YAHOO on November 19, 2010, 05:37:33 PM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00 น.

 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1372 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.96 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.99 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19400 บาท กับ 19500 บาท GFZ10 เปิดที่ 19570 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19670 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19570 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19690 บาท SPDR ถือครอง 1290.86 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมันลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ระดับ 84.86 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 9.39 จุด มาปิดที่ระดับ 11201.97 จุด โดยราคาทองคำในตลาดเอเชียเคลื่อนไหวในช่วง 1362-1374 เหรียญ ราคาทองคำมีการแกว่งตังขึ้นลงในตลาดเอเชียอย่างมาก ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4780 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2714 คู่สัญญา ราคาทองคำในตลาดลอนดอนและComexเอง มีการซื้อขายค่อนข้างทรงตัวอยู่บริเวณ 1365 เหรียญ มีการแกว่งตัวเช่นเดียวกัน โดยที่ขึ้นไปทำจุดสูดสุดได้ที่ระดับ 1375 เหรียญ และมีการปรับตัวลดลงมาท้ายตลาดปิดที่ระดับ 1368 เหรียญ ราคาทองคำได้ฉุดแรงเทขายลงมา หลังตลาดนิวยอร์กปิด ทำให้ราคาหลุดระดับ 1360 เหรียญลงมา และเปิดเช้านี้ที่ระดับ 1359 เหรียญ สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจเมื่อวานคือ retail sales ปรับตัวสูงขึ้น มาอยู่ที่ 1.2% จากเดิม 0.7 % ซึ่งหมายถึงมีกำลังซื้อดีขึ้นบ้าง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เองเมื่อเทียบกับเงินยูโรยังทรงตัว แต่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 1.3583 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยน 83.16 เยน/ดอลลาร์ ค่าเงินเยนก็ยังอ่อนตัวต่อเนื่อง ขณะที่เงินบาทเองเมื่อวาน ปรับตัวอ่อนค่าจนทดสอบระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากเป็นการซื้อของทางคาร์ฟูร์ที่ขายกิจการและนำเงินออกนอกประเทศ ในเช้านี้ค่าเงินบาทเองปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 29.88 บาท/ดอลลาร์
 
วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำยังอยู่ในภาวะกดดันจากแรงเทขายจากการปรับฐานโดยที่เริ่มมีสัญญาณของการกลับตัวบ้างแต่ยังไม่ชัดเจน แนวรับสำคัญของทองคำอยู่ที่ระดับ 1350 เหรียญ โดยที่เป็นแนวรับทางจิตวิทยา ราคาทองคำโดยภาพรวมยังเป็นการปรับฐานยังไม่ใช่เป็นเรื่องของการเป็นตลาดขาลง แนวต้านอยู่ที่ระดับ 1375 เหรียญ เป็นแนวต้านแรก และแนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1385 เหรียญ ตามลำดับ ราคาทองคำแท่งของไทย ปิดตลาดที่ระดับ 19350 บาท และ 19450 บาท ปิดที่ระดับ 1367 เหรียญ ราคาทองคำแท่งของไทย วันนี้มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19200 บาท แนวต้าน 19400 บาท Gold Futures Series Z10 แนวรับอยู่ที่ระดับ 19390 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19500 บาท ในขณะที่การซื้อขาย Gold Futures 10 บาท ยังมีปริมาณน้อยกว่าตัว Gold Futures 50 บาท อยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าคิดมูลค่าการซื้อขายต่างกัน 10 เท่า
 
คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว ซึ่งเป็นลักษณะของการสะสมพลัง
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) ทยอยเข้าช้อนซื้อยังคงรักษา Port อยู่ที่ประมาณ 50% เพิ่ม Port 10%นขณะนี้
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง รักษา Port 45% ซื้อในจังหวะราคาย่อตัวบริเวณแนวรับ

          บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

YAHOO on November 19, 2010, 05:39:08 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,200 - 19,300
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,360
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.88 – 29.89
          - GFZ10 Hi- Low 19,600 – 19,510 ปิดที่ 19,540
 
