wmt on December 25, 2010, 11:05:58 AM
เอ็มเอฟซีนำกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ M-WHA เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก
 
          บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ตอบโจทย์นักลงทุน เสนอกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ M-WHA โดยซื้อกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ในคลังสินค้าและโรงงานมาตรฐานพรีเมี่ยมที่มีผู้เช่าเป็นผู้ผลิตสินค้าระดับโลก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ปิดจองซื้อเต็มมูลค่าโครงการ 1,283 ล้านบาท พร้อมนำหน่วยลงทุน M-WHA เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก เพิ่มสภาพคล่องให้นักลงทุน 24 ธันวาคมนี้

          ดร.ศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ หรือ M-WHA ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทั้ง นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยทรัพย์สินที่เข้าลงทุนคือคลังสินค้าและโรงงานเป็นทรัพย์สินระดับพรีเมี่ยม ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อ M-WHA ว่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเริ่มซื้อขายวันที่ 24 ธันวาคม 2553 เป็นวันแรก และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “M-WHA” ซึ่งเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองท้ายสุดที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้

          กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ M-WHA ได้เข้าลงทุนในทรัพย์สินโดยซื้อกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเภทคลังสินค้า 2 หลังในจังหวัดชลบุรี และโรงงานผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง มูลค่าโครงการรวม 1,283 ล้านบาท โดยมีผู้บริหารทรัพย์สินคือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นมืออาชีพในการให้บริการและสร้างคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าและโรงงานผลิตขนาดใหญ่ คุณภาพระดับพรีเมี่ยม ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) โดยปัจจุบันบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีโครงการที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 9 โครงการ รวมพื้นที่กว่า 260,000 ตารางเมตร โดยมีประสบการณ์ในธุรกิจดังกล่าวมากว่า 20 ปี กองทุนจึงมีความเชื่อมั่นต่อผู้บริหารทรัพย์สินว่าจะสามารถให้บริการแก่ผู้เช่าทรัพย์สินของกองทุนได้อย่างดีเยี่ยม

          นอกจากนี้ ดร. ศุภกรกล่าวว่า จุดสำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งที่ทำให้ M-WHA ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อย คือ ความมีคุณภาพของทรัพย์สินและความแข็งแกร่งของผู้เช่าที่เช่าทรัพย์สินของกองทุนที่มีชื่อเสียงในระดับโลก โดยมีผู้เช่ารายใหญ่ 2 ราย คือ บริษัทคาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีชื่อเสียงด้านสินค้าอุปโภคที่รู้จักกันดี โดยการเช่าอาคารคลังสินค้าของกองทุน ช่วยในการบริหารต้นทุนการขนส่งและการบริหารจัดการของผู้เช่ามีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากอยู่ใกล้โรงงานผลิตสินค้าของบริษัทคาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด ในขณะที่บริษัทไพรมัส อินเตอร์เนชั่นแนล กรุงเทพฯ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอากาศยานที่ใช้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน รายใหญ่ของอเมริกา ที่มีเชี่ยวชาญเทคโนโลยีการผลิตคุณภาพสูง โดยมีกลุ่มลูกค้าสำคัญ เช่น ผู้ผลิตและประกอบเครื่องบินโบอิ้งของ อเมริกา ผู้ผลิตและประกอบเครื่องบินแอร์บัสของเยอรมัน เป็นต้น โดยการเข้าลงทุนเพื่อขยายฐานการผลิตในประเทศไทยสามารถลดต้นทุนในบริหารจัดการด้านการขนส่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตในประเทศและจากประเทศใกล้เคียง รวมถึงการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการที่โรงงานของกองทุนอยู่ในเขต Free zone ทำให้ผู้เช่าตกลงทำสัญญาเช่าแบบระยะยาว เป็นผลให้กองทุน M-WHA ได้รับรายได้ที่มั่นคงและแน่นอนได้ในระยะยาวเช่นกัน นอกจากนี้ กองทุน M-WHA ยังได้รับเงินประกันการเช่าจากผู้เช่าทั้งสองรายเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเลิกสัญญาก่อนกำหนด รวมมูลค่าประมาณ 74 ล้านบาทอีกด้วย

          ทั้งนี้ กองทุน M-WHA ประสบความสำเร็จจากความร่วมมือกันระหว่าง บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการกองทุน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะผู้บริหารทรัพย์สิน และ บล.เคที ซีมิโก้ ในฐานะผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน ทำให้กองทุน M-WHA สามารถจัดตั้งและเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,283 ล้านบาท ได้อย่างรวดเร็ว

          ดร. ศุภกรกล่าวเพิ่มเติมว่า เอ็มเอฟซี มีความสนใจตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในคลังสินค้าและโรงงานเนื่องจากในปัจจุบันความต้องการใช้คลังสินค้าอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยบริษัทต่างชาติที่เข้าลงทุนในประเทศไทยเพื่อเป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่สำคัญในระดับภูมิภาคเอเชีย ซึ่งคลังสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารระบบลอจิสติกส์สำหรับผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าทุกราย โดยเฉพาะคลังสินค้าที่มีทำเลที่ดีเหมาะแก่การขนส่งสินค้าและรูปแบบอาคารที่สนับสนุนต่อการบริหารจัดการภายในได้เหมาะสม ตรงตามความต้องการของผู้เช่าโดยเฉพาะ (Built to Suit) รวมถึงการสนับสนุนจากภาคการลงทุนในประเทศที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ Free zone ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี จึงเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนโดยการขยายการลงทุนเพิ่มเติมของกองทุน M-WHA ได้ในอนาคต

          ปัจจุบัน เอ็มเอฟซีมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการทั้งสิ้น 5 กองทุนได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นิชดาธานี กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นิชดาธานี 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มัลติเนชั่นแนลเรสซิเดนซ์ฟันด์ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-สแตรทิจิกสโตรเรจฟันด์ และกองทุน M-WHA รวมมูลค่าโครงการรวมกว่า 5,350 ล้านบาท โดยทุกกองทุนเป็นการลงทุนแบบซื้อกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ซึ่งมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณร้อยละ 7 ถึง 8.5 ซึ่งใกล้เคียงกับผลตอบโดยเฉลี่ยของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในตลาดปัจจุบัน

          การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต

          ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
          บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) คุณสุทรรศิกา คูรัตน์, คุณสุวรรณา ชีวนันทชัย โทร.0-2649-2230, 0-2649-2232
โทร. 02 204 8221