happy on January 06, 2011, 01:15:29 PM

ชื่อภาพยนตร์      No Strings  Attached
ชื่อไทย      จะกิ๊กหรือกั๊ก ก็รักซะแล้ว
วันที่เข้าฉาย      10  กุมภาพันธ์ 2554
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์ เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)
เว็บไซต์      www.nostringsattachedmovie.com

ทีมนักแสดง


นาตาลี พอร์ตแมน (NATALIE PORTMAN)    รับบท      เอ็มม่า
                           ผู้อำนวยการสร้างบริหาร
แอชตัน คุทเชอร์ (ASHTON KUTCHER)    รับบท      อดัม
แครี่ เอลเวส (CARY ELWES)       รับบท      ดร.เม็ทซ์เนอร์
เควิน ไคลน์ (KEVIN KLINE)       รับบท      อัลวิน
เกรต้า เจอร์วิก (GRETA GERWIG)       รับบท      แพทริซ
เลก เบลล์ (LAKE BELL)       รับบท      ลูซี่
โอลิเวีย เธิร์ลบี้ (OLIVIA THIRLBY)       รับบท      เคที่
คริส “ลูดาคริส” บริดเจส (CHRIS “LUDACRIS” BRIDGES) รับบท      วอลเลซ
เจก จอห์นสัน (JAKE JOHNSON)       รับบท      อีไล
มินดี้ คาลิ่ง (MINDY KALING)       รับบท       ไชร่า
โอฟีเลีย โลวิบอนด์ (OPHELIA LOVIBOND)    รับบท      วาเนสซ่า

ทีมผู้สร้าง
   อิวาน ไรท์แมน (IVAN REITMAN) – ผู้กำกับ/ ผู้อำนวยการสร้าง
   เอลิซาเบ็ธ เมอริเว็ทเธอร์  (ELIZABETH MERIWETHER) – ผู้เขียนบทและคิดสร้างสรรค์เรื่อง
   ไมก์ ซาโมเน็ก (MIKE SAMONEK) - ผู้คิดสร้างสรรค์เรื่อง
   โจ เม็ดจั๊ค (JOE MEDJUCK) – ผู้อำนวยการสร้าง
   เจฟฟรีย์ คลิฟฟอร์ด (JEFFREY CLIFFORD) – ผู้อำนวยการสร้าง

******************************************************************************************************






เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

          เมื่อตอนที่ เอ็มม่า เคิร์ตซ์แมน วัย 14 ปี ปฏิเสธการเข้ามาจีบแบบเฟอะๆ ฟะๆ ของ อดัม แฟรงกลิน ด้านนอกบิ๊กลอร์ดจ์ ที่ค่ายวีฮอว์เก้น ทั้งคู่ไม่ได้ประสีประสาในเรื่องเซ็กซ์แบบผู้ใหญ่เลย ในอีกหลายปีต่อมา เอ็มม่า (นาตาลี พอร์ตแมน) และอดัม (แอชตัน คุทเชอร์) มาเจอกันอีก และลงเอยด้วยการมีเซ็กซ์กัน แถมมันดันเป็นเซ็กซ์ที่สุดยอดอีกต่างหาก 
          เพราะ เอ็มม่า แสดงตนว่าเป็นพวกที่แพ้การมีแฟน ขณะที่อดัมก็เหนื่อยหน่ายต่อเรื่องความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นเพราะพ่อของเขา ที่เคยเป็นดาราทีวีชื่อดัง (เควิน ไคลน์) ดันคบหาอยู่กับอดีตแฟนสาวคนล่าสุดของอดัม ทั้งเอ็มม่าและอดัมจึงตัดสินใจที่จะบอกลาความยุ่งยากทางอารมณ์ที่มาพร้อมกับการมีแฟน และคบหาเป็นเพื่อนกันจะดีที่สุด พวกเขากิ๊กกันโดยไม่กั๊กกัน เจอกันก็มีแต่เสียงหัวเราะ ไร้ซึ่งความทุกข์ มีเซ็กซ์กันโดยไม่คบหากัน ไม่มีการผูกมัด ไม่มีการโกหก ไม่มีการหึงหวง ไม่มีการแสดงความรัก ไม่มีการแสดงอารมณ์ ไม่มีการกินอาหารเช้าด้วยกัน ไม่มีการบอกว่า “ฉันคิดถึงเธอ” ไม่มีการตั้งฉายา หรือพูดง่ายๆ “ไมมีการผูกมัด”
          สิ่งที่เริ่มต้นด้วยการเป็นทางออกที่แสนสมบูรณ์แบบของการสนองความต้องการของร่างกาย ได้กลายมาเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้น เมื่ออดัมนำอารมณ์ขึ้นมาบนเตียงด้วย (รวมถึงใส่อารมณ์เข้าไปในตู้ในโรงพยาบาล, ที่นั่งหลังรถ รวมถึงทุกที่ที่เป็นไปได้) ในที่สุด ทั้งคู่ลงเอยด้วยการพยายามสะสางสายสัมพันธ์ยุ่งเหยิงที่พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ขณะที่ต้องหาคำตอบให้กับคำถามสำคัญเพียงข้อเดียวที่มี นั่นก็คือ เพื่อนสองคนจะมีเซ็กซ์กันโดยปราศจากความรักได้หรือไม่?
          เจ้าพ่อภาพยนตร์ตลก อิวานไรท์แมน กลับมายึดครองเก้าอี้ผู้กำกับอีกครั้งเพื่อกำกับภาพยนตร์ตลกสุดเซ็กซี่ เท่ และสุดกู่ เรื่อง “No Strings Attached” ซึ่งนำแสดงโดย นาตาลี พอร์ตแมน, แอชตัน คุทเชอร์, แครี่ เอลเวส และเควิน ไคลน์ ในเรื่องราวที่คิดสร้างสรรค์ขึ้นโดย ไมก์ ซาโมเน็ก และเอลิซาเบ็ธ เมอริเว็ทเธอร์ และบทภาพยนตร์ที่เขียนขึ้นโดย เอลิซาเบ็ธ เมอริเว็ทเธอร์ ไรท์แมนยังทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างร่วมกับ โจ เม็ดจั๊ค และเจฟฟรีย์ คลิฟฟอร์ด ทีมผู้อำนวยการสร้างบริหารประกอบไปด้วย โรเจอร์ เบิร์นบาวม์, แกรี่ บาร์เบอร์, โจนาธาน คลิ๊คแมน, นาตาลี พอร์ตแมน และทอม พอลล็อค โดยมี โรเจียร์ สตอฟเฟอร์ส ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพ, ไอด้า แรนดอม ทำหน้าที่โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ และจูลี่ ไวสส์ ทำหน้าที่ออกแบบเครื่องแต่งกาย จอห์น เด็บนี่ย์ ทำหน้าที่แต่งดนตรีประกอบ ลิซ่า บรูซ ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารร่วม อาลี เบลล์ กับ แอนเน็ตต์ ซาวิทช์ ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างร่วม
« Last Edit: January 31, 2011, 12:25:31 PM by happy »

