เรื่องที่น่าสนใจคือ บางทีเมื่อเราคบใครสักคนเป็นแฟนกันแล้วนี่นะ แต่พอได้ทำความรู้จักและสนิทสนมกันไปเรื่อยๆ กลับพบว่า คนที่เราคบเป็นแฟนอยู่นั้น....กลับ ไม่ใช่คนที่เราอยากแต่งงานด้วย หรือใช้ชีวิตร่วมกับเค้าไปจนวันตายนี่สิ..อ้าว..ไหงเป็นงั้นไปได้? อ่ะ แหมเห็นคู่ที่เป็นแฟนกันแล้วมาเลิกกันทีหลัง เพราะเพิ่งมารู้ตอนที่คบกันไปคบกันมาสักระยะนึงแล้วนี่แหละว่าไม่ใช่คู่แท้ของกันและกันถมเถไป ดังนั้น จึงตัดสินใจโบกมือลาจากกันซะแต่โดยดีไงเล่า อ้อตรงนี้ขออธิบายนิดนึงว่า ถ้าทั้งคู่รู้ว่าไม่ใช่ แล้วตกลงเลิกกันด้วยดีก็ไม่มีปัญหา อาจเปลี่ยนฐานะมาเป็นเพื่อนกันได้ ตรงข้ามกะบางคู่ หากคุยกันไม่รู้เรื่อง การโบกมืออำลาจากกันคราวนี้อาจมีปัญหาตามมาเป็นพรวนก็ได้
มีรายงานทางวิทยาการ แจ้งว่า สมาคมแพทย์ทางเพศแห่งอิตาลี ได้ศึกษาวิจัยแล้วพบว่า ชายหนุ่ม หรือสาวๆ ที่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตัวเอง นอกจากจะไม่ค่อยเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือดหัวใจแล้ว ยังช่วยให้มีอายุยืนยาวซะด้วยน๊ะ ทั้งนี้ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเทสโตสเตอโรนสูงขึ้น จึงทำให้ คลายความซึมเศร้า แถมยังทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงขึ้นไงล่ะ แต่หากหนุ่มคนใดที่คิดนอกใจภรรยา หรือสามีแล้วละก็ ผลลัพธ์ ที่ได้ก็จะเป็นตรงกันข้าม เนื่องจากหัวใจและหลอดเลือดจะอ่อนแอ เพราะต้องผจญกับความ เครียด จากสาเหตุของความไม่ซื่อสัตย์ นั่นเอง...ดังนั้น พวกเจ้าชู้ทั้งหลายได้ยินแล้วก็ตัดสินใจเอาเองละกันว่า อยากเลือกที่จะซื่อสัตย์ ต่อสุดเลิฟ หรือยังสนุกกับการทำตัวเจ้าชู้ต่อไป ก็แล้วแต่ใจของใครของมันวุ้ย!
จะรู้ได้ไงล่ะว่า คนที่เรา
หาคู่ คบเป็นแฟนอยู่นี่ ใช่คนที่เราอยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต หรือไม่สมควรคว้ามาเป็นคู่ชีวิตกันแน่ เอ้... มีวิธีสังเกตอย่างไรกันน้า? เอ้าขอยกตัวอย่างให้ฟังก็ได้ เช่น
* แฟนคนที่คบอยู่ทุกวันนี้ ให้เวลาส่วนใหญ่กับคนอื่นหรือเปล่า? ถ้าเค้ามัวแต่เอา “เวลาส่วนใหญ่ที่มี” ไปเจ๊าะแจะหรืออุทิศให้คนอื่น โดยไม่ให้ความสำคัญกับคุณเท่าที่ควรจะได้รับละก็ แบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็น “คนที่ใช่” สำหรับคุณที่จะอยู่กับเค้าตลอดไปนะ เช่น ถ้าฝ่ายนึงมัวแต่เอาเวลาไปเจ้าชู้กับคนอื่น โดยไม่เห็นหัว “คนที่เค้าคบอยู่ด้วย” เลยละก็ หยั่งงี้ชีวิตรักก็เข้าขั้นวิกฤติแล้วล่ะ จะทนอยู่ กันไปได้สักกี่วันเชียว หรือกรณีที่เค้าให้ความสนใจกับ “สิ่งอื่นใด” ที่นอกเหนือจาก “คนที่เค้าคบ” จนลืมคนที่คบไปเลย เพราะมัวแต่เอาเวลาไปทุ่มเทให้กับงานอดิเรกหรือการพนันซะจนโงหัวไม่ขึ้น อู้ยเป็นงี้ใคร จะกล้าคว้ามาเป็นคู่ชีวิตด้วยฟะ นอกจากจะหน้ามืดตามัวก็ว่าไปอย่าง
* เขา หรือเธอ ไม่พร้อมจะมีพันธะผูกพันกับคุณไปนานๆซะหน่อย ก็ถ้าตอนที่คบกัน มีแต่คุณต่างหากที่ฝันหวานว่าจะได้แต่งงานและอยู่ด้วยกันตลอดไป ขณะที่เค้าไม่เคยคิดไปไกลถึงขนาดนั้น แล้วเค้าจะเป็น “คนที่ใช่” สำหรับคุณได้ไงกัน
* ความต้องการแตกต่างกันมาก และไม่ยอมประนีประนอมให้กัน เช่นถ้าเค้าไม่อยากมีลูก แต่คุณอยากมี แถมยังรอมชอมกันไม่ได้ด้วยละก็ แล้วจะมาเป็นคู่ชีวิตกันได้ไงวุ้ย?
