถังสั้นกว่ารุ่นอื่น โดยมีความยาว 4,963 มม. กว้าง2,050 มม. สูง 2,254 มม. เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตรที่ 2000 รอบต่อนาที ภายในตกแต่งด้วยเบาะนั่งหนังแท้ 11 ที่นั่ง จอ LCDพร้อมระบบเครื่องเสียงสมบูรณ์แบบ บันไดเลื่อนข้างประตูอัตโนมัติ (เฉพาะด้านซ้าย)

          ซีตรอง จัมเปอร์ทุกรุ่น ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร4 ระบบกันสะเทือน หน้า แบบแมคเฟอร์สันสตรัทคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง หลัง แบบคานแข็ง ถุงลมพร้อมโช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบความปลอดภัยถุงลมนิรภัยด้านคนขับ ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อพร้อมเบรก ABS

          นายเต็ม กล่าวว่า แคมเปญพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถในระหว่างงานมอเตอร์โชว์ จะได้รับแพ็คเกจถ่ายภาพคู่ มูลค่า 10,000 บาท และแพ็คเกจถ่ายภาพครอบครัว มูลค่า 5,000 บาท จำนวนจำกัด ทั้งยังจะได้รับบัตร VVIP เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าบริการและค่าอะไหล่ และรถยนต์ซีตรองทุกรุ่นสามารถเข้ารับการตรวจเชคฟรี 25 รายการที่ศูนย์บริการซีตรองทุกแห่งในระหว่างระยะเวลาแสดงของงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 5 เมษายน ศกนี้อีกด้วย

YAHOO on March 26, 2011, 03:05:15 PM
“เอ็มทีเอ็ม” จัดชุดใหญ่ ขนทัพรถใหม่-แรงอวดโฉมมอเตอร์โชว์
 
          เอ็มทีเอ็มยกทัพรถแรง 4 รุ่นอวดโฉมในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 32 นำทีมโดย “เอ7” รถสปอร์ตซีดานแนวคิดใหม่ที่พกพาความแรงระดับ 285 แรงม้ามาโชว์ “เอ1” รถเล็กซ่อนความแรง ขับสนุกสไตล์ยุโรป “คิว5” รถเอสยูวีที่ผสมความเอนกประสงค์กับความแรงไว้รวมกัน และ “เอ5” รถสปอร์ตคูเป้สายพันธ์เยอรมันแท้ พร้อมจัดแคมเปญชุดใหญ่ทั้งบัตรวีวีไอพีและแพคเกจถ่ายภาพคู่

          นายกิติภัฎ เฉลยทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอเรน เทคนิค เมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเผยว่า บริษัทฯ นำรถยนต์เอ็มทีเอ็มเข้าร่วมแสดงในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานีในระหว่างวันที่ 25 มีค. – 5 เม.ย.ศกนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยมีให้เลือก 4 รุ่น 4 สไตล์แตกต่างกันได้แก่


          “เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ7 (MTM Audi A7)” ทื่ถือเป็นไฮไลท์ของการเข้าร่วมแสดงงานในครั้งนี้ ซึ่ง เอ7เป็นรถสปอร์ตซีดานแนวคิดใหม่ ด้วยรูปทรงที่ออกแบบให้เป็น 4 ประตู ฉีกกฏความเชื่อเดิมที่ว่ารถสปอร์ตต้องมีเพียง 2 ประตูเท่านั้น ดีไซน์ภายนอก หลังคาหลังลาดโค้งรับกับประตูคู่หลังดูอย่างลงตัวตามแบบฉบับรูปทรงของรถแบบคูเป้

          การตกแต่งภายในของ เอ7 เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อันทันสมัยที่ถูกจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งใช้งานง่าย ทั้งยังให้ความรู้สึกสปอร์ตด้วยพวงมาลัยหนังแท้ 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชัน เบาะนั่งหนังแท้ปรับไฟฟ้า แผงคอนโซลหนังคุณภาพสูงตัดสลับด้วยลายไม้และวัสดุอลูมิเนียม

          หัวใจบรรจุเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ(TDI) ขนาด 3.0 ลิตรที่ได้รับการปรับแต่งเพิ่มจากเอ็มทีเอ็มจนทำให้มีพละกำลังสูงสุดถึง 285 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตรที่รอบต่ำเพียง 1,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (S-Tronic) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ 270 กม./ชม. ตอบโจทย์ความเป็นสปอร์ตได้เหนือกว่าใคร

อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ “เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ1”( MTM Audi A1) รถสปอร์ตแฮตช์แบคน้องเล็กจากค่ายเอ็มทีเอ็ม ที่ผสานความลงตัวระหว่างความแรงกับความคล่องตัวในแบบฉบับของรถขนาดเล็กตามสไตล์ยุโรปโดยเน้นในเรื่องของสมรรถนะ การทรงตัว การเกาะถนนและสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยในระดับสูงสุด
          

          เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ1 มากับขนาดตัวถังกว้าง 1,740 มม. ยาว 3,954 มม. และสูง 1,416มม. พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกที่ครบครัน ขณะที่อุปกรณ์ตกแต่งภายในให้ความหรูหราและคงอรรถประโยชน์ในสไตล์ของรถยูโรปไว้อย่างครบถ้วน

          เครื่องยนต์ของเอ1 เป็นแบบเบนซินขนาด 1.4 ลิตร เทอร์โบ (TFSi) ให้กำลังสูงสุดถึง 152 แรงม้าที่ 6,900 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ S-Tronic อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. ให้การขับขี่ที่สนุกเร้าใจแบบยุโรปได้เป็นอย่างดี


          ส่วน “เอ็มทีเอ็ม ออดี้ คิว5”( MTM Audi Q5) นำเสนอความแตกต่างของรถเอสยูวีที่ผสมผสานเอนกประสงค์กับความแรงในแบบฉบับของเอ็มทีเอ็ม ด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ที่มาพร้อมกับระบบ เทอร์โบ FSI โดยได้รับการปรับแต่งให้มีกำลังสูงสุดถึง 270 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 390 นิวตันเมตรที่ต่ำเพียง 1,500 รอบต่อนาที พละกำลังระดับนี้เรียกว่าไม่น้อยหน้ารถสปอร์ตแต่อย่างใด

          ด้านระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ S-Tronic ผสานการทำงานกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quatto อันเลื่องชื่อ ส่งผลให้ คิว5 มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึงระดับ 248 กม./ชม.


          สำหรับ “เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ5”( MTM Audi A5) รถสปอร์ตคูเป้สายพันธ์แท้ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์สวยสะดุดตาทั้งภายนอกและภายใน อาทิ เบาะนั่งหนังแท้สีแดง ขณะที่ภายในห้องโดยสารเป็นหนังสีดำหุ้มอยู่โดยรอบพร้อมตัดขอบด้วยวัสดุสีอลูมิเนียมให้ความรู้สึกสปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ

          เครื่องยนต์เป็นแบบเบนซินขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ FSI ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (Quatto)โดยได้รับการปรับแต่งจากเอ็มทีเอ็มให้มีกำลังสูงสุดถึง 270 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 390 นิวตันเมตรที่ต่ำเพียง 1,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ S-Tronic ทำให้ เอ5 มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 255 กม./ชม. ทำให้การขับขี่สนุกเร้าใจจนไม่อยากลุกจากหลังพวงมาลัย

          นายกิติภัฎ กล่าวว่า แคมเปญสำหรับลูกค้าใหม่ ที่จองรถในงานมอเตอร์โชว์ จะได้รับ “บัตร D.A.D. VVIP” เพื่อเป็นส่วนลดค่าอะไหล่(10%)และส่วนลดค่าแรง(15%) พร้อมบริการตรวจเชคระยะสภาพรถฟรี 25 รายการ ในระหว่างระยะเวลาแสดงของงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 5 เมษายน ศกนี้พร้อมกับรับ แพ็คเกจถ่ายภาพคู่ มูลค่า 10,000 บาท จาก Life star wedding Studio จำนวนจำกัด

          ราคาของรถยนต์MTM

          MTM Audi A7 ราคา 6.5 ล้านบาท
          MTM Audi A5 ราคา 4.89 ล้านบาท
          MTM Audi Q5 ราคา 4.29 ล้านบาท
          MTM Audi A1 ราคา 1.9 ล้านบาท
« Last Edit: March 26, 2011, 03:16:43 PM by YAHOO »

YAHOO on March 26, 2011, 03:18:15 PM
Audi เน้นเทคโนโลยีประหยัดน้ำมัน TFSI ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32

          - ชูเทคโนโลยีเครื่องยนต์เบนซิน TFSI ที่ให้สมรรถนะสูงและประหยัดน้ำมันมากกว่าเครื่องยนต์ระดับเดียวกัน 15%
          - พบรถซาลูน Audi A4 1.8 TFSI , รถสปอร์ตคูเป้ Audi A5 Coupe 2.0 TFSI quattro และรถพรีเมียมเอสยูวี Audi Q5 2.0 TFSI quattro
          - พร้อมรับสิทธิพิเศษในการเป็นเจ้าของรถยนต์ Audi ด้วยเงื่อนไขพิเศษมูลค่ากว่า 100,000 บาท

