เฮลธ์ อิมแพค ฉีกกฎวิตามินซี เจาะตลาดเทรนด์ใหม่ เปิดตัว ซีโด้ เฮลธ์ตี้ กัมมี่ เจลลี่ กลีบส้ม เคี้ยวสนุก อร่อยเพลิน
เฮลธ์ อิมแพค ฉีกรูปแบบวิตามินซี เปิดตัว ซีโด้ เฮลธ์ตี้ กัมมี่ เจลลี่ กลีบส้ม เคี้ยวสนุก…อร่อยเพลิน มุ่งตอบโจทย์คนรักสุขภาพแนวใหม่ มั่นใจติดตลาด คนรุ่นใหม่อย่างรวดเร็ว ผ่านช่องทางจำหน่ายครอบคลุมร้านขายยาทั่วประเทศ ผสานจุดแข็งที่รสอร่อยทานสะดวก เสริมวิตามินซีได้ถึง 60 มิลลิกรัมต่อเม็ด เพียงพอต่อความต้องการของร่ายกายใน แต่ละวัน เตรียมกลยุทธ์รุกตลาดแบบ บีโลว์เดอะไลน์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เอ็นจอยไลฟ์ เอ็นจอยเฮลธ์” หวังมีส่วนแบ่งตลาดวิตามินซีที่มีมูลค่าสูงกว่า 500 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 12 ล้านบาท เผยปีนี้ ยอดขายรวมผ่านฉลุยทุกไตรมาส มั่นใจปลายปีมีรายได้ทะลุเป้า 300 ล้านบาท
ภญ.กรรณิการ์ เอกศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เฮลธ์ อิมแพค จำกัด เปิดเผยว่า เทรนด์ในการดูแลสุขภาพ มีการปรับเปลี่ยนสู่รูปแบบใหม่ ที่เน้นให้ความสะดวกสบายให้คนรักสุขภาพได้เอ็นจอยไลฟ์มากขึ้น จะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน นอกจากวิตามินในรูปเม็ดหรือแคปซูลแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบของเครื่องดื่มเสริมวิตามินต่างๆ ออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ทำให้มูลค่าตลาดในกลุ่มวิตามินทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 3,900 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มวิตามินซีสูงถึงกว่า 500 ล้านบาท โดย เฮลธ์ อิมแพค เห็นว่าในกลุ่มของวิตามินซี เป็นตลาดที่น่าสนใจ จึงสนใจเข้ามาทำตลาดด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซีโด้ เฮลธ์ตี้ กัมมี่ ที่พัฒนารูปแบบวิตามินซีให้อยู่ในรูปของ เจลลี่ กลีบส้ม ซึ่งฉีกรูปแบบวิตามินแบบเดิมๆ ที่อยู่ในรูปแบบยาเม็ด หรือ แคปซูล เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการได้รับความเพลิดเพลินในการรับประทานมากขึ้น ทั้งนี้ ซีโด้ เฮลธ์ตี้ กัมมี่ เป็น เจลลี่ กลีบส้ม เคี้ยวสนุก อร่อยเพลิน และให้คุณค่าของ วิตามิน ซี สูงถึง 60 มิลลิกรัม/เม็ด เริ่มวางจำหน่ายแล้วในร้านขายยาทั่วประเทศ โดยตั้งเป้ายอดขายในปีแรกไว้ที่ประมาณ 12 ล้านบาท
แม้ว่า ตลาดในกลุ่มวิตามินซี จะมีคู่แข่งอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นวิตามินซีในรูปแบบยาเม็ดหรือแคปซูล ส่วนวิตามินซีในรูปแบบของเจลลี่ที่ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่นั้น ยังมีคู่แข่งในตลาดจำนวนไม่มากนัก เฮลธ์ อิมแพค จึงถือเป็นโอกาสที่จะเข้ามามีส่วนแบ่งตลาด ที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 390 ล้านบาทนี้ โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ คุณแม่รุ่นใหม่ ที่มีลูกวัย 3- 10 ปี และคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพและต้องการความทันสมัย โดยในการรุกตลาดปีแรก ได้เตรียมงบประมาณไว้ 30 % ของยอดขาย แบ่งเป็น อะโบฟเดอะไลน์ 50 % ในการโฆษณาผ่านสื่อที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ และ บีโลว์เดอะไลน์ 50 % ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เอ็นจอยไลฟ์ เอ็นจอยเฮลธ์” ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในย่านชุมชนต่างๆ อาทิ อ๊อฟฟิต บิวดิ้ง, แหล่ง ช็อปปิ้ง, สถาบันการศึกษา และสถาบันสุขภาพต่างๆ ทั่วประเทศ อย่างต่อเนื่อง ภญ.กรรณิการ์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า
ซีโด้ เฮลธ์ตี้ กัมมี่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ เฮลธ์ อิมแพค มุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นวิตามิน ซี รูปแบบใหม่ หนึ่งกล่องมีขนาดบรรจุ 30 เม็ด จำหน่ายในราคากล่องละ 145 บาท บรรจุ 30 เม็ด/กล่อง ( รูปกลีบส้ม ) ขนาดแต่ละเม็ด น้ำหนัก 3 กรัม / เม็ด ให้วิตามินซี 60 มิลลิกรัม ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการวิตามิน ซี ใน 1 วันของคน ที่มีค่าความต้องการ RDA เท่ากับ 60 มิลลิกรัม/วัน โดยผลิตภัณฑ์ ซีโด้ เฮลธ์ตี้ กัมมี่ มีคอนเซ็ปต์แบรนด์ คือ เป็นทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ ในรูปแบบของวิตามินทานสนุก รสชาติอร่อย และ ดีต่อสุขภาพ เรียกได้ว่า เอ็นจอยไลฟ์กับการดูแลสุขภาพได้อย่างมีความสุข ถือเป็นอีกก้าวกระโดดของ เฮลธ์ อิมแพค ที่ฉีกรูปแบบการรับประทานวิตามินจากรูปแบบเดิมๆ สู่รูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ค่อนข้างอินเทรนด์ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
สำหรับ ภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศ ท่ามกลางสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายในปีนี้มากนัก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของ เฮลธ์ อิมแพค ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม นิชมาร์เก็ต [Niche market] โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายออกเป็น จากกลุ่มบำรุงข้อและกระดูก 35 % กลุ่มบำรุงรากผม 20 % นูลิน 5 % ส่งออก 30 % และอื่นๆ อีก 10 % ในส่วนของ ซีโด้ หลังจากออกผลิตภัณฑ์ ซีโด้ เฮลธ์ตี้ กัมมี่ เจลลี่ วิตามินซี แล้ว จะมีการประเมินผลในช่วง 2 เดือนแรก หากได้รับการต้อนรับจากตลาดเป็นอย่างดี ก็จะเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม โดยยังอยู่ในกลุ่มสินค้าบำรุงสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เอ็นจอยไลฟ์ เอ็นจอยเฮลธ์” อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เฮลธ์ อิมแพค ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท โดยในปีหน้ามีเป้าหมายที่จะรุกตลาดให้เข้มข้นมากกว่าเดิม มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ป้อน สู่ตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งทำกิจกรรมการตลาดแบบเน้นความถี่ ทั้งการโฆษณา, ประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ในแต่ละแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคและประชาชนทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ภญ.กรรณิการ์ กล่าวสรุปในที่สุด