Gold Insight
 
          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.บวก 3.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,368.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,356.50 - 1,376.60 ดอลลาร์เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดบวก 9.39 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 11,201.97 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 1.46 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 1,197.75 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่าบริษัท แคทเทอร์ พิลลาร์ ตกลงซื้อกิจการบริษัท บูซีรัส อินเตอร์เนชันแนล เพื่อขยายกิจการในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 2 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 84.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 84.60 - 85.77 ดอลลาร์ หลังจากมีการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกและสต็อกสินค้าคงคงภาคธุรกิจที่ขยายตัวเกินคาดกองทุน SPDR Gold Trust

          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 16 พฤศจิกายน ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,290.86 ตัน
          USD/EU ค่าเงินยูโรยังคงร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่ารัฐบาลไอร์แลนด์อาจจะขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะและภาวะตึงตัวในภาคการเงินภายในประเทศ ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.79% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3583 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ (12 พ.ย.) ที่ 1.3691 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3599 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.80% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.160 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 82.500 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.14 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.85-29.88 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.90-29.93 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - วิกฤตหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนก.ย. เมื่อรัฐบาลไอร์แลนด์ประกาศว่าอาจจะต้องอัดฉีดเงินจำนวน 3.43 หมื่นล้านยูโร (4.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าไปพยุงกิจการธนาคารแองโกล-ไอริชแบงค์ที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของไอร์แลนด์ในปี 2553 พุ่งขึ้นเป็น 32% ของตัวเลขจีดีพี จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 11% นักวิเคราะห์คาดว่า ต้นทุนในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคารของไอร์แลนด์อาจพุ่งสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลว่าไอร์แลนด์อาจเผชิญปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่วิกฤตหนี้สาธารณะรอบใหม่ในยุโรป และจะฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซน เช่นสเปนและโปรตุเกส หดตัวลงด้วย
          - กระทรวงการพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนกันยายน และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติของของกระทรวงยังระบุว่า ยอดขายสินค้าของภาคธุรกิจสหรัฐขยายตัว 0.5% ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวจากภาวะถดถอยแล้ว
          - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.2% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% หลังจากยอดขายยานยนต์และวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ยอดขายยานยนต์พุ่งขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ยอดขายวัสดุก่อสร้างขยายตัวขึ้น 1.9% และหากไม่นับรวมยอดขายยานยนต์ พบว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ดีดตัวขึ้น 0.4%
          - สัญญาน้ำมันดิบหลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 พ.ย.ซึ่งทางสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะรายงานในวันพุธนั้น จะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม คาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 800,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.6%
          - นายหม่า เต๋อหลุน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า จีนอาจจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายด้านการเงิน เพื่อสกัดกั้นกระแสเงินเก็งกำไร และป้องกันกระแสเงินร้อนที่ไหลเข้าสู่ประเทศ หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายหม่าว่า เครื่องมือที่จีนคาดว่าจะนำมาใช้นั้น ครอบคลุมถึงการกำหนดเพดานสำรองสภาพคล่อง การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการดำเนินการในตลาดเปิด เพื่อป้องกันการไหลเข้าของกระแสเงินร้อน
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

12 – 15  พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันจันทร์
 · Retail Sales

· Core Retail Sales

· Empire State Manufacturing Index

· Business Inventories
 0.6%

0.4%

15.7

0.6%
 0.7%

0.4%

13.9

0.6%
 0.4%

1.2%

-11.1

0.9%
 
วันอังคาร
 · PPI

· Core PPI

· TIC Long-Term Purchases

· Capacity Utilization Rate

· Industrial Production
 0.4%

0.1%

128.7B

74.7%

-0.2%
 0.7%

0.2%

100.3B

74.9%

0.4%

YAHOO on November 19, 2010, 05:40:03 PM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดี ที่ 18 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00 น.
   