          นายกิตติ มาไพศาลสิน กรรมการบริหาร บริษัท เยอรมัน มอเตอร์เวอร์ค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ Audi ในประเทศไทยกล่าวว่า “ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 นี้ ทาง Audi ได้นำเทคโนโลยี TFSI ซึ่งเป็น 1 ในเทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้แบรนด์ Audi ประสบผลสำเร็จในด้านยอดขายทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ด้วยตัวเลขสูงสุดถึง 1,092,400 คัน และทำให้ Audi ครองตำแหน่งรถพรีเมียมที่มียอดขายรถดีที่สุดในยุโรป ดังนั้นในงานนี้ทางบริษัทฯ จึงได้นำรถยนต์ 3 รุ่นหลักของ Audi ได้แก่รถซาลูน Audi A4 1.8 TFSI , รถสปอร์ตคูเป้ Audi A5 Coupe 2.0 TFSI quattro และรถเอสยูวี Audi Q5 2.0 TFSI quattro ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้เน้นใช้เทคโนโลยี TFSI(Turbo Fuel Stratified Injection) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์เบนซินระบบฉีดจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์โดยตรง ที่ให้ทั้งสมรรถนะยอดเยี่ยม ให้ความสนุกเร้าใจในการขับขี่ และให้ความประหยัดน้ำมันมากกว่าเครื่องยนต์ระดับเดียวกันถึง 15% ซึ่งแนวคิดในเรื่องการประหยัดน้ำมัน เป็นนโยบายสำคัญที่ทาง Audi ให้ความใส่ใจมาโดยตลอด นอกจากเทคโนโลยี TFSI แล้ว Audi ยังมีเทคโนโลยี quattro ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ตลอดเวลาที่ Audi เป็นผู้บุกเบิกในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์โลกเป็นรายแรก พัฒนาขึ้นมานานถึง 30 ปี โดย quattro รุ่นปัจจุบันนี้สามารถตอบสนองการทำงานได้ดีและรวดเร็ว ให้การทรงตัวที่ดีมาก ทำให้สนุกกับการขับขี่อย่างเต็มที่ในทุกสภาพถนน ด้วยความมั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด”

 
          Audi A4 1.8 TFSI เป็นรถซาลูนที่สปอร์ตที่สุดในเซกเมนต์ ทั้งด้วยรูปลักษณ์ สปอร์ตโฉบเฉี่ยว โดดเด่นเหนือใคร ไฟหน้าซีนอนพลัสใหม่ พร้อมไฟ LED14 ดวง มีโอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าสั้น ฝากระโปรงและฐานล้อที่ยาวขึ้นอย่างเด่นชัด จึงทำให้ Audi A4 เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางที่ใหญ่ที่สุด ดูสปอร์ตที่สุดเหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน

          ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC พร้อมระบบฉีดจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์โดยตรง จึงให้ทั้งสมรรถนะความแรงเกินพิกัด แต่ช่วยประหยัดน้ำมันมากถึง15 % เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ระดับเดียวกัน ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 4500-6200 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1500-4500 รอบต่อนาที จึงทำให้สามารถเร่งแซงได้รวดเร็วทันใจ คล่องแคล่ว ปราดเปรียว แต่คงความประหยัดน้ำมันได้อย่างเหลือเชื่อ ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 13.51 กิโลเมตร ต่อ ลิตร

 
          Audi A5 Coupe 2.0 TFSI quattro รถสปอร์ตพรีเมียมคูเป้ 2 ประตู รุ่นใหม่ ดุลยภาพแห่งความสปอร์ตและความงามสง่า ดีไซน์สวยงามหมดจดตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านท้าย ด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวทรงพลัง เจ้าของรางวัลชนะเลิศรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมแห่งประเทศเยอรมนีประจำปี Design Oscar ซึ่งถือเป็นรางวัลออสการ์ด้านดีไซน์ของวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ จัดขึ้นโดยสถาบันอันทรงเกียรติของเยอรมนี “The German Design Council” ด้านมิติตัวรถมีความยาว 4,625 มม. ความกว้าง 1,854 มม. และความสูง 1,372 มม.

          Audi A5 Coupe 2.0 TFSI quattro เป็นรถคูเป้เพียงยี่ห้อเดียว ที่โดดเด่นและแตกต่างเหนือรถยนต์คูเป้พรีเมี่ยม ยี่ห้ออื่น ด้วย quattro ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Audi จึงทำให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเหนือกว่าระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อทั่วไป ให้ทั้งความสนุกแรงเร้าใจแบบเกินพิกัด ที่มาพร้อมกับความปลอดภัยสูงสุดและมั่นใจในทุกสภาพถนน สำหรับเครื่องยนต์ เป็นเบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOCH ขนาด 1,984 ซีซี ใช้เทคโนโลยี TFSI และ Audi valvelift system ที่ให้ความประหยัดน้ำมันมากกว่าเครื่องยนต์ขนาดเดียวกันถึง 15% เครื่องยนต์ตัวนี้ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 4,300 – 6,000 รอบต่อนาทีให้แรงบิดสูงสุดถึง 350 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,200 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ S tronic 7 สปีด ทำความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.5 วินาที มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยเพียง 13.33 กม./ลิตร

 
          Audi Q5 2.0 TFSI quattro ได้รับการออกแบบให้ดูทันสมัย สวยงาม สปอร์ต ปราดเปรียว แตกต่างจาก SUV ทั่วไปที่เป็นรูปทรงเหลี่ยม เหนือกว่าคู่แข่งด้วยมิติตัวรถมีความยาวรถถึง 4,629 มม. มีความกว้างตัวรถ 1,880 มม. มีความสูง 1,653 มม. มีฐานล้อยาว 2,807 มม. ที่สำคัญมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำที่สุดเพียง 0.33 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในบรรดารถคู่แข่งระดับเดียวกัน