happy on January 31, 2011, 12:29:44 PM


เบื้องหลังงานสร้าง

                เมื่อความคิดในเรื่องการนำเสนอเรื่องราวระดับเรทอาร์ ที่พลิกกฎของภาพยนตร์ตลกโรแมนติค ถูกนำมาวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของอิวาน ไรท์แมน แค่เพียงไม่นาน ผู้กำกับที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ผู้นี้ ก็มองเห็นถึงแววในการนำไปขึ้นจอในทันที
   ไรท์แมนเล่าว่า “ผมเคยร่วมงานกับ (มือเขียนบท) เอลิซาเบ็ธ เมอริเว็ทเธอร์มานานสามปีได้แล้ว และในทุกการเปลี่ยนแปลงของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้ผมได้พบเรื่องที่ผมชอบอย่างมาก ผมรู้สึกว่า ‘นี่แหละคือเรื่องเกี่ยวกับตัวละคร เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่รับมือกับปัญหาร่วมสมัยจริงๆ’ มีคนที่น่าสนใจ เป็นคนตลกๆ ที่เว้ากันซื่อๆ เกี่ยวกับความรักและเซ็กซ์ ผมตกหลุมรักมันเลยทีเดียว”
   เอลิซาเบ็ธ เมอริเว็ทเธอร์อธิบายว่า “ฉันปิ๊งส์ไอเดียของเรื่องรักที่เริ่มต้นด้วยจูบ แทนที่จะจบด้วยการจุมพิต บางครั้งนั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง และในฐานะคนที่ชอบภาพยนตร์ตลกโรแมนติค ฉันอยากจะเขียนบทภาพยนตร์ที่ให้ความรู้สึกทันสมัย”
   “ผมว่าไอเดียที่น่าสนใจในที่นี้ก็คือ แนวคิดที่ว่าคนหนุ่มสาวร่วมสมัย รู้สึกสบายใจกับการมีเซ็กซ์กับคู่นอนมากกว่าการจะมีความสัมพันธ์ที่โรแมนติค ซึ่งอันหลังถือเป็นการเกี่ยวพันทางอารมณ์อย่างแท้จริงกับใครสักคน” อิวาน ไรท์แมนกล่าว “นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมสนใจได้ เมื่อสัก 20 ปีที่แล้ว  ‘When Harry Met Sally’ ก็เคยถามคำถามที่ว่าผู้หญิงและผู้ชายสามารถเป็นเพื่อนโดยไม่มีเซ็กซ์กันได้หรือไม่ บอกตามตรงนะ ผมคิดว่าคำถามในวันนี้ก็คือ ‘เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ชายและผู้หญิงจะมีความสัมพันธ์ที่เน้นเซ็กซ์ล้วนๆ โดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง?’”
   ในฐานะที่เป็นมือเขียนบทละครที่กำลังมาแรงในนิวยอร์ก ดูเหมือนเมอริเว็ทเธอร์จะเหมาะที่สุดกับการเป็นตัวแทนของคนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เป็นคนที่ฉลาด เข้าอกเข้าใจ เจฟฟรีย์ คลิฟฟอร์ด ผู้อำนวยการสร้างจากบริษัทมอนเตซิโต พิคเจอร์ส ได้นัดพบกับเมอริเว็ทเธอร์ คลิฟฟอร์ดเล่าว่า “หลังจากการประชุมกันครั้งแรก และได้พูดคุยกับอิวานแล้ว เอลิซาเบ็ธก็กลับบ้านไปและกลับมาพร้อมกับบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง มันคือผลงานการเขียนบทจากใจและประสบการณ์ของเธอ และเมื่อบทภาพยนตร์เรื่องนี้เดินเข้ามา มันคือช่วงเวลาที่น้อยครั้งจะเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้ได้ในทันทีว่ามันจะต้องกลายมาเป็นภาพยนตร์ ลิซมีแนวคิดที่โดดเด่น บทภาพยนตร์เรื่องนี้จุดประกาย และมีอารมณ์ขันที่โดดเด่นจริงๆ”
   ไรท์แมน (ซึ่งเพิ่งจะเสร็จจากการทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์คว้ารางวัลเรื่อง “Up in the Air” กับลูกชายของเขา เจสัน ไรท์แมน) ให้เหตุผลง่ายๆ ว่าทำไมเขาถึงได้อยากกลับมากำกับภาพยนตร์ “ผมได้แรงบันดาลใจ ผมชอบงานที่เจสันทำในฐานะผู้เขียนบทและผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่อง ‘Up in the Air’ มันทำให้ผมนึกได้ว่าผมชอบเล่าเรื่องมากแค่ไหน เป็นการสร้างภาพยนตร์ที่มาพร้อมไอเดียดีๆ เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงตัวละครและการแสดง ส่วนใหญ่แล้วผมเคยสร้างภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่มีสเปเชียล เอฟเฟ็กต์เยอะๆ และโดยทั่วไปแล้ว ผมเกิดความรู้สึกอิจฉามาก และเมื่อบทภาพยนตร์ของลิซพัฒนาไป ผมคิดว่า ‘นี่คือโอกาสที่ผมจะได้สร้างภาพยนตร์ตลกแบบนั้นบ้าง’”
   แรงจูงใจของเมอริเว็ทเธอร์ก็คือการเขียนบทภาพยนตร์ที่บรรยายถึงการคบๆ เลิกๆ ในความสัมพันธ์ยุคสมัยใหม่ “ลำดับความสัมพันธ์ของคนมากมายเริ่มต้นด้วยการคบกัน แล้วจู่ๆ ก็เดินสู่ที่ที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จากนั้น การคบกันก็จะเกิดขึ้นอีกสองครั้ง ดังนั้น คุณต้องมาพูดคุยกันว่ามันคือความรู้สึกจริงๆ หรือไม่ และนั่นก็คือวิถีที่มันเกิดขึ้น เราเคยได้ดูภาพยนตร์ตลกโรแมนติคที่ตัวละครตกหลุมรักกัน จูบกัน แล้วจากนั้นจู่ๆ พวกเขาก็ถูกคาดหวังให้อยู่ด้วยกัน และรู้เลยว่าต้องทำยังไงบ้าง”
   แต่เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้กลับให้ความรู้สึกว่ามันคือโอกาสที่จะได้สำรวจไอเดียที่ดูเหมือนจะมีเหตุผล และอาจเป็นลำดับเหตุการณ์อย่างที่นึกฝันไว้ เมอริเว็ทเธอร์สารภาพว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการสนองความต้องการของตัวเอง เป็นไอเดียที่ว่าคุณสามารถที่จะนั่งลงและตกลงกันว่าคุณต้องการความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น ถ้ามีอะไรคืบหน้าไปกว่านั้น คุณก็สามารถที่จะสละเรือได้ตลอดเวลา ”
   ตัวละครนำฝ่ายหญิง เอ็มม่า ไม่ต้องการให้อะไรเข้ามาก้าวก่ายในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะความรัก เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่อยากมีแฟนจนตัวสั่น เธอหลีกเลี่ยงการมีแฟนราวกับมันคือโรคระบาด ในฐานะหมอ เธอทำงานไม่หยุด มีบ่อยครั้งที่เธอทำงานถึงอาทิตย์ละ 80 ชั่วโมงโดยเข้ากะติดต่อกัน เธอให้ความสำคัญกับความซื่อตรงและความมีประสิทธิภาพ และเธอยังชอบมีเซ็กซ์อีกด้วย ดังนั้น การมีสัมพันธ์ที่เน้นเซ็กซ์อย่างเดียวคือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด เมอริเว็ทเธอร์กล่าวว่า “เอ็มม่าไม่ใช่ผู้หญิ๊งผู้หญิง เธอต้องการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุมีผล เธอแค่อยากสนุก และไม่ต้องการเผชิญกับความกดดันที่มาพร้อมกับการมีแฟน เพราะนั่นคือตอนที่ผู้คนสามารถกลายร่างเป็น ‘ตัวเองในเวอร์ชั่นสุดประหลาด’”
   อดัม ตัวละครนำฝ่ายชาย คือชายที่สนุกสนานเฮฮากับผู้หญิง และใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี อดัมเป็นลูกชายของอดีตดาราดังทางทีวีที่ไม่ดังเหมือนแต่ก่อน เขาเข้ากับผู้หญิงได้ดี และเปลี่ยนแฟนบ่อย แต่หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวาเนสซ่า แฟนสาวคนล่าสุด สิ้นสุดลง เขารู้สึกสับสนที่รู้ว่าเธอมีแฟนใหม่อยู่เคียงข้างแล้ว เมอริเว็ทเธอร์เล่าต่อไปว่า “หลังจากอดัมรู้ว่าพ่อของเขากำลังคบหากับแฟนเก่าของเขา เขารู้สึกตัวว่าเขาอาจจะแสนดีเกินไป และใจกว้างมากเกิน เขาเริ่มมองว่าการจัดการกับอารมณ์คือไอเดียที่มีอันตราย ถึงจุดนี้ เขาแค่อยากจะปิดประตูและทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิง”
   และนั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาทำทุกอย่างยุ่งเหยิง มากๆ ด้วย
   หลังจากที่เจอกันในเช้าวันหนึ่งโดยบังเอิญ เอ็มม่าและอดัมตกลงที่จะมีสัมพันธ์แบบ “ไม่มีการผูกมัด” เขากับเธอตกลงที่จะใช้กันและกันเพื่อเรื่องเซ็กซ์ และยังคงมิตรภาพแบบเพื่อนโดยไม่ต้องพบกับความยุ่งยากใดๆ ที่ปกติมักจะมาพร้อมกับความสัมพันธ์แบบแฟน
                เมื่อถามว่าเขาได้ทำการค้นคว้าใดๆ เพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่ อิวาน ไรท์แมนหัวเราะ และตอบว่า “คือ ผมโชคดีที่ ลิซ เมอริเว็ทเธอร์ ที่ยังอยู่ในวัย 20 กว่าๆ กำลังอยู่ในยุคเทคโนโลยีนี้ เธอจึงเป็นทั้งผู้มีส่วนร่วมและผู้สังเกตการณ์ ทำให้เธอเคยเป็นทั้งตาและหูในการสังเกตพิธีกรรมเล็กๆ ของการคบหากันของหนุ่มสาวร่วมสมัย”  
   แต่เขายอมรับว่าบางครั้งเขาก็ทำการค้นคว้าอยู่ที่บ้านเช่นกัน “ฟังนะ ผมมีลูกสามคนที่อยู่ในวัย 20 กว่าๆ ทั้งนั้น เป็นคนในวัยที่กำลังพบกับประสบการณ์เรื่องนี้ ผมอยากจะมองว่าตัวเองเป็นผู้สังเกตการณ์และเป็นผู้ดู ผมว่าทั้งหมดนั้นช่วยให้ผมเกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับความเป็นจริงที่ถูกนำเสนอเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้”  


