“แคริ่ง” อัดงบ 10 ล้าน เปิดตัว ครีมเปลี่ยนสีผม “ซีนพลัส” เจาะตลาดสาวไทยวัยโจ๋
“แคริ่ง” ทุ่ม 10 ล้าน บุกตลาดครีมเปลี่ยนสีผม เปิดตัวครีมเปลี่ยนสีผม“ซีนพลัส” Seen+ เจาะตลาดความต้องการกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ทั้งในด้านคุณภาพของสินค้า และราคา ชูความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของแคริ่งควบคู่กับฝีมือ และประสบการณ์ของแชมป์ผมโลกร่วมพัฒนา จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้เฉดสีตรง คงประกายความนุ่มของเส้นผม กลิ่นไม่ฉุน 18 เฉดสี ไม่ว่าจะเป็นสาวมั่นบุคลิกภาพแบบไหน ก็สามารถหาเฉดสีที่ตรงใจได้ ทั้งโทนสีธรรมชาติ, โทนสีอ่อน และโทนสีแฟชั่น หวังเป้ายอดขายปีแรกขยับ 5 % ในตลาดสีผมที่มีมูลค่ารวมกว่า 2,400 ล้านบาท และเพิ่ม 10 % ภายใน 3 ปี
ภก. บุญเกียรติ สมบูรณ์ศักดิกุล ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แบรนด์ “แคริ่ง” หรือ CARING ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผมที่มีคุณภาพระดับโลกยาวนานมากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันตลาดสีผมนั้นมีผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมให้ผู้บริโภคเลือกหลากหลายเกินไป จนผู้บริโภคไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าสินค้าชิ้นใดเหมาะสมกับตนเอง ซึ่งทาง Caring ได้มองเห็นปัญหาของผู้บริโภคในจุดนี้ จึงได้ทำการวิจัยผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผมของคนไทยโดยเฉพาะ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มี life style ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ออกมานั้นมีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มวัยรุ่น และนักศึกษาด้วยบุคลิกของสาวมั่น ที่ต้องการครีมเปลี่ยนสีผมที่มีคุณภาพ ทำง่าย สะดวกรวดเร็ว ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์การทำตลาดของแบรนด์ใหม่จาก Caring ที่มีชื่อว่า “ซีน พลัส” หรือ Seen+
จุดเด่นของสินค้าจากแบรนด์ Seen+ ที่แตกต่างจากสินค้ายี่ห้ออื่น คือ เรามุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อตอบสนองความต้องการของ กลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ทั้งในด้านคุณภาพของสินค้า และราคา โดยอาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของแคริ่งควบคู่กับฝีมือและประสบการณ์ของ แชมป์ผมโลกอย่าง อ. ธรรมรัตน์ เต็มนิรันรัตน์ มาร่วมพัฒนา จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้เฉดสีตรง คงประกายความนุ่มของเส้นผม อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนสีผมได้อย่างรวดเร็วขึ้น กลิ่นไม่ฉุน ไม่ระคายเคืองหนังศรีษะ โดยเพิ่มส่วนผสมของสารสกัดจากมิ้นท์ซึ่งจะทำให้รู้สึกเย็นสบายและไม่เป็นอันตรายต่อหนังศรีษะ และยังง่ายต่อการเปลี่ยนสีผมด้วยตนเองทั้งที่บ้าน หรือที่ร้านเสริมสวย ทั้งนี้ Seen+ ยังมีถึง 18 เฉดสีตามเทรนด์แฟชั่นในปัจจุบันอีกด้วย
ภก.บุญเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า ในปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมชนิดใดที่พัฒนาให้เหมาะสมกับผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม แต่ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Seen+ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ที่ต้องการสื่อถึงความเป็นตัวของตัวเอง ด้วย18 เฉดสีผม สำหรับ18 บุคลิกสาวมั่น และจะตอบสนองความต้องการได้ตรงใจ ไม่ว่าจะเป็นสาวมั่นบุคลิกภาพไหน ก็สามารถหาเฉดสีที่ตรงใจได้ ครอบคลุมทั้งหมดตั้งแต่โทนสีธรรมชาติ, โทนสีอ่อน และโทนสีแฟชั่น อาทิเช่น สีดำธรรมชาติ สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลประกายทอง สีน้ำตาลเข้มควันบุหรี่ สีน้ำตาลอ่อนควันบุหรี่ สีบลอนด์อ่อนหม่นมุก สีบลอนด์น้ำตาลอ่อน สีบลอนด์เปลือกไม้ สีบลอนด์เหลืองทอง สีบลอนด์ส้ม สีไวน์แดง สีชมพูเข้ม สีบลอนด์ประกายเขียว สีน้ำเงินเข้ม สีดำน้ำเงิน สีม่วงดำ สีม่วง และสีหมอก
สำหรับเป้าหมายในการทำตลาดของ Seen+ บริษัทฯ จะเน้นไปยัง 3 จุดหลัก คือ 1. ต้องการสร้างภาพลักษณ์ และแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก 2. การสร้างยอดขาย และการยอมรับในตลาด และสุดท้ายคือการสร้าง Seen+ Community ด้วยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Event Marketing โดยการให้ความรู้ความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายในการใช้ผลิตภัณฑ์ ผสมผสานกับกิจกรรมที่ผู้บริโภคสามารถร่วมสนุกได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นการสร้าง Seen+ Community เพื่อเป็นแหล่งข่าวสารเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นสีผม แฟชั่นการแต่งตัว และทิปส์อื่นๆสำหรับกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา นอกจากนี้สมาชิก Seen+ Community ยังสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และ ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันอีกด้วย
ภก.บุญเกียรติ กล่าวอีกว่า ในการทำตลาด Seen+ ทางบริษัทฯ Caring ได้ เตรียมทุ่มงบกว่า10 ล้านบาท สำหรับการทำตลาด Seen+ เพื่อเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาดในตลาดสีผมวัยรุ่น ที่มีมูลค่าตลาดสีผมรวมกว่า 2,400 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องกว่า 10% โดยผลิตภัณฑ์ Seen+ ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในปีแรกไว้ที่ 5% ของตลาดรวม และเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปี
“สำหรับสภาพตลาดสีผมในปัจจุบัน ไม่มีผลกระทบต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะตลาดวัยรุ่น ซึ่งไม่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองสักเท่าไหร่ อีกทั้งแนวโน้มการทำสีผมด้วยตนเองนั้นก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้เศรษฐกิจจะอยู่ในเกณฑ