Audi Q5 2.0 TFSI quattro ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2 ลิตร พร้อม TFSI ซึ่งเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมระดับโลก (Engine of The Year) ติดต่อกัน 5 ปี (พ.ศ.2548-2552)ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้าที่ 4,300 – 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุดถึง 350 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 4,200 รอบต่อนาที มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยเพียง 11.76 ก.ม./ลิตร เท่านั้นและสามารถวิ่งทางไกลได้ถึง 13.70 ก.ม./ลิตร

          ความโดดเด่นทางเทคโนโลยีของ Audi Q5 ที่สำคัญอีกด้านคือ quattro ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ตลอดเวลาที่มีการทรงตัวดีมาก จากการสมดุลของการกระจายแรงขับเคลื่อน จึงรู้สึกได้ถึงความแตกต่างในการขับขี่ คุณสามารถสนุกกับการขับขี่อย่างเต็มที่ในทุกสภาพถนน ด้วยความมั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด แม้การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือการขับขี่บนพื้นถนนลื่น หรือ บนเส้นทางออฟโรด

          สำหรับแคมเปญพิเศษในงานนี้
          - Audi A4 1.8 TFSI ราคา 2,690,000 บาท แถมฟรี ชุดล้อแม็ก 18 นิ้ว มูลค่า 150,000 บาท
          - Audi A5 Coupe 2.0 TFSI quattro ราคา 3,990,000 บาท แถมฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
          - Audi Q5 2.0 TFSI quattro ราคา 3,890,000 บาท แถมฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
  
Audi   กำลังสูงสุด/แรงม้า/รอบต่อนาที   แรงบิดสูงสุด/นิวตันเมตร/รอบต่อนาที   อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย ก.ม./ลิตร
Audi A4 1.8 TFSI   160/4500-6200   250/1500-4500   13.51
Audi A5 Coupe 2.0 TFSI quattro   211/4300-6000   350/1500-4200   13.33
Audi Q5 2.0 TFSI quattro   211/4300-6000   350/1500-4200   11.76

          Audi Group ขายรถ Audi ได้ทั้งหมด 1,092,400 คันในปี 2553 บริษัทฯมีรายได้ 29.8 พันล้านยูโรและมีกำไร 1.6 พันล้านยูโร รถยนต์ Audi ผลิตที่เมืองอิงโกลสตัดช์ และ เนคกาซูลม (เยอรมนี), เกเยอร์ (ฮังการี), ชางชุน (จีน) และ บรัสเซลส์ (เบลเยี่ยม) ที่เมืองอารางบัด ประเทศอินเดีย มีการผลิต Audi A6 ในช่วงปลายปี 2550 และ Audi A4 ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2551สำหรับ Audi A1 เริ่มทำการผลิตที่โรงงานบรัสเซลส์ในเดือนพฤษภาคม 2553 บริษัททำการตลาดเติบโตขึ้น 100 ประเทศทั่วโลก บริษัท Audi AG ถือหุ้นบริษัททั้งหมด รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทลูกในเครือ ได้แก่ บริษัท AUDI HUNGARIA MOTOR Kft. บริษัท Automobili Lamborghini Holding S.p.A ในเมือง Sant’Agata Bolognese อิตาลี และบริษัท quattro GmbH เมือง Neckarsulm Audi มีพนักงานประมาณ 58,000 คน ทั่วโลก รวมพนักงาน 45,500 คนในเยอรมนี ในช่วงปี 2553 ถึง 2555 Audi วางแผนจะลงทุนประมาณ 5.5 พันล้านยูโรในเรื่องของผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีให้สมกับสโลแกนของบริษัทว่า “Vorsprung durch Technik” Audi วางแผนที่จะผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 42 รุ่นภายในปี 2558
« Last Edit: March 26, 2011, 03:24:44 PM by YAHOO »

YAHOO on March 26, 2011, 03:25:44 PM
ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) เชิญลูกค้าสัมผัสกับตัวจริงของ All-New Hyundai Sonata Sport และ H-1 Series MY2011 ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้  
 
          ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) เชิญลูกค้าสัมผัสกับตัวจริงของ All-New Hyundai Sonata Sport และ H-1 Series MY2011 ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ พร้อมเสริมทัพรถพรีเมี่ยมด้วย The New Hyundai Tucson MY2011 และ The New Grand Starex VIP

          ร่วมทดสอบสมรรถนะและความประทับใจในรถยนต์ 4 รุ่น ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011 ตอกย้ำแนวคิด New Thinking. New Possibilities. “คิดใหม่....เพื่อสิ่งที่เหนือกว่า”

          พบแคมเปญพิเศษ
          - ฟรี อุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ มูลค่าตั้งแต่ 10,000 - 20,000 บาท สำหรับ The New Hyundai H-1 Series
          - ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี สำหรับ The New Hyundai Tucson ทุกรุ่น
          - พิเศษ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษจากลีสซิ่ง กสิกรไทย

          บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เสริมทัพรถใหม่ 2 รุ่น 2 สไตล์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าฮุนไดระดับไฮเอนด์ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011 ด้วย All-New Hyundai Sonata Sport สปอร์ต 4 ประตูในสไตล์คูเป้ เจ้าของฉายา Call Me Coupe และ The New Hyundai H-1 Series MY2011 ที่อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่ยกระดับความเป็น Luxury MPV ให้เหนือชั้นกว่าเดิม สร้่างความแข็งแกร่งให้ฮุนไดในตลาดพรีเมี่ยมซึ่งมี The New Hyundai Grand Starex VIP และ The New Hyundai Tucson – The Sexy SUV เป็นตัว ชูโรง


          All-New Hyundai Sonata Sport ออกทำตลาดด้วยกันถึง 2 รุ่น คือ รุ่น S และรุ่น G นำเข้าทั้งคันจากประเทศเกาหลีในราคาแนะนำที่ 1,550,000 บาท และ 1,870,000 บาท ตามลำดับ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกับรถยนต์รุ่นอื่นๆใน Segment เดียวกัน แต่เหนือกว่าด้วยความสดใหม่ ดีไซน์ให้เป็นรถ 4 ประตูคูเป้ ภายใต้แนวคิด Fluidic Sculpture Design ที่ล้ำสมัยและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮุนได โดดเด่นด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและซับซ้อน และอุปกรณ์มาตรฐานที่เน้น Character ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

          - เครื่องยนต์ที่ตอกย้ำสมรรถนะความเป็นสปอร์ตคูเป้ ขนาด 2,000 ซีซี 165 แรงม้า ที่ 6,200 ต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 198 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 รอบต่อนาที
          - เีกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบขั้นบันได พร้อม Paddle Shifts เปลี่ยนเกียร์ได้ทุกระดับความเร็วที่พวงมาลัย
          - ช่วงล่างแบบ Sport Suspension ให้ความมั่นใจได้ทุกระดับความเร็ว
          - หลังคาแก้ว Panoramic Sunroof สร้างพลังแห่งบุคคลิกที่ไม่เหมือนใคร
          - กุญแจรีโมทแบบ Smart Entry
          - ปุ่ม Start Button ทันสมัย
          - มาตรวัดแบบ Super Vision สวยสะดุดตา มองเห็นได้ชัดเจน และคอมพิวเตอร์แสดงข้อมูลการเดินทางในรูปแบบต่างๆ
          - ไฟหน้าแบบ HID ปรับตั้งระดับอตโนมัติ (รุ่น G) และไฟท้าย LED ล้ำสมัย
          - ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
          - เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
          - พวงมาลัย Multi-function
          - Parking Brake แบบใช้เท้าเหยียบ
          - กระจายแรงเบรค EBD ระบบป้องกันล้อล็อค ABS
          - เบาะไฟฟ้าหนังแท้คู่หน้าพร้อมหน่วยความจำ (รุ่น G)
          - ล้ออัลลอยสปอร์ต 17 นิ้ว (รุ่น S) และ 18 นิ้ว (รุ่น G)
          - ระบบรักษาเสถียรภาพ ESP (รุ่น G)
          - ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control (รุ่น G)
          - เครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม พร้อม External Amplifierและลำโพง 7 ตำแหน่ง (รุ่น G)



          The New Hyundai H-1 Series MY2011 รถ Luxury MPV เจ้าของรางวัล Car of the Year 3 ปีซ้อน ปรับราคาเพื่อรองรับอุปกรณ์พื้นฐานที่เพิ่มขึ้น โดยยังคงรุ่นต่างๆไว้เช่นเดิมคือ รุ่น Touring รุ่น Executive และรุ่น Deluxe โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมรางเลื่อนนิรภัยในเบาะแถวที่ 1, 2 และ3 ของห้องโดยสารจึงทำให้การปรับพื้นที่ใช้งานเหนือกว่าเดิมซึ่งมีรางเลื่อนเพียงแถวที่ 1 และ3 เท่านั้น

          ในรุ่น Touring ยังเป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ภายในเบาะผ้า แต่เสริมเบาะ VIP 1 คู่ที่หมุนได้ 180 องศาเข้าไปเพื่อความสะดวกสบาย ในขณะที่รุ่น Executive เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ภายในเป็นเบาะผ้า และมีเบาะ VIP 1 คู่เช่นเดิม บนรางเลื่อน 3 แถว ส่วนในรุ่นท็อป H-1 Deluxe ยังคงความ Luxury และสะดวกสบายไว้เต็มระดับด้วยอุึปกรณ์มาตรฐานดังต่อไปนี้

          - เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 2,500 ซีซี ให้กำลังสูงสุดที่ 175 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 392 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 2,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล
          - ขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วงล่างให้ความทนทานแบบแม็กเฟอสันสตรัทด้านหน้า และคอยล์สปริงในด้านหลัง
          - รางเลื่อน 3 แถว
          - เบาะ VIP 1 คู่ หมุนได้ 180 องศา ปรับห้องโดยสารเป็นห้องนั่งเล่น และสำนักงานเคลื่อนที่
          - เบาะหนังแท้ลายใหม่
          - พวงมาลัย Multi-function
          - เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ LCD ด้านหน้ารุ่นใหม่ ความละเอียดจอภาพสูง
          - จอ LCD ขนาด 10 นิ้ว รุ่นใหม่เปิด/ปิดจอด้วยไฟฟ้า
          - ไฟเลี้ยว LED แบบหลอดทันสมัย
          - ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ลายใหม่ดูพรีเมี่ยม
          - ดิสเบรค 4 ล้อ พร้อม ABS
          - กล้องช่วยจอด พร้อมสัญญาณเตือน
          - สปอยเลอร์หลัง

          The New Hyundai H-1 Series MY2011 ทั้ง 3 รุ่น มีการปรับราคาเพื่อความเหมาะสม โดยในรุ่น Touring มีราคา 1,086,000 บาท รุ่น Executive ราคา 1,412,000 บาท และรุ่น Deluxe ราคา 1,494,000 บาท ตามลำดับ


          The New Hyundai Grand Starex VIP รถยนต์ระดับ Super Luxury MPV 7 ที่นั่ง ในราคาพิเศษเพียง 1,898,000 บาท มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรลขนาด 2,500 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 175 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 392 นิวตัน-เมตร ประกบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่มีโหมดแมนนวลปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการ ถ่ายทอดกำลังทั้งหมดไปยังล้อคู่หลังบนช่วงล่างแบบคานแข็งบนคอยล์สปริงที่มีขายึดแบบ 5 จุด และแม็กเฟอร์สันสตรัทในด้านหน้า การออกแบบโดดเด่นกว่าด้วยกระจังหน้าแบบซี่ตัดด้วยโครเมี่ยมเพิ่มความหรูหรา ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน เป็นแบบใหม่ LED ชนิดหลอด ล้อและยางขนาด 17 นิ้ว 235/60/17 นุ่มนวล แต่ทรงสมรรถนะ ภายในเหนือกว่าอย่างชัดเจนด้วยเบาะ Double VIP Seats ที่ปรับเอนนอน และปรับระดับที่วางขาด้วยไฟฟ้า บนรางเลื่อนที่สะดวกสบายและปลอดภัยภายใต้มาตรฐานโรงงาน ระบบ Entertainment Dashboard ประกอบไปด้วยจอ LCD ขนาด 19 นิ้วที่เลื่อนขึ้นลงได้ด้วยไฟฟ้า พร้อมเครื่องเล่น DVD จาก Alpine และลำโพง JBL นอกจากนี้ยังมีช่องต่อสายกับอุปกรณ์เสริมต่างๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นเกมส์ หรือเครื่องเล่นไฟล์เพลง ด้านหน้ามาพร้อมเบาะทรงสปอร์ต พวงมาลัย multi-function และกระจกมองข้างปรับ และพับด้วยไฟฟ้า เบาะนั่งสำหรับคนขับเป็นดีไซน์พิเศษที่โฉบเฉี่ยว พร้อมพวงมาลัยหุ้มหนังแท้และระบบ Multi-Function ที่พวงมาลัยปรับแต่งเครื่องเสียงตอนหน้าได้ กล้องส่องหลังส่งภาพขึ้นจอ LCD บนจอเครื่องเสียงด้านหน้าช่วยให้การจอดรถสะดวกสบายสุดๆ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า และพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้า และทั้งหมดนี้คืออีกระดับของความหรูหราในแบบ Super Luxury MPV 7 ที่นั่งจาก ฮุนได
 

          The New Hyundai Tucson – ในแบบ 2.0 2WD และ 2.0 4WD รถนำเข้าจากประเทศเกาหลีทั้งคันแบบ Full-Option ในราคาเพียง 1,791,000 บาท และ 1,895,500 บาท ตามลำดับ เจ้าของฉายา The Sexy SUV ที่ไม่เป็นรองใครในด้านการออกแบบภายใต้คอนเซ็ป Fluidic Sculpture Design ที่ล้ำสมัย มีบุคลิก และอุปกรณ์ชั้นนำมากมาย อาทิ เช่น

          - เครื่องยนต์เบนซินพลังสูงรุ่นใหม่ขนาด 2.0 ลิตร DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ (D-CVVT) และ ระบบปรับระยะทางเดินไอดี (VIS) ช่วยเพิ่มความประหยัด ลดมลพิษและให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า
          - เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล เพื่อการเร่งแซง และ engine brake
          - หลังคาแก้ว และ Sunroof แบบ panorama เปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า
          - ระบบ Smart Key เปิดปิดประตูได้โดยไม่ต้องถือกุญแจ
          - ปุ่มสตาร์ท (Start Button) ที่ทันสมัย
          - กล้องส่องหลังช่วยจอดมีภาพปรากฏบนจอ LCD ที่กระจกมองหลัง เพื่อความปลอดภัย
          - ระบบรักษาเสถียรภาพ Electronic Stability Program (ESP) ระบบ Downhill Brake Control (DBC) ระบบป้องกันรถไหล Hill-start Assist Control (HAC) ระบบเบรค ABS ระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบเพิ่มแรงเบรคในภาวะฉุกเฉิน BA
          - พวงมาลัย Multi-Function ควบคุมเครื่องเสียงและ Cruise Control

          ภายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ฮุนไดยังนำคอนเซ็ปคำขวัญใหม่ล่าสุด New Thinking. New Possibilities. หรือ “คิดใหม่....เพื่อสิ่งที่เหนือกว่า” มาสร้างสีสันให้กับบู๊ธฮุนไดภายในงาน โดยแนวคิดใหม่นี้เพิ่งจะถูกนำมาใช้กับการทำตลาดรถยนต์ฮุนไดทั่วโลกเพื่อประกาศแนวทางที่ชัดเจนว่าฮุนไดต้องการพัฒนาด้านคุณภาพ และเทคโนโลยีให้ล้ำสมัยมากขึ้นหลังจากที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับ 4 อย่างเป็นทางการ

          แบรนดิ้งคอนเซ็ปของฮุนได ตอกย้ำการเอาใจใส่ในความต้องการของลูกค้าในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการพัฒนารถยนต์ให้ตอบสนองการใช้งานในยุคปัจจุบัน และอนาคต วิธีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการให้ความสำคัญต่อความคุ้มค่าคุ้มราคาที่เป็นเสมือนหัวใจหลักของการสร้างแบรนด์ฮุนไดในตลาดต่างๆทั่วโลก สำหรับฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) แนวทางใหม่ในการสร้างแบรนด์ครั้งนี้จะเป็นเครื่องยืนยันความมั่นใจที่ดีแก่ลูกค้ารถยนต์ฮุนไดในปัจจุบัน และในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของคุณภาพ ความพึงพอใจ และการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาดมากขึ้น

          พบกับทัพรถยนต์ฮุนไดได้ที่งาน งานบางกอก อินเตอร์เนชัลแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 บู๊ธ A13 ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2554
« Last Edit: March 26, 2011, 03:35:02 PM by YAHOO »

YAHOO on March 26, 2011, 03:36:22 PM
“มิทสึโอกะ” อวดโฉม ”โอโรจิ” ซุปเปอร์คาร์ใหม่ สปอร์ตพันธุ์อสรพิษ ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32

          บริษัท ยนตรกิจ มอเตอร์เซลส์ จำกัด เผยโฉมสปอร์ตพันธุ์อสรพิษใหม่ “โอโรจิ” ตกแต่งดุดันยิ่งขึ้น พร้อมนำเสนอรถยนต์รุ่นเล็ก “บิวท์โตะ” ยอดขายอันดับ 1 ของมิทสึโอกะในประเทศญี่ปุ่น

          คุณพัฒนศิริ เดชากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ยนตรกิจ มอเตอร์เซลส์ จำกัดในเครือ ยนตรกิจ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า มิทสึโอกะ เป็นนวัตกรรมยานยนต์สุดหรูจากประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยการดีไซน์ และการประกอบมือทุกคัน (แฮนด์เมด) แต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
          ในงาน Motor Show ครั้งที่ 32 นี้ ได้นำรถมาจัดแสดงรวม 5 รุ่น ได้แก่
 

          1. รุ่น “ Orochi – โอโรจิ ” รถยนต์สปอร์ตพันธุ์อสรพิษ “โอโรจิ” ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากรูปลักษณ์อสรพิษในตำนานโบราณของญี่ปุ่น สะท้อนความลึกลับ แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม ปราดเปรียวด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวถังรถแบบ Space Frame ซึ่งประกอบขึ้นในลักษณะพิเศษ ตกแต่งสปอยเลอร์หน้า - หลังใหม่ ให้ความรู้สึกที่โฉบเฉี่ยว และดุดันยิ่งขึ้น

          รถที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ เป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่ตกแต่งให้มีความดุดัน ปราดเปรียวยิ่งขึ้นด้วย สปอยเลอร์หน้า - หลังใหม่ สมรรถนะเครื่องยนต์ขนาด 3311 ซีซี. V6 VVTi แรงม้าสูงสุดที่ 233 แรงม้า รอบเครื่องยนต์สูงสุดที่ 5600 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 5 สปีด อัตราเร่ง 0 – 100 กม.อยู่ที่ 4 วินาที
 