« Last Edit: January 31, 2011, 12:33:16 PM by happy »

happy on January 31, 2011, 12:32:13 PM


การตามหาเพื่อนร่วมเตียง

                  เมื่อถึงเวลาต้องหานักแสดงสาวที่เหมาะกับบท เอ็มม่า ทางทีมผู้สร้างเหมือนได้ทอง เมื่อนักแสดงสาวที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง นาตาลี พอร์ตแมน ตัดสินใจเซ็นสัญญาแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ กุญแจที่ไขเข้าสู่หัวใจของพอร์ตแมน ก็คือ ความเฉลียวฉลาดของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอรู้สึกชื่นชมแนวคิดเกี่ยวกับภาพยนตร์ตลกโรแมนติคที่ไม่ไร้พลังขับดัน “ฉันรู้สึกว่าบ่อยครั้งภาพยนตร์ตลกโรแมนติคจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่ทำงานอยู่กับหนังสือแม็กกาซีน หรืออยู่ในวงการแฟชั่น ที่กำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้คนที่พวกเราทุกคนต่างรู้จักกันดี” พอร์ตแมนบอก
   นอกจากเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครของบทภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว พอร์ตแมนยังชื่นชอบพัฒนาการตัวละครของเมอริเว็ทเธอร์ และการบรรยายภาพผู้หญิงของเธอ “ลิซเข้าใจตัวละครเหล่านี้ ตัวละครแต่ละตัวต่างมีแนวคิดของตัวเอง เธอยอมให้ผู้หญิงทำตัวสนุกสนาน น่าสนใจ และมีไอเดีย ไม่ต่างจากผู้ชาย”
   หลังจากได้พบกับเมอริเว็ทเธอร์เพื่อพูดคุยกันถึงภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเธอได้ยินเรื่องราวคร่าวๆ ของ “No Strings Attached” และแสดงความสนใจออกไป พอร์ตแมนยังคงติดตามความเป็นไปของโปรเจ็กต์นี้ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาบท ซึ่งช่วยให้เมอริเว็ทเธอร์สามารถใส่ความสดใหม่ลงไปในตัวละครเอ็มม่าโดยนึกภาพนาตาลีเอาไว้ เมอริเว็ทเธอร์รู้สึกตื่นเต้นมากกับความคิดที่ว่าเธอกำลังเขียนตัวละครในเรื่องแนวตลกในแบบที่คนดูยังไม่เคยเห็นพอร์ตแมนแสดงมาก่อน “เราไม่เคยเห็นนาตาลีได้สนุกอย่างที่ฉันคิดว่าเธอได้มีในบทนี้ ตลอดเวลาที่เธอทำงานสร้างสรรค์อันน่าทึ่ง เราเคยเห็นเธอปกครองอาณาจักร ยิงปืนเลเซอร์ วิ่งไปทั่วทางรถไฟใต้ดินในฐานะนักปฏิวัติ และอื่นๆ อีกมากมาย ฉันจึงชอบมากที่ทำให้เธอได้ทำเรื่องไร้สาระบ้าง สนุกดีออกที่ได้มาเห็นเธอทำตัวไร้สาระและร้ายกาจบ้าง ”
   เอ็มม่าคือตัวละครที่มีความโดดเด่นท่ามกลางภาพยนตร์แนวตลกโรแมนติคทั่วๆ ไป ซึ่งตัวละครเอกฝ่ายหญิงมักจะมีเป้าหมายในชีวิตคือการตามหาผู้ชายที่ใช่ และได้แต่งงาน แต่ความท้าทายของเอ็มม่าแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง อุปสรรคและความท้าทายอันใหญ่หลวงของเธอก็คือการไม่ตกหลุมรัก “เอ็มม่าเป็นหมอที่ไม่ได้คิดจะมีแฟน เธอเบื่อหน่ายต่อการถูกผูกมัด เพราะเธอเคยต้องเสียใจกับการสูญเสียผู้คนรอบข้างไป” พอร์ตแมนอธิบาย
   การได้เห็นพอร์ตแมนใส่ชีวิตให้กับเอ็มม่า คือความฝันของเมอริเว็ทเธอร์ “เมื่อให้พูดถึงนาตาลี ฉันแทบพูดไม่ออกเลย เธอเป็นคนฉลาด ตลก และกลายเป็นตัวละครตัวนี้ไปเลย เธอได้สร้างแม่แบบใหม่ให้กับตัวละครผู้หญอิงในภาพยนตร์แนวตลกโรแมนติค เป็นตัวละคนที่มีความแข็งแกร่ง แต่ก็น่ารัก คุณอยากให้เธอได้เจอความรัก แต่เธอกลับไม่อยากสูญเสียตัวเองไปเพื่อมีความรัก ”   
   สำหรับพอร์ตแมน การต้องแสดงภาพยนตร์ตลกถือเป็นงานแนวใหม่สำหรับเธอ แต่เธอรู้สึกว่าเธออยู่ในมือของทีมงานเก่งๆ แล้ว “เป็นเรื่องดีมากเลยที่ได้อยู่ท่ามกลางมืออาชีพมากมายในเรื่องราวแบบนี้ เพราะมันไม่ใช่แนวที่ฉันจะเล่นได้ง่ายๆ” พอร์ตแมนอธิบาย “การแสดงภาพยนตร์ตลกเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปจริงๆ สำหรับฉัน เมื่อไม่มีใครมานั่งดู บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่ามุกไหนจะเวิร์กไม่เวิร์ก แม้บางครั้งคุณคิดว่ามันตลกแล้ว แต่พวกที่ทำงานอยู่ในกองถ่ายกลับไม่หัวเราะเลยระหว่างเทก”
                สำหรับบท อดัม ไรท์แมนรู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องหาตัวนักแสดงชายที่จะต้องทั้งมีเสน่ห์และดูเป็นที่ปรารถนาสำหรับผู้หญิง แต่จะต้องแสดงความอ่อนไหวออกมาได้ระหว่างที่เขาสำรวจเรื่องความรัก ไรท์แมนพบอดัมของเขาในตัวนักแสดงชายสุดฮาอย่าง แอชตัน คุทเชอร์ ที่หน้าตาทั้งหล่อเหลาและมีเสน่ห์ (และมีความอ่อนแอแบบคนที่ตกเป็นเบี้ยล่าง) ในแบบที่บทนี้ต้องการพอดี   
   คุทเชอร์ มีความรู้สึกไม่ต่างจาก นาตาลี พอร์ตแมน เมื่อเขาพูดถึงบทภาพยนตร์เรื่องนี้ “ลิซเขียนบทภาพยนตร์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนจริงมาก แต่ขณะเดียวกันก็ฮากระจาย ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่คุณได้อ่านบทภาพยนตร์แนวตลก มันจะถูกเขียนออกมาเพื่อหใตลก แต่ลิซไม่เคยจงใจจะปล่อยมุกฮา มันเป็นเรื่องตลกที่เน้นไปที่ตัวละคร ไม่ใช่ภาพยนตร์ประเภทเอะอะมะเทิงเพื่อทำให้คนดูฮา”
