ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 9 ธันวาคม 2553
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 19,700 - 19,800
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,386
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.06 – 30.10
- GFZ10 Hi- Low 20,020 – 19,890 ปิดที่ 20,020
Gold Insight
สัญญาทองคำตลาด COMEX
ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 25.80 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,383.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,405.40 - 1,372.10 ดอลลาร์ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาตัดสินใจขยายโครงการลดหย่อนภาษียังทำให้นักลงทุนคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น จึงได้ตัดสินใจลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
ปิดบวก 13.32 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 11,372.48 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 4.53 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 1,228.28 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 10.67 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 2,609.16 จุดขานรับข่าวประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ และแกนนำพรรครีพับลิกันที่สามารถบรรลุข้อตกลงการขยายโครงการลดหย่อนภาษี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกของตลาดถูกสกัดลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ฉุดราคาหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่งลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 88.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.33 - 88.99 ดอลลาร์ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงด้วย
กองทุน SPDR Gold Trust
กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 9 ธันวาคม ขายออก 2.43 ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองที่ระดับ 1,297.73 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,295.30 ตัน
USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้โดยดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการขยายโครงการลดหย่อนภาษีของสหรัฐจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงค่าเงินยูโรร่วงลง 0.02% แตะที่ 1.3260 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3263 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3316 ดอลลาร์ต่อยูโร
USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 84.020 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 83.480 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.79 เยนต่อดอลลาร์
USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.12-30.16 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.06-30.10 บาทต่อดอลลาร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
- กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีแถลง ผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ที่ร่วงลง 1% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และยังมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ถึง 3 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของการผลิตสินค้าเพื่อการลงทุน อาทิ เครื่องจักรกลต่างๆ
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงาน ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ธ.ค. ร่วงลง 3.8 ล้านบาร์เรล แตะที่ 355.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล
- การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ที่ประเทศเอกวาดอร์ หลังจากมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปคจะคงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้ที่ 24.845 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมครั้งนี้
- โอบามาและแกนนำพรรครีพับลิกันตกลงการขยายโครงการลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้ทุกระดับชั้นออกไปอีก 2 ปี พร้อมกับขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการแก่ประชาชนที่ว่างงานหลายล้านคนออกไปอีก 13 เดือน โดยโอบามาเชื่อว่า การขยายโครงการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันและจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- จิม โรเจอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระดับแนวหน้าของโลกและประธานบริษัท โรเจอร์ส โฮลดิ้งส์ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การที่จีนควบคุมภาวะเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องแล้ว จิมกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้จีนเผชิญปัญหาเงินเฟ้อมาจากสภาพคล่องส่วนเกินในตลาด ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสเงินทุนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากทั้งภายในประเทศและเงินที่ไหลเข้ามาจากต่างประเทศ จนเป็นเหตุให้ราคาสินค้าของจีนพุ่งขึ้นด้วย
- รัฐมนตรีกลุ่มยูโรโซนมีมติไม่เพิ่มวงเงินในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และ กรีซอาจจะต้องระดมทุนเพิ่มอีกกว่า 3 เท่าจึงจะสามารถชำระเงินกู้ให้กับกองทุน EFS
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
อาทิตย์ที่
8 - 9 ธ.ค. 2553
ข้อมูลที่น่าจับตา
ตัวเลขเดิม
ตัวเลข คาดการณ์
ตัวเลขจริง
วันพุธ
· Crude Oil Inventories
1.1M
-1.3M
-3.8M
วันพฤหัสบดี
· Unemployment Claims
436K
426K