YAHOO on October 01, 2010, 08:09:41 AM
KTAMลุยลงทุนตราสารหนี้รัสเซียต่อหลังนักลงทุนตอบรับดีชูยิลด์3.50%

           นายสมชัย   บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยว่า   หลังจากที่บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยรัสเซีย ฟิกซ์อินคัม 1    ซึ่งเป็นกองทุนแรกที่ลงทุนในตราสารหนี้ประเทศรัสเซีย  โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน    ในโอกาสนี้บริษัทจึงเตรียมเปิดจำหน่ายอีก1  กองทุน ที่เข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ประเทศดังกล่าว  ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 17 ( KTFF17)     ระหว่างวันที่ 7-13  ตุลาคม 2553    มูลค่าโครงการ 1,500  ล้านบาท  อายุ 2 ปี 9 เดือน  จ่ายผลตอบแทนคืนอัตโนมัติทุก 3 เดือน  มูลค่าเงินลงทุนขึ้นต่ำ 10,000  บาท   มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้  เงินฝาก  ตราสารทางการเงินที่รัฐบาล  องค์การ  หน่วยงานของรัฐบาล   องค์การระหว่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ  หรือภาคเอกชนของประเทศรัสเซีย เป็นผู้ออก หรือผู้ค้ำประกัน   โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ  80 ของมุลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน   ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก  ตราสารแห่งหนี้ทั่วไป ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด

            โดยจุดเด่นของกองทุนนี้ คือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศรัสเซีย ที่มีฐานะการคลัง และการเงินระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง    เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ผู้กู้เป็นสถาบันการเงินหรือกิจการ ซึ่งภาครัฐของประเทศรัสเซียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ( Government  related  firms )    โดยกองทุนจะลงทุนผ่านตราสารประเภท  Loan  Participation  Note สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ  ซึ่งเป็นเครืองมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมของกิจการในรัสเซียเพื่อใช้ระดมเงินทุนจากต่างประเทศ    และตราสารที่ลงทุนได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกับผู้กู้เหล่านี้  และระดับเดียวกับประเทศรัสเซียที่ BBB    โดย  S&P   

           สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนในสัดส่วนสถาบันละ 25 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ประกอบไปด้วย 1)    Russian Agricultural Bank (Baa1 โดย Moody) เป็นธนาคารภาครัฐเพื่อสนับสนุนภาคเกษตร  2)   SBER Bank (Baa1) เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของรัสเซีย  3)   Gazprom (Baa1) เป็นกิจการพลังงานครอบครองก๊าซธรรมชาติคิดเป็น 17% ของโลก  และ 4 )  Transneft (Baa1) เป็นกิจการผูกขาดระบบขนส่งน้ำมันผ่านท่อรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย     โดยผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 3.50%  ต่อปี      พร้อมทั้ง มีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

            นายสมชัย    กล่าวถึง  ภาวะการลงทุนในต่างประเทศ  ว่า  หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) มีแผนจะขยายอายุมาตรการผ่อนคลายทางเงิน Quantitative Easing ต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการฟื้นต้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของตราสารในสหรัฐฯ รวมถึงประเทศเศรษฐกิจสำคัญ รวมทั้งไทยปรับตัวลดลง  เนื่องจากสภาพคล่องของระบบการเงินอยู่ในระดับสูงมาก แนวโน้มดังกล่าวคาดว่าจะคงอยู่ต่อไปจนกว่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน  ในขณะที่กระแสการไหลเข้าของเงินทุนสู่ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง ส่งผลต่อการแข็งค่าของสกุลในภูมิภาครวมทั้งเงินบาท  ปัจจัยดังกล่าวมีผลให้ต้นทุนการป้องกันค่าเงินมีความผันผวน แต่จะเป็นผลดีต่อการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากมีต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากการเข้าทำสวอปข้ามสกุลระหว่างเงินบาทและเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ลดต่ำลง
« Last Edit: October 07, 2010, 10:36:33 AM by YAHOO »