“โบว์ลิ่ง” ทุ่ม 30 ล้าน ลุยตลาด เสื้อผ้าไทย เปิดคอเลคชั่นใหม่ พร้อมขยายตลาด “กลุ่มบริชซ์”
โกลเด้นโบล์ ผู้ผลิตเสื้อผ้าชั้นนำ แบรนด์ Bowling หรือ โบว์ลิ่ง แบรนด์เสื้อผ้าคนไทยลุกตลาดอย่างหนัก ทุ่ม 30 ล้าน ลุยตลาดเสื้อผ้าไทย และต่างประเทศ เปิดตัวคอลเลคชั่นล่าสุด Spring / Summer 2011 ปรับเป้าจับกลุ่มผู้ชาย 80 หญิง 30 หวังกระตุ้นยอดขายเพิ่ม 10-15 % พร้อมเตรียมบุกตลาดต่างประเทศ “กลุ่มบริชซ์” บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน มากขึ้น เพื่อขยายฐานของลูกค้าในต่างประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายกนก ลีฬหเกรียงไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้นโบล์ จำกัด ผู้ผลิตเสื้อผ้าชั้นนำ แบรนด์ “Bowling” หรือ โบว์ลิ่ง แบรนด์เสื้อผ้าของคนไทย เปิดเผยว่า “ปัญหาโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ และกำลังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราทุกคนจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะโลกเป็นของพวกเรา ที่ต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ เพื่ออย่างน้อยความพยายามเล็กๆเหล่านี้จะรวมเป็นใจเดียวกัน เป็นพลังที่ช่วยฟื้นฟูให้โลกสมบูรณ์น่าอยู่อีกครั้ง”
“Bowling จึงขอเป็นอีกแรงหนึ่งที่จะได้ช่วยเป็นกำลังใจสำหรับคนทำงานด้านอนุรักษ์ ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นล่าสุด Spring/Summer 2011 ที่ดีไซเนอร์ได้ใช้แรงบันดาลใจจากสีสันความสดใสของดอกไม้ป่าและความหลากหลายของพืชพรรณอันอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าเขตร้อนชื้น มาแต่งแต้มให้เสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้สดใสยิ่งขึ้น โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายเสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้จะนำไปมอบให้กับ WWF องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลธรรมชาติเพื่อไปฟื้นฟูคืนความอุดมสมบูรณ์ให้ธรรมชาติต่อไป”
นอกจากนี้ในงานยังได้จัดพิธีมอบรางวัล “Bowling The Earth’s Voice Award 2011” แก่องค์กรและนักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวอย่าง เพื่อเป็นกำลังใจในการมีจิตอาสาดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมอบให้แก่ องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ WWF โดยมีคุณตรีรัช ภูคชสารศีล เป็นตัวแทนรับมอบ, คุณสินธุยศ จันทรสาขา ผู้เชี่ยวชาญและนักอนุรักษ์ผีเสื้อ, คุณธนินวัฒน์ พัฒนวีรคุณ พิธีกรรายการ ทีวี 360 องศา, ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต อาจารย์สอนและค้นคว้าด้านนวตกรรมการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม ออกแบบเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์โดยการนำเศษวัสดุมาใช้สร้างงานเพื่อลดขยะลดมลพิษ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาคารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และก้อย กวิสรา ยุ่นประยงค์ ทูต 7 สี ปันรักให้โลก ปี 2 สำหรับแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นซีซั่นนี้นั้นได้นายแบบ นางแบบ หัวใจสีเขียวมาร่วมเดินแบบสร้างสีสัน อาทิ เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ นิว วงศกร ปรมัตถากร, เมย์ พิชนาฎ สาขาจร และสเตฟาน สันติ วีระบุญชัย ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจและกระตุ้นเตือนว่าภาวะโลกร้อนไม่ได้เป็นเรื่องของใครคนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งต้องรับผิดชอบเพียงลำพัง
นายกนก กล่าวว่า ขณะเดียวกัน นายกนก ยังพูดถึงทิศทางการตลาดของ Bowlingว่า “ทิศทางของ Bowling ในปีนี้นั้น บริษัทยังมุ่งทำตลาดเสื้อผ้าจับกลุ่มเป้าหมายตลาดผู้ชาย 80% และผู้หญิง 30% เป็นหลักเหมือนเดิม ซึ่งคาดว่าคอลเลคชั่นล่าสุดนี้จะสามารถกระตุ้นยอดขายให้เติบโตประมาณ 10-15% โดยบริษัทได้ทุ่มงบประมาณในการรุกกิจกรรมทางการตลาดปีนี้ไว้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ทั้งการขยายกำลังการผลิตเสื้อผ้าเพื่อรองรับแผนธุรกิจในปีนี้ คือ กลุ่มเสื้อผ้าสำหรับวัยรุ่นแบรนด์ใหม่ เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี นับแต่ก่อตั้งบริษัทเพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยอยู่ระหว่างวางแนวคิดและแบรนด์ใหม่ โดยคาดว่าจะทำตลาดในไตรมาส 4 ปีนี้ สำหรับการทำตลาดในต่างประเทศนั้นจะยังคงเน้นไปในตลาดใหม่ๆ อย่าง “กลุ่มบริชซ์” บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน มากขึ้น เพื่อขยายฐานของลูกค้าในต่างประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
สำหรับมูลค่าตลาดสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปในปี 2554 นี้มีมูลค่าประมาณ 100,000 ล้านบาท และเสื้อผ้าสำเร็จรูปของไทยไปยังตลาดอาเซียนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อของประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มอินโดจีนยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องตามภาวะการขยายตัวของ ภาคการลงทุน ภาคการท่องเที่ยวและภาคการบริโภคในประเทศ ยกเว้นภาคการส่งออกสินค้าที่ต้องพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยตลาดส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่สำคัญในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า และฟิลิปปินส์
“ขณะนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอเครื่องแต่งกายในประเทศไทยประสบ 3 ปัญหาใหญ่ คือ ขาดแคลนวัตถุดิบโดยเฉพาะกลุ่มเส้นด้าย ปัญหาเงินเฟ้อ และค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งเป็น 3 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องแต่งกายโดยเฉพาะตลาดส่งออกตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ทำให้บริษัทมียอดส่งออกลดลงราว 5% นอกจากนี้ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ก็ส่งผลกระทบเช่นกัน อย่างไรก็ตามบริษัทได้บริหารความเสี่ยงธุรกิจอย่างระมัดระวังทั้งการกักตุนวัตถุดิบสินค้ากลุ่มเส้นด้ายที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยใช้โอกาสจากช่วงที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็นต้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในภาพรวมยังคงที่ ไม่ได้ปรับสูงขึ้นมากนัก และทำให้บริษัทยังคงราคาขายปลีกสินค้าได้ตามปกติ ซึ่งในปี 2554 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 500 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโต 12% เกินเป้าที่วางไว้ 10%” นายกนก กล่าวปิดท้าย