   สำหรับเมอริเว็ทเธอร์ การได้คุทเชอร์มารับบท อดัม คือการตัดสินใจเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุด “แอชตันนำความเปิดเผยทั้งต่อความรักและต่อชีวิตมาสู่บทนี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับการเดินทางทางด้านอารมณ์ของเอ็มม่า เพื่อนำเธอไปสู่จุดที่เธออยากเปิดใจบ้าง คุณเชื่อเรื่องนี้ เพราะถ้าจะมีใครสักคนที่สามารถเปิดหัวใจคุณได้ คนๆ นั้นก็คงจะเป็นแอชตัน คุทเชอร์นี่แหละ”
   “แอชตันเป็นคนสนุก เป็นคนง่ายๆ และขี้เล่นมาก ดีเลยนะที่ได้มาเห็นเขาด้นมุกสด และแสดงในฉากต่างๆ” พอร์ตแมนกล่าว
   คุทเชอร์พูดถึงนางเอกของเขาว่า “นาตาลีเตรียมตัวมาดีเสมอ เธอยังตัดสินใจได้อย่างน่าสนใจกับการแสดงเป็นตัวละครของเธอ และเมื่อเลิกงานแล้ว เธอเป็นคนที่น่ารักและเสียสละ เธอเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีจริงๆ”
   หลังจากที่เอ็มม่าและอดัมเผชิญหน้าและมีอะไรกัน และก่อนที่จะมีการตกลงกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว อดัมไม่แน่ใจนักว่าจะทำอย่างไรกับเพื่อนสาววัยเด็กของเขาผู้นี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะไปที่โรงพยาบาลพร้อมของขวัญ 
   “ในช่วงแรกที่คบกัน บ่อยครั้งที่ผู้คนรู้สึกว่าต้องรู้ให้ได้ว่าความสัมพันธ์นั้นแท้จริงคืออะไร และบางครั้งพวกเขาก็อยากจะจับมันใส่ไว้ในกล่อง” คุทเชอร์ให้เหตุผล “อดัมกับเอ็มม่าเปลี่ยนจากการเป็นเพื่อนมาเป็นการที่จู่ๆ ก็มีเซ็กซ์กัน ถึงจุดนั้น หลายคนอาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องไปพบพร้อมของขวัญ ดังนั้นตัวละครของผมก็เลยซื้อลูกโป่งไปให้เธอ” 
   เป็นลูกโป่งที่มีตัวหนังสือเขียนว่า ยินดีด้วย! “เราคุยถึงเรื่องนี้กันบ่อยมาก เราคิดว่ามันคงตลกดีเมื่อคิดถึงภาพของคนๆ หนึ่งโผล่มาที่ทำงานพร้อมกับลูกโป่งที่เขียนข้อความแสดงความยินดีหลังจากที่พวกเขามีเซ็กซ์กัน” เมอริเว็ทเธอร์เล่า “ฉันว่ามันเป็นวิธีของอดัมที่จะบอกกับเอ็มม่า ผู้ไม่เคยโทรศัพท์กลับไปหาเขา ว่าเธอไม่สามารถหายตัวไปเฉยๆ ได้ และถ้าเธอพยายามจะทำแบบนั้น เขาจะโผล่ไปที่ทำงานเธอพร้อมกับลูกโป่ง และทำให้เธอต้องอับอาย”
   หลังจากเหตุเรื่องลูกโป่งแล้ว เอ็มม่ากับอดัมจึงได้ตั้งกฎเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขึ้นมาใหม่ และยังยอมรับในมิตรภาพใหม่ของพวกเขาในฐานะ “เพื่อนร่วมเตียง” อย่างไรก็ดี หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มยุ่งยากซับซ้อนขึ้นเมื่อความใกล้ชิดสนิทสนมได้ค้นหาทางเจาะเข้ามาในความสัมพันธ์ของพวกเขา อย่างเช่นหลังจากที่อดัมแวะไปที่อพาร์ทเม้นต์ของเอ็มม่าเพื่อให้กำลังใจ ระหว่างที่เธอมี “วันนั้นของเดือน” ด้วยคัพเค้กและซีดีรวมเพลงฮิตที่ตั้งชื่อไว้อย่างน่ารักว่า “รวมฮิตวันนั้นของเดือน” หลังจากค่ำคืนนั้นจบลงด้วยการที่พวกเขากอดจูบกัน เอ็มม่าตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกตื่อ เธอทำผิดกฎข้อหนึ่งของความสัมพันธ์ที่ไร้การผูกมัด “นั่นเป็นฉากที่เขียนได้สนุกมากสำหรับฉัน เพราะมันเป็นฉากในตอนเช้าหลังจากความสัมพันธ์แบบคืนเดียวจบ และมันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจนหมด มันกลายเป็นฉากตื่นนอน ที่มาพร้อมความรู้สึกตกใจหลังจากที่แสดงความรักกับใครสักคน” เมอริเว็ทเธอร์อธิบาย “สิ่งที่เอ็มม่ามองว่าเป็นการล้ำเส้นก็คือความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น เป็นการนอนกับใครสักคนโดยไม่มีเซ็กซ์นำมาก่อน” 
   มันคือวินาทีสุดตลกและโรแมนติคที่มองผ่านแว่นขยายที่แสนยุ่งเหยิงของไรท์แมนและเมอริเว็ทเธอร์ ที่ทำให้สองตัวละครเอกมีโอกาสได้สร้างเสียงหัวเราะ ผู้กำกับไรท์แมนรู้สึกพอใจผลลัพธ์ที่ได้มาก ไรท์แมนเล่าว่า “ผมรู้สึกภูมิใจกับทีมนักแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ผมว่าสองดารานำของเรา แอชตันกับนาตาลี เกือบจะเป็นตัวแทนของคนรุ่นเดียวกับพวกเขา เป็นคนในช่วงอายุปลาย 20 และต้น 30 เราเคยเห็น นาตาลี พอร์ตแมน แสดงในภาพยนตร์เครียดๆ มาแล้วมากมาย แต่เรายังไม่มีโอกาสได้เห็นเธอปล่อยของในภาพยนตร์ตลกมาก่อน แต่เป็นการแสดงภาพยนตร์ตลกในแบบที่เป็นมนุษย์ปุถุชนและมีความเหมือนจริง นั่นคือสิ่งที่ผมหวังจะได้จากเธอ ผมว่าเธอปล่อยทีเด็ดออกมา กับแอชตัน คุทเชอร์ เขาดังอยู่แล้วกับการแสดงภาพยนตร์ตลก และกับผลงานที่เขาแสดงเอาไว้ทางจอทีวี สิ่งที่ผมชื่นชมก็คือการจับเขาวางในเรื่องราวที่เขาได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนช่างคิดแค่ไหน และเขาเป็นนักแสดงฝีมือดีขนาดไหน เป็นอีกครั้งที่เขายิงได้ตรงเป้าอย่างงดงามจริงๆ”