 
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดในวันพุธที่ระดับ 1333 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.97 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.99 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18950 บาท กับ 19050 บาท GFZ10 เปิดที่ 19100 บาท และ GFG10 เปิดที่ 19170 บาท สำหรับ GF10Z10 เปิดที่19110 บาท และ GF10G10 เปิดที่ 19190 บาท SPDR ถือครองเท่าเดิม 1290.86 ตัน น้ำมันลบ 1.90 เหรียญ/บาร์เรล มาปิดที่ระดับ 80.44 เหรียญ/บาร์เรล และดัชนีดาวโจนส์ลบ 15.62 จุด มาปิดที่ระดับ 11007.88 จุด
          ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวที่บริเวณแนวล่าง แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 1334-1340 เหรียญ ในช่วงบ่ายและก็กลับมาปิดตัวที่ระดับ 1338 เหรียญ มีแรงซื้อขายสลับกันโดยตลอดโดยที่ Gold Futures มีปริมาณการซื้อขายสูงขึ้น Gold Futures 50บาทเพิ่มขึ้นที่ 33% อยู่ที่ 5258 คู่สัญญา Gold Futures 10 บาท เพิ่มขึ้น 33% อยู่ที่ 3026 คู่สัญญา โดยที่ในตลาด ลอนดอนและComexเองราคาซื้อขาย ทรงตัวอยู่ในระดับล่าง บริเวณ 1331-1340 เหรียญ โดยมีการแกว่งตัวอยู่ในช่วงแคบๆหลายครั้งมีการทดสอบแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1345 เหรียญและกลับมาปิดตัวที่ 1337 เหรียญ ตอนนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างทรงตัวโดยตัวเลข CPI ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.2 % และ Core CPI ทรงตัวอยู่เท่าเดิมที่ 0.0% ในขณะที่ตัวเลขสร้างบ้านใหม่ซึ่งคาดว่าจะทรงตัว แต่ตัวเลขจริงออกมาแย่ โดยภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นกลับมาเริ่มอ่อนตัว โดยที่USD INDEXอยู่ที่ระดับ 76 จุด ส่วนค่าเงินดอลลาร์ต่อยูโร ดีดกลับขึ้นมาหลังจากไอซแลนด์ได้รับความช่วยเหลือ มาอยู่ที่ระดับ 1.3570 ดอลลาร์/ยูโร ค่าเงินเยนยังทรงตัวอยู่บริเวณ 83.2 เยน/ดอลลาร์ น้ำมันลบ 1.90 เหรียญ/บาร์เรล มาปิดที่ระดับ 80.44 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์ลบ 15.62 จุด มาปิดที่ระดับ 11007.88 จุด SPDR คงทองเท่าเดิมที่ 1290.86 ตัน
 
          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำตกลงมาทดสอบที่แนวรับสำคัญที่ระดับ 1330 เหรียญ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ราคาทรงตัวอยู่ได้ตลอดวันและเริ่มดีดกลับโดยมีการทดสอบแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1345 เหรียญ ดูว่าราคาทองคำเป็นการสะสมพลังหลังจากที่ตกอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และเริ่มเกิดสัญญาณขายเกินสำหรับOscillatorระยะสั้นรายชั่วโมง ส่วนRSI ลงมาจุดต่ำมากและเริ่มวกกลับ โดยเฉพาะสัญญาณรายชั่วโมง RSI และ Slow Sto. เริ่มตัดขึ้นแล้ว MACD ยังทรงตัวอยู่ในระดับกลาง และOscillatorรายวันยังไม่ชัดเจน สรุปได้ว่าราคาทองคำในด้านTechnicalเริ่มเข้าสู่ภาวการณ์ทรงตัว และเริ่มเข้าสู่การกลับตัว ราคาทองจะสามารถหยุดตกได้และสามารถดีดกลับ โดยที่ราคาทองเช้านี้เปิดที่ระดับ 1343 เหรียญ และมีแรงซื้อไล่เข้ามาในตลาดเอเชียและตลาดTocomอย่างต่อเนื่องสำหรับราคาทองคำแท่งของไทยปิดที่ 19300-19400 บาท โดยลงมาที่บริเวณแนวรับพอดี ที่ระดับ 19000 บาท ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ไปทดสอบด้านบนโดยยืนอยู่เหนือ 30 บาท/ดอลลาร์ได้ ตลอดทั้งวัน วันนี้เงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อย ทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 29.99 บาท/ดอลลาร์ทองคำแท่งไทยมีแนวรับที่ 19000 ต้านที่ 19200 บาทGold Futures Series Z มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19300 บาท และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 19450
 