          2. รุ่น “ Himiko - ฮิมิโกะ ” รถยนต์สปอร์ต 2 ที่นั่ง ที่นำแนวคิดการออกแบบจากเกียรติยศ และรัศมีแห่งความสง่างามของเจ้าหญิงญี่ปุ่นในอดีตกาล ผสานความลงตัวของความงามในรูปลักษณ์ ถ่ายทอดลงสู่รถสปอร์ต คลาสสิค สไตล์โมเดิร์น รูปทรงปราดเปรียว หรูหรา สวยสง่า และภูมิฐาน ทำให้ยานยนต์คันนี้ เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ น่าหลงใหล “ฮิมิโกะ” ทุ่มเทสร้างสรรค์จากกายและจิตวิญญาณของช่างฝีมือของ มิทสึโอกะ มอเตอร์ ที่มากด้วยประสบการณ์ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2000 ซีซี กำลังสูงสุดที่ 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 189 นิวตัน-เมตร ที่ 5000 รอบ/นาที ระบบหัวฉีด EGI เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และสามารถปรับเปลี่ยนเป็น Manual Shift Mode เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะในการขับขี่ เร่งแซงทันใจ โฉบเฉี่ยว สไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง เปิดประทุนได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสในเวลา 12 วินาที สะดวกสบายในการควบคุม ควบคู่ไปกับความสง่างามของศิลปกรรมยานยนต์ อันเปรียบประดุจเพชรน้ำเอกแห่งโลกยนตรกรรม


          3. รุ่น “ Galue Limousine - กาลู ลีมูซีน ” รถยนต์ดีไซน์สวยคลาสสิค ที่มีต้นแบบจากรถยนต์อังกฤษ ในช่วงปีคริสตศักราช 1950 ถึง 1960 รูปลักษณ์สง่างาม หรูหรา ภูมิฐาน ออกแบบให้ตัวถังรถให้มีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่น Galue อีก 50 เซนติเมตร ทำให้เนื้อที่ห้องโดยสารตอนหลัง มีขนาดกว้างขวาง โอ่อ่า มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุดที่ 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 265 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.5 ลิตร กำลังสูงสุดที่ 280 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 363 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที ระบบหัวฉีด EGI และECCS ขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด สามารถปรับการทำงานของเกียร์เป็นแบบเกียร์ธรรมดาได้ ภายในตกแต่งหรูหราเป็นพิเศษ อาทิเช่น ชุดตกแต่งโครเมี่ยม คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยลายไม้สุดคลาสสิค เบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ สามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า สวยสง่า สมกับความเป็นยานยนต์ที่เคียงคู่ผู้นำเช่นคุณ
 

          4. รุ่น “ Galue IV - กาลู โฟร์ ” รถยนต์ดีไซน์สวยคลาสสิก อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นนี้ - กาลู ได้รับการพัฒนารูปลักษณ์เป็นรุ่นที่ 4 ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2,500 ซีซี ให้มีความทันสมัยในสไตล์ที่หรูหรา สง่างามยิ่งขึ้น ตกแต่งคิ้วโครเมี่ยมและรูปลักษณ์ให้มีความโดดเด่น หรูหรา พร้อมระบบอำนวยความสะดวกสบายครบครัน อาทิเช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบโอโซน และกรองอากาศในตัว เพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ด้วยวิทยุ ซีดี MP3 6 แผ่น
 
 
          5. รุ่น “ Viewt – บิวท์โตะ ” รถยนต์รุ่นเล็ก สวยงาม มีเสน่ห์ ให้ความคล่องตัวในการใช้งาน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1200 ซีซี. เป็นรถยนต์รุ่นที่มียอดขายอันดับ 1 ของมิทสึโอกะในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 เป็นต้นมา ด้วยยอดการขายมากกว่า 20,000 คัน ทั้งนี้ ได้มีการพัฒนารูปลักษณ์ และอุปกรณ์ตกแต่งอย่างต่อเนื่อง ให้ตอบสนองการใช้งานอย่างครบครัน

          ราคารถยนต์มิทสึโอกะที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้
          1. Orochi ราคาจำหน่าย 11,700,000 บาท
          2. Himiko ราคาจำหน่าย 3,750,000 บาท
          3. Galue Limousine เครื่องยนต์ 2500 cc ราคาจำหน่าย 5,890,000 บาท
          เครื่องยนต์ 3500 cc ราคาจำหน่าย 6,980,000 บาท
          สำหรับรุ่น Galue IV และ Viewt เป็นรุ่นที่นำมาจัดแสดง จะเปิดการขายอย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป

          ปัจจุบัน มิทสึโอกะ มีโชว์รูมและศูนย์บริการ อยู่ที่ถนนเพชรพระราม (ถนนริมคลองแสนแสบ) พระราม 9
          โทร. 02 719 7942 – 4
          และศูนย์บริการที่ถนนเทียมร่วมมิตร รัชดา-ห้วยขวาง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โทร. 02 247 5555
          ท่านสามารถเยี่ยมชมและติดต่อกับรถยนต์ Mitsuoka ได้ที่ www.mitsuokathai.com

          บริษัท ยนตรกิจ มอเตอร์เซลส์ จำกัด
          ฝ่ายการขายและการตลาดรถยนต์มิทสึโอกะ
          โทร. 02 915 1991 ต่อ 145
« Last Edit: March 26, 2011, 03:54:44 PM by YAHOO »