« Last Edit: January 31, 2011, 12:36:39 PM by happy »

happy on January 31, 2011, 01:22:14 PM


สรรหานักแสดงสมทบ

                   หนึ่งในคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของอดัมมากที่สุด โดยเฉพาะในแนวคิดเรื่องคุณค่าของตนเอง และความสัมพันธ์ ก็คือ อัลวิน พ่อของอดัม อัลวินที่เป็นดาราซิทคอมรุ่นใหญ่ เป็นคนที่มีบุคลิกที่ดูน่าเกรงขาม เขาอยากเป็นเพื่อนมากกว่าเป็นพ่อที่คอยให้การช่วยเหลือ “อัลวินเป็นพ่อที่ไม่รู้ว่าจะทำหน้าที่พ่ออย่างไร แต่เขากลับอยากเป็นเพื่อนซี้ให้กับลูกชายมากกว่า” คุทเชอร์ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ “การเป็นลูกชายของอัลวินก็คือสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานะของอดัมบนโลกใบนี้ และบัดนี้ สิ่งที่เขาต้องการทำที่สุด ก็คือการหลุดพ้นจากเงาของพ่อ และเป็นตัวของตัวเองเสียที”
   เพื่อให้ได้อัลวินที่เป็นหนุ่มใหญ่ชอบโชว์ออฟ ทางทีมผู้สร้างต้องการตัวนักแสดงชายที่สามารถแสดงให้เห็นด้านที่ชอบอวดเบ่ง ขณะเดียวกันก็มีด้านที่น่าคบหาอยู่ด้วย เป็นคนที่ต้องทำให้ตัวละครตัวนี้ดูน่ารังเกียจในนาทีหนึ่ง และดูน่าประทับใจในนาทีต่อมาได้ เควิน ไคลน์ นักแสดงชายเจ้าของรางวัลออสการ์และรางวัลโทนี่ เคยรับบทเป็นตัวละครที่น่าจดจำในภาพยนตร์มาแล้วมากมายหลายเรื่อง รวมถึงในละครเวทีด้วย เขาคือคนที่แสดงฝีมือให้เห็นในบทอัลวิน เพราะเคยร่วมงานด้วยกันมาก่อน ไรท์แมนรู้ดีว่าไคลน์สามารถแสดงบทนี้ได้แบบที่นักแสดงชายคนอื่นไม่สามารถทำได้
   ผู้กำกับไรท์แมนกล่าวว่า “ผมพยายามคิดว่าใครกันนะที่จะแสดงเป็นพ่อของ แอชตัน คุทเชอร์ ได้ เป็นตัวละครที่เป็นนักแสดงอาชีพ และไม่ใช่พ่อที่ดีนัก เป็นคนที่มีทั้งมุกฮาและอายุมากพอจะเล่นบทแบบนี้ได้ ผมเคยทำงานกับเควินในภาพยนตร์เรื่อง ‘Dave’ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานที่ผมภาคภูมิใจมากที่สุด เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมาก เควินอ่านบทนี้ และรู้ดีถึงโอกาสที่จะได้แสดงภาพยนตร์ตลก เราไม่เคยได้ร่วมงานกันมาพักใหญ่แล้ว และนับจากวันแรกที่ได้อยู่ในกองถ่ายด้วยกัน เราสนุกกันมากจนเขาเคยหันหน้ามาหาผม แล้วพูดว่า ‘คราวหน้า ไม่ต้องรอถึง 15 ปีก็ได้นะที่จะกลับมาร่วมงานกันอีกรอบ’”   
   ไคลน์บอกว่าเขาดีใจมากที่มีโอกาสได้มาร่วมงานกับไรท์แมนอีกครั้ง เพราะเขาเชื่อมั่นในความนิยมชมชอบในความสมจริงของไรท์แมน “อิวานส่งบทภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ผม จากนั้นเราก็ได้คุยกันเหมือนที่เราเคยคุยเมื่อ 20 ปีก่อนเกี่ยวกับโทนหนังที่เขาอยากได้ในเรื่อง ‘Dave’” ไคลน์เล่า “ผมชอบที่อิวานมักมองหาความสมจริงในการแสดงภาพยนตร์ตลก ไม่ว่าเรื่องหรือสถานการณ์มันจะแปลกแหวกแนวสักแค่ไหน แทนที่จะเน้นไปที่การปล่อยมุกดาษดื่น เขาถอยห่างจากภาพยนตร์ตลกที่ให้ความรู้สึกว่าจงใจเล่นมากเกินไป หรือพยายามทำให้เกิดเสียงหัวเราะ”
   ไคลน์พบว่าอัลวินเป็นตัวละครที่มีความน่าสนใจ และเป็นโอกาสให้เขาใส่ความสนุกลงไปในบทนี้ได้ “อัลวินมีผลงานเป็นซีรีส์ทางทีวีที่ประสบความสำเร็จ และเขาใช้ชีวิตอยู่กับภาพลวงของความยิ่งใหญ่และความมีชื่อเสียง และเขามีกฎที่ประนีประนอมได้” ไคลน์อธิบาย “ผมคงต้องบอกว่าตัวละครตัวนี้คือพวกหลงตัวเองตัวพ่อเลยทีเดียว”
   แม้จะไม่ใช่พ่อที่ดีที่สุด แต่อัลวินก็รักลูกชายของเขา แต่เขาไม่เคยมองข้ามเรื่องของตัวเองเพื่อทำเรื่องที่ถูกต้องได้เลย “อัลวินคือพ่อที่ไม่รู้ว่าจะทำตัวเป็นพ่อยังไง แต่เขาก็อยากเป็นเพื่อนสนิทของลูก” คุทเชอร์บอก “เขาเป็นพ่อที่เป็นเพื่อนรัก ดังนั้น มันเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่วิเศษดีแท้”