          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว ซึ่งคาดว่าจะเป็น Technical Rebound ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะพุ่งขึ้นต่อได้
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) เป็นกลยุทธ์ในการเข้าซื้อต่อเนื่องหลังจากเมื่อวานยังดูสถานการณ์อยู่ ภาพรวมของOscillatorเริ่มเป็นสัญญาณบวก และเริ่มให้ถือครอง port ประมาณ 50 %
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ยังคงรักษาPort ที่บริเวณ 50% รอจังหวะเข้าซื้อถ้าราคาอ่อนตัว

          สรุปได้ว่า เราคิดว่าราคาทองเริ่มหยุดตกและจะสามารถเข้าสู่การกลับตัวขึ้นไปได้ นักลงทุนที่มีport ว่างให้เข้าซื้อ ซึ่งจะสามารถเฉลี่ยราคาจะด้านบนขึ้นไปได้ นักลงทุนที่ถือshort positionควรที่จะปิดและ เข้าซื้อ long position
 
          บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

YAHOO on November 19, 2010, 05:42:03 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2553
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,100 - 19,200
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,348
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.02 – 30.05
          - GFZ10 Hi- Low 19,200 – 19,080 ปิดที่ 19,170
 
Gold Insight
 
          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,336.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,333.10 - 1,344.60 ดอลลาร์ โดยสัญญาดิ่งลงไปปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทองคำแม้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงก็ตาม

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดลบ 15.62 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 11,007.88 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.25 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,178.59 จุด เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานว่าบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) กำลังตรวจสอบคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของอดีตผู้บริหารและพนักงานธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ล้มละลายในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงิน อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีกช่วยพยุงดาวโจนส์ไม่ให้ร่วงลงมากนัก นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.31% ปิดที่ 80.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.06 - 82.67 ดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของภูมิภาคแห่งนี้ด้วย รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ทางการจีนเริ่มใช้นโยบายควบคุมราคาสินค้าเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 18 พฤศจิกายน ไม่เปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,290.86 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขการสร้างงานบ้านที่อ่อนแอในสหรัฐเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ของเฟด และยังทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3550 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.270 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 83.260 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.33 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.00-30.03 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.00-03 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - นายฌอง-คล้อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับไอร์แลนด์ว่าจะขอความช่วยเหลือจากอียูหรือกลุ่มยุโรปหรือไม่ หากไอร์แลนด์ร้องขอ ทางคณะกรรมการยุโรปก็พร้อมที่จะสนับสนุนไอร์แลนด์ ขณะที่รมว.คลังเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขภายใต้ความร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยรัฐมนตรีคลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้จัดการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อตัดสินใจว่าควรจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ไอร์แลนด์เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์ลุกลามออกไปหรือไม่ แม้รมว.คลังไอร์แลนด์ยืนยันว่า ไอร์แลนด์ยังมีฐานเงินทุนที่เพียงพอไปจนถึงช่วงกลางปีหน้าก็ตาม
          - สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนผู้ไม่มีงานทำในช่วง 3 เดือนจนถึงก.ย. ลดลงเล็กน้อย 9,000 คน มาอยู่ที่ 2.45 ล้านคน ส่งผลให้อัตราว่างงานโดยรวมของอังกฤษ ยังทรงตัวอยู่ที่ 7.7%
          - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านใหม่เดือนต.ค.ร่วงลง 11.7% สู่ระดับ 519,000 หลังต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 600,000 หลังต่อปี บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะซบเซา
          - กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของเฟดที่ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมากและอาจทำให้เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อต่ำและตัวเลขสร้างบ้านที่หดตัวรุนแรงยังช่วยสนับสนุนการตัดสินใจใช้มาตรการ QE2 ของเฟดด้วย
          - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 12 พ.ย.ร่วงลง 7.29 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 357.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา

  อาทิตย์ที่

17 - 18 พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันพุธ
 · Building Permits

· Core CPI

· CPI

· Housing Starts

· Crude Oil Inventories
 0.55M

0.0%

0.1%

0.61M

-3.3M
 0.57M

0.1%

0.3%

0.59M

-0.5M
 0.55M

0.0%

0.2%

0.52M

-7.3M
 
วันพฤหัสบดี
 · Unemployment Claims

· Philly FedManufacturing Index

· ECB President Trichet Speaks
 435K

1.0

-
 442K

5.1

-

YAHOO on November 19, 2010, 05:43:58 PM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2553   
 