* มีความคิดเห็นไม่ตรงกันหลายอย่าง หรือเปล่า? เฮ่อ ถ้าคู่รักมีคนนึงคิดอย่างนึง แล้วอีกฝ่ายก็คิดแตกต่างกันไป ถ้าแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอกนะ เพราะทุกคนก็ “มองต่างมุม” กันได้ ไม่ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย อย่าตกใจไป แต่ไอ้ที่ “อยู่กันไม่ได้” นี่สิ มักเกิดจากต่างฝ่ายต่างยอมรับใน “ความแตกต่างทางความคิดเห็นของแต่ละคน” ไม่ได้นั่นเอง ดังนั้น ทั้งคู่ จึงมักขัดแย้ง, ขัดคอและขัดขากันอยู่บ่อยๆ พอขัดกันมากๆเข้า หากเบรกไม่ทัน เพราะดันเบรกแตก เนื่องจากควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ ด้วยละก็ ไอ้หยา...คู่กัดอย่างนี้แหละ มีโอกาสพัฒนาความขัดแย้งไปเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกันได้นะ แถมถ้าทะเลาะกันมากๆเข้า ก็ไม่อยากจะมองหน้ากันแหละ
ทีนี้ถ้าหากหน้าก็ยังไม่อยากมอง แล้วจะทนอยู่ด้วยกันต่อไปได้รื้อ? คิดเอาละกันท่านผู้ชม นี่ละฮ้า ถือเป็นรอยร้าวซึ่งทำให้คู่ที่เป็นแฟนกันตีตัวออกห่างจากกันมานักต่อนักแล้ว แถมคู่ที่ขัดแย้งกันแบบนี้ มักไม่ยอมลดรา-วาศอกให้กัน ซะด้วยดิ่ แล้วจะให้อยู่กันไปจนตายเรอะ อย่างงี้ท่าทางจะเด๊ดสะมอเร่ย์ก่อนวัยอันควรซะมากกว่า
ถามว่า มีอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้เกิด “ความเห็นไม่ตรงกัน” หรือทัศนคติไม่ตรงกัน? โอ้ย...มีหลายเรื่องเหลือเกิน ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อนฝูงของแต่ละฝ่าย บางทีต่างฝ่ายต่างพาไปเจอเพื่อนของตนแล้วเกิดไม่ถูกชะตาขึ้นมาสักคน ก็อาจเป็นประเด็นให้มีปากเสียงกันได้ หรือบางทีเรื่องงี่เง่า เอ้ย เรื่องจิ๊บจ๊อย แบบว่า ฝ่ายนึง ลืมให้ของขวัญวันเกิดกับอีกฝ่าย ทำให้ฝ่ายที่เป็นเจ้าของวันเกิดโวยวายด้วยความน้อยใจแล้วหาว่า ไม่สนใจเค้าเมื่อเป็นงี้ ฝ่ายที่ลืมก็อยากแก้ตัว จึงซื้อของขวัญให้แต่ให้ไม่ตรงกับวันเกิดไง...แต่ฝ่ายโน้นก็ไม่พอใจอยู่ดี งอนไปงอนมา งอนแบบฝังใจ โอ้ยโหยว....ขืนงอนไม่รู้จบหยั่งงี้ เป็นใครโดนเข้าก็เซ็งวะ
ผลสำรวจเรื่องความรักหลายครั้งหลายหน ส่วนมากได้ผลลัพธ์ตรงกันว่า ผู้ที่นิยมมี “รักเดียวใจเดียว” แบบว่า “ซื่อสัตย์ต่อคนรัก” นั่นน่ะ ส่วนใหญ่ “คนที่รักใครรักจริง” และ “รักแล้วรักเลย” ไม่ไปเจ้าชู้ประตูดินที่ไหน มักได้รับผลพลอยได้จากการมีสุขภาพกายและใจที่ดีกว่า “คนหลายรัก” น๊ะ ด้วยความปราถนาดีจาก
I Like Date by Dr.Date