   สำหรับคุทเชอร์ การได้ทำงานกับไคลน์ช่วยสร้างเรื่องราวปูมหลังในแบบที่เขาต้องการเพื่อพัฒนาตัวละครของเขาเอง และเขาก็ชื่นชมต่อโอกาสที่ได้แสดงประชันบทกับมืออาชีพอย่างไคลน์มาก “เควินมีรูปแบบแสดงที่เยี่ยมยอด เขาเป็นเหมือนช่างเทคนิค ทักษะฝีมือของเขาถือว่าอยู่ในระดับชั้นเยี่ยม ถือเป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานกับคนที่สามารถจัดการงานได้ในแบบนั้น”
   เมื่อได้นักแสดงในบทนำมาครบแล้ว ไรท์แมนก็เริ่มรวบรวมทีมนักแสดงที่ประกอบไปด้วยคนที่เก่งที่สุดและฉลาดที่สุดในโลกภาพยนตร์ตลก
   ไรท์แมนกล่าวต่อไปว่า “ความต้องการของผมก็คือการสร้างทีมนักแสดงที่อยู่รายล้อมรอบตัวสองนักแสดงที่เก่งมากสองคนนี้ และประกอบไปด้วยนักแสดงที่คนดูต้องจดจำ ผมรู้สึกว่าแต่เริ่มเดิมทีในครั้งแรกๆ ที่ผมสร้างภาพยนตร์ตลก ผมจะมองหานักแสดงตลกเก่งๆ ที่พิสูจน์ฝีมือแล้วว่าทำได้ดีในบทที่พวกเขาแสดง”
   ทีมสมทบที่มีสีสันของ “No Strings Attached” ก็คือกลุ่มตัวละครที่ผ่านการสร้างสรรค์มาเป็นอย่างดีที่สวมวิญญาณโดยทีมนักแสดงตลกที่ฝีมือหาคนทัดเทียมได้ยาก เลก เบลล์ รับบทเป็น ลูซี่ โปรดิวเซอร์ร่วมที่แสนฉลาดและประหลาด ที่ทำงานกับอดัมในซีรีส์เพลงสำหรับวัยรุ่นที่มีชื่อว่า “Secret High” และตามจีบเพื่อนร่วมงานของเธออย่างเปิดเผย โอลิเวีย เธิร์ลบี้รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้แสดงเป็น เคที่ น้องสาวของเอ็มม่าที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีที่เชื่อในพลังของความรัก เธอคือคนที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับเอ็มม่าที่ปฏิเสธความรัก เกรต้า เจอร์วิก รับบทแพทริซ เพื่อนร่วมอพาร์ตเม้นต์และเป็นเพื่อนสนิทของเอ็มม่า ที่มาพร้อมวาจาสุดเสียดสีและความเป็นจอมเย้ยหยัน บางครั้งแพทริชยังรับหน้าที่เป็นผู้คอยตักเตือนให้เหตุผลกับเพื่อนรักของเธอด้วย (ถึงแม้บางครั้งมันจะฟังดูเหมือนความเห็นของเอ็มม่าเอง) เจก จอห์นสัน รับบทเป็นอีไล เพื่อนซี้และคู่คิดของอดัม ผู้ไม่ลังเลเลยที่จะให้คำแนะนำกับเพื่อน แม้ว่ามันจะน่าขันหรือไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คริส บริดจ์สรับบท วอลเลซ บาร์เทนเดอร์ที่ถือว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องเป็นเหตุเป็นผลให้กับความเห็นของอีไล ที่เข้ามาเพิ่มรสชาติและสีสัน ก็คือ มินดี้ คาลิ่ง ในบท ไชร่า เพื่อนร่วมอพาร์ตเม้นต์ของเอ็มม่าและแพทริซ และเบน ลอว์สันรับบทแซม หนุ่มอีโก้จัดที่มาตามจีบเอ็มม่า
   “ตัวละครทุกตัวได้รับการคัดเลือกตัวนักแสดงมาอย่างสมบูรณ์แบบ และคนทุกคนที่เดินเข้ามาก็ตีบทแตกกระจาย” แอชตัน คุทเชอร์บอก “การมีทีมนักแสดงที่เต็มไปด้วยนักแสดงเก่งๆ คือการตอบแทนอิวานและสิ่งที่เขาใส่มาในภาพยนตร์เรื่องนี้”
   อิวาน ไรท์แมนกล่าวว่า “ผมรู้สึกภูมิใจกับทีมนักแสดงที่เราสามารถรวบรวมมาได้จริงๆ มีหลายคนอย่าง เกรต้า เจอร์วิก เธอเคยร่วมแสดงในภาพยนตร์อินดี้มาแล้วหลายเรื่อง และมีชื่อเสียงในเรื่องของการแสดงบทที่จริงจัง ผมว่าเธอเปล่งประกายดีทีเดียวในเรื่องนี้ เลก เบลล์ก็ก้าวข้ามไปสู่เขตแดนใหม่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เจก จอห์นสัน ในบทอีไล ก็เยี่ยมมาก ผมอยากได้คนที่ดูสมเหตุสมผลในบทเพื่อนๆ ของตัวละครเหล่านี้ และยังเป็นเพื่อนที่มีความน่าสนใจและมีเสน่ห์มากพอที่พวกเราคนดูอยากคบหากับพวกเขา เราหวังว่าเราคงเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้”


ไรท์แมนในตำแหน่งคนควบคุมเชือก : การถ่ายทำในลอสแอนเจลิส

เมื่อการถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี  2010 ไรท์แมนตั้งใจที่จะจับเสน่ห์และพลังแบบคนหนุ่มสาวของลอสแอนเจลิสเอาไว้ให้ได้ โลเกชั่นหลายต่อหลายแห่งถูกเลือกมาเพื่อแสดงให้เห็นสีสันที่เป็นจุดเด่นของนครแห่งเทพแห่งนี้ในแบบที่คาดไม่ถึง  (เมื่อเปรียบเทียบกับชอตภาพป้ายสัญลักษณ์ของฮอลลีวู้ด หรือภาพของต้นปาล์มเรียบทะเลเวนิสบีช อย่างที่เคยเห็นกันบ่อยๆ) การตัดสินใจเลือกโลเกชั่นที่ตั้งใจเอาไว้ ก็อย่างเช่น อาคารกระทรวงคมนาคมแคลิฟอร์เนียเขต 7 (คัลทรานส์) ที่มีภาพลักษณ์เหมือนโลกอนาคต, เบลแอร์เบย์คลับที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น ซึ่งสร้างขึ้นในทศวรรษ 1920 โดยหนึ่งในนักพัฒนาคนสำคัญของลอสแอนเจลิส, แมนชั่นสุดหรูหราใจกลางย่านพักอาศัย เบเวอร์ลี่ ฮิลส์, สำนักงานใหญ่ของแผนกน้ำและไฟฟ้าจอห์น เฟอร์ราโร่ ที่มีรูปแบบทันสมัยและมีสถาปัตยกรรมที่ดึงดูดสายตา ซึ่งสร้างในปี 1961 โดยสถาปนิค เอซี มาร์ติน รวมไปถึงสวนสาธารณะริมทะเลในโอเชี่ยนไซด์, ลองบีช อดัมและอีไลอาศัยอยู่ในบ้านที่ฮอลลีวู้ดฮิลส์ที่สร้างด้วยโลหะและกระจก และตกแต่งด้วยสไตล์มิดเซนจูรี่
                โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ไอด้า แรนดอมได้ทิศทางในการทำงานที่ชัดเจนจากไรท์แมน “อิวานตั้งใจที่จะแสดงภาพของลอสแอนเจลิสในแบบที่ฮิพที่สุด และน่าตื่นเต้น เขาระบุเจาะจงมาเลยในสิ่งที่เขาต้องการ สำหรับฉากตลาดของชาวไร่ในลานจอดรถ เราได้เซ็ตฉากนี้ขึ้นมาในย่านดาวน์ทาวน์ ตรงด้านหน้าตึกแผนกน้ำและไฟฟ้า เป็นภาพชอตวงกว้าง โดยมีวอลท์ ดิสนี่ย์ คอนเสิร์ต ฮอลล์ เป็นฉากด้านหลัง มันคือการตัดสินใจที่ทำให้การทำงานกับอิวานเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและน่าสนใจอย่างมาก”
   การทำงานกับไรท์แมน ซึ่งเป็นผู้กำกับที่มีประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับโดยกลุ่มนักแสดงรุ่นใหม่ “สมัยที่ผมยังเด็ก อิวานได้สร้างภาพยนตร์ที่มีแบบฉบับเอาไว้หลายเรื่อง ผมโตมากับการได้ดูหนังอย่าง ‘Ghostbusters’ และ ‘Stripes’ จนมันกลายเป็นเหมือนเสาหลักในชีวิตของผม” แอชตัน คุทเชอร์บอก “อิวานถือเป็นตำนานในเรื่องของการให้คำนิยายต่อภาพยนตร์แนวหนึ่งสำหรับคนรุ่นหนึ่ง และเขายังคงทำเช่นนั้นอยู่”
“อิวานคือตำนานตัวจริง ถือเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับเขา” พอร์ตแมนบอก “เขาใจดี และฟังความคิดเห็นของทุกคน ทำให้เรามีโอกาสที่จะแสดงได้ตามใจชอบ เป็นเรื่องวิเศษมากที่มีโอกาสได้เล่นอะไรสนุกๆ และด้นสดทั้งในส่วนของการแสดงทั้งฉากและบทพูดด้วย”
สิ่งที่แทบไม่เป็นไปตามมาตรฐานในฮอลลีวู้ดเลยก็คือ ลิซ เมอริเว็ทเธอร์ ที่เป็นคนเขียนบทได้ไปอยู่ในกองถ่ายด้วยทุกวันระหว่างการถ่ายทำ โดยเธอยังคงให้ความร่วมมือตลอดการถ่ายทำ “มันน่าทึ่งมากที่พวกเขายอมรับคุณและยอมฟังคุณ” เมอริเว็ทเธอร์เล่า “การที่มีอิวานเดินมาหาฉันเพื่อขอไอเดียเกี่ยวกับบทพูดใหม่ๆ และพาฉันเข้าไปข้องเกี่ยวกับกระบวนการในการสร้างฉากหนึ่งๆ นั้นมันน่าทึ่งมากจริงๆ”
 เหล่านักแสดงต่างรู้สึกยินดีที่เมอริเว็ทเธอร์มาอยู่ที่กองถ่าย ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจที่รู้ว่าเธอจะอยู่ที่นั่นเพื่อให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการเสมอ “นับว่าเป็นประโยชน์มากที่มีลิซอยู่ที่กองถ่ายด้วย เพราะคุณมักจะต้องเจอปัญหาว่าฉากใดฉากหนึ่งหรือชอตใดชอตหนึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในแบบที่คุณต้องการบทพูดที่ลงตัว ซึ่งเธอก็จะอยู่ที่นั่นเพื่อนำเสนอไอเดียต่างๆ” คุทเชอร์อธิบาย