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,200 - 19,300
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,359
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.80 – 29.88
          - GFZ10 Hi- Low 19,420 – 19,280 ปิดที่ 19,400
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 16.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,353.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,334 - 1,356 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อ 2 วันทำการที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมและพลาตินัมทะยานขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับรายงานกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาด

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดพุ่ง 173.35 จุด หรือ 1.57% แตะที่ 11,181.23 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 18.10 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 1,196.69 จุด ขานรับรายงานกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐที่ขยายตัวมากเกินคาด และข่าวบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) สามารถระดมทุนได้สูงถึง 2.32 หมื่นล้านดอลลาร์ผ่านการออกหุ้น IPO นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า รัฐบาลไอร์แลนด์จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะได้

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.85 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่ว่า ไอร์แลนด์จะสามารถแก้วิกฤตหนี้สาธารณะได้ด้วยการรับความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้ปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 19 พฤศจิกายน ขายออก 4.56 ตันเปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1,290.86 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,286.30 ตัน
          USD/EU ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.85% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3633 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธ (17 พ.ย.) ที่ 1.3518 ดอลลาร์สหรัฐ
          USD/JPY ค่าเงินเยนเปิดที่ 83.46 เยน ต่อดอลล่าร์สหรัฐ
          USD/THB ค่าเงินบาทเปิดที่ 29.88 ต่อดอลล่าร์สหรัฐ
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนตุลาคม หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกันยายน สะท้อนให้เห็นว่าจังหวะการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในระดับปานกลาง แอตตาแมน ออซยิดิริม นักเศรษฐศาสตร์ของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด กล่าวว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจยังคงเคลื่อนไหวในช่วงขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวในระดับปานกลางอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น
          - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผย ดัชนีกิจกรรมการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 22.5 จุดในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.0 จุด บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
          - แพทริก โฮโนฮาน ผู้ว่าการธนาคารกลางไอร์แลนด์คาดว่า ไอร์แลนด์จะตกลงรับเงินช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านยูโร เพื่อบรรเทาปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศ ทั้งนี้ อียูและไอเอ็มเอฟต้องประเมินมูลค่าหนี้สาธารณะ รวมถึงสถานะการคลังของไอร์แลนด์ และสถานะการเงินของธนาคารในประเทศ รวมถึงกำหนดมาตรการที่จำเป็นเพื่อเป็นหลักประกันว่า ไอร์แลนด์จะไม่ผิดนัดชำระหนี้ โดยการแสดงความคิดเห็นของผู้ว่าการธนาคารกลางไอร์แลนด์ที่นครแฟรงก์เฟิร์ตในครั้งนี้มีขึ้นในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ภาคธุรกิจการเงินจากกลุ่มสมาชิกอียูและไอเอ็มเอฟจัดการเจรจาในกรุงดับลิน ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง ธนาคารกลาง และเจ้าหน้าที่กำกับดูแลตลาดเงิน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าการประชุมของอียูและไอเอ็มเอฟเพื่อหาข้อสรุปการให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์นั้นจะใช้เวลาหลายวัน
          - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2,000 ราย แตะระดับ 439,000 ราย ใกล้เคียงที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 440,000 ราย อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 443,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ต.ค.2551
          - จีนมีแนวโน้มที่จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในปีนี้ เพื่อชะลอช่วงขาขึ้นของราคาสินค้า เมื่อพิจารณาจากแถลงการณ์ของคณะรัฐมนตรีจีนเมื่อวานนี้ที่ว่า ทางการจีนจะใช้มาตรการควบคุมราคาหากเห็นว่าจำเป็น ลู เจินเหว่ย หัวหน้านักวิเคราะห์จากอินดัสเทรียล แบงค์ กล่าวว่า การที่คณะรัฐมนตรีจีนประกาศแนวทางในการควบคุมราคาสินค้านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าในปัจจุบันอยู่ในขั้นที่วิกฤต และจีนให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อเป็นอันดับแรก
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

18 – 19  พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันพฤหัสบดี
 ·   Unemployment Claims

·   Philly FedManufacturing Index

·   ECB President Trichet Speaks
 435K

1.0

-
 442K

5.1

-
 439K

22.5

-
 
วันศุกร์
 ·   Fed Chairman Bernanke Speaks

·   ECB President Trichet Speaks
 -

-
 -

-

YAHOO on November 19, 2010, 05:44:38 PM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ ที่ 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00 น.