การทำงานกับอิวานเหมือนฝันที่กลายเป็นจริงสำหรับเมอริเว็ทเธอร์ และประสบการณ์ครั้งนี้ก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลย “ฉันได้ทำงานกับอิวาน เขาได้อ้างอิงถึงผลงานภาพยนตร์เรื่องหนึ่งของเขา มันทำให้ฉันระลึกได้ว่าเขาเองก็เคยสร้างภาพยนตร์ตลกที่ดีมากเมื่อ 20 ปีก่อน ทำให้ฉันต้องรู้สึกทึ่งในตัวเขาอีกครั้ง” เมอริเว็ทเธอร์กล่าว “เขาเป็นที่ปรึกษาและเป็นเพื่อนที่ดี ประสบการณ์ครั้งนี้คงไม่มีทางจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว”
   แม้จะได้รับการยกย่องมากมาย แต่ไรท์แมนก็ยังกระตือรือร้นที่จะค้นหาแนวทางตลกๆ รูปแบบใหม่ให้กับคนดูยุคปัจจุบัน “ผมมาถึงจุดในชีวิตที่ผมต้องหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะนำเสนอภาษาแบบภาพยนตร์ตลกของผม เป็นความสามารถของผมที่จะแสดงตัวเองออกมาในแบบตลกๆ ในภาพยนตร์ ผมคิดว่าในช่วงปีหลังๆ มานี้ ผมสร้างภาพยนตร์ออกมาเพียงไม่กี่เรื่อง ซึ่งอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก และไม่ได้นำเสนอพลังที่ผมเคยมีในช่วงที่ผมทำงานในวงการนี้มา 20 ปีแรก ผมยังโชคดีที่ทำงานมาได้ยาวนาน และยังได้สร้างภาพยนตร์ที่ตอบสนองคนดูทั่วโลก ผมคิดว่ามันคือหนึ่งในเหตุผลที่ผมเน้นหนักไปที่บทภาพยนตร์ของลิซ เมอริเว็ทเธอร์มากขนาดนี้ ผมรู้สึกว่ามันให้โอกาสกับผมที่จะสร้างงานเพื่อตัวเองในรูปแบบใหม่และมีความหมาย”
   ไรท์แมนกล่าวปิดท้ายว่า “ผมว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ภาพยนตร์จะต้องนำเสนอต่อคนดูที่ไปดูภาพยนตร์เหล่านั้นว่าพวกเราสามารถที่จะมองเห็นและจดจำสิ่งที่ถูกกลั่นออกมาจากชีวิตของพวกเราอย่างมีอารมณ์ขันและเฉลียวฉลาด ว่ามันเน้นไปที่ความเป็นตัวเราและที่ที่เรายืนอยู่ในสังคมของเราในเวลานี้ ผมว่าภาพยนตร์อย่างเรื่องนี้ ซึ่งพูดถึงเรื่องนี้อย่างมีอารมณ์ขันและตรงไปตรงมา จะเข้ากันดีกับคนดู บางทีมันอาจกลายเป็นภาพยนตร์ที่เราอยากจะไปดูกันเป็นกลุ่ม และได้พูดคุยกันในภายหลัง ผมอยากดึงคนดูทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพื่อให้พวกเขาสามารถไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยกันได้ เพราะบอกตามตรงนะ หญิงและชายมีมุมมองต่อเรื่องการคบหากันที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงเรื่องที่ว่าความสัมพันธ์เป็นอย่างไร และเรื่องเพศเป็นอย่างไร และบางทีมันอาจเป็นทั้งความสนุกและให้แสงสว่างที่จะมองดูความสัมพันธ์จากอีกสุดปลายทางของสายโทรศัพท์ก็ได้”
   พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส, โคลด์สปริงส์ พิคเจอร์ส และสปายกลาสส์ เอนเตอร์เทนเม้นต์ ภูมิใจเสนอผลงานการสร้างของมอนเตซิโต พิคเจอร์ คัมปานี จากฝีมือการสร้างของอิวาน ไรท์แมน เรื่อง “No Strings Attached” ซึ่งนำแสดงโดย นาตาลี พอร์ตแมน, แอชตัน คุทเชอร์, แครี่ เอลเวส และเควิน ไคลน์ ทีมผู้อำนวยการสร้างร่วม ได้แก่ อาลี เบลล์ และแอนเน็ตต์ ซาวิทช์ โดยมี ลิซ่า บรูซ ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารร่วม ดนตรีประกอบเป็นฝีมือของ จอห์น เด็บนี่ย์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายได้แก่ จูลี่ ไวสส์ ผู้ทำหน้าที่ลำดับภาพให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ ดาน่า อี กลาวเบอร์แมน, เอซีอี, โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ได้แก่ ไอด้า แรนดอม และผู้กำกับภาพ ได้แก่ โรเจียร์ สตอฟเฟอร์ส, เอเอสซี, เอ็นเอสซี ทีมผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ โรเจอร์ เบิร์นบาวม์, แกรี่ บาร์เบอร์, โจนาธาน คลิ๊คแมน, นาตาลี พอร์ตแมน และทอม พอลล็อค ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย อิวาน ไรท์แมน, โจ เม็ดจั๊ค และเจฟฟรีย์ คลิฟฟอร์ด จากเรื่องที่คิดสร้างสรรค์โดย ไมก์ ซาโมเน็ก และเอลิซาเบ็ธ เมอริเว็ทเธอร์ จากบทภาพยนตร์ที่เป็นฝีมือการเขียนบทของเอลิซาเบ็ธ เมอริเว็ทเธอร์ “No Strings Attached” กำกับโดยอิวานไรท์แมน  NoStringsAttachedMovie.com