 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1348 เหรียญ ค่าเงินบาท 30.02 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.05 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19100 บาท กับ 19200 บาท GFZ10 เปิดที่ 19300 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19360 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19290 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19390 บาท น้ำมันลดลง 1.41 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 81.85 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 173.35 จุด มาปิดที่ระดับ 1181.23 จุด โดยราคาทองคำในตลาดเอเชียค่อนข้างคึกคัก โดยมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ผลักดันให้ราคา ทะลุ 1350 เหรียญ และไปทำสูงสุดที่ระดับ 1358 เหรียญ Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4256 คู่สัญญา ลดลง 19% และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2430 คู่สัญญา ลดลง 20% ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายลดลงกว่าวันก่อน Open Interest 50 บาทเพิ่มขึ้น 3% และ Open Interest 10 บาท เพิ่มขึ้น 0.05% ตามลำดับ ในช่วงตลาดลอนดอนและComex ราคาเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ 1353-1358 เหรียญ โดยที่ในช่วงต้นตลาดปรับตัวลดลงมาก่อน และทดสอบด้านล่างที่ระดับ 1349 เหรียญ อีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นระยะสั้นๆก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาและปิดตลาดที่ระดับ 1353 เหรียญ ในตลาดเช้านี้มีการดีดตัวหลังจากตลาด Electronic มาอยู่ที่ระดับ 1358 เหรียญ ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญคือ ผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานยังอยู่ในอัตราที่สูง คือ 439000 ตำแหน่ง ส่วน Philly Fed Manufacturing Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก อยู่ที่ 22.5% จากเดิมอยู่ที่ 1.0% อย่างไรก็ดีตลาดยังให้ความสนใจข่าวของไอซแลนด์ ซึ่งจะได้รับการแก้ปัญหาจากอียู ซึ่งจะประกาศในวันนี้ โดยค่าเงินยูโรปรับตัวสูงขึ้นมายืนเหนือ 1.3600 ดอลลาร์/ยูโร ได้อีกครั้งหนึ่ง จากระดับ 1.3518 ดอลลาร์/ยูโร โดยกลับมาอยู่ที่ 1.3636
 
          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำสามารถทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1350 เหรียญได้ตลอดเวลาการซื้อขายทั้งในตลาดเอเชียและComex และตลาดElectronic สามารถทดสอบที่ระดับ 1360 เหรียญได้ ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1358 $ สรุปได้ว่าราคาทองคำอยู่ในภาวะหยุดตก และกำลังเข้าสู่ภาวะขาขึ้น โดยจะกลับตัวขึ้นมาก่อน และมีแนวต้านแรกที่ระดับ 1365 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ โดยมีเส้นค่าเฉลี่ยกองอยู่ 3 เส้น ถ้าทะลุขึ้นไปได้ จะเกิดสัญญาณซื้ออย่างรุนแรง แนวรับอยู่ที่ระดับ 1345$ ราคาทองคำแท่งของไทย ปิดตลาดที่ระดับ 19200 บาท และ 19300 บาท ปิดที่ระดับ 1355 $ ราคาทองคำแท่งของไทย วันนี้มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19150 บาท แนวต้าน 19400 บาท Gold Futures Series Z10 แนวรับอยู่ที่ระดับ 19350 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19500 บาท โดยที่ค่าเงินบาทเช้านี้เองเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งตามการอ่อนค่าของดอลลาร์ 29.88 บาท/ดอลลาร์
 
          คำแนะนำ
          นักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์การดีดตัวเช่นเดิมและน่าจะแกวงตัวในขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1365 เหรียญ
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) ยังเป็นลักษณะการรอช้อนซื้อต่อเนื่องและ รักษา 60% หาจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ยังเป็นหาจังหวะซื้อ โดยรอ และมี Port ประมาณ 50% น้อยยกว่า Weekly trade สรุปได้ว่า เป็นการย้ำเตือนอีกครั้งว่า นักลงทุนไม่ควรถือสถานะ Short และควรเปลี่ยนเป็น Long Positioneekly trade
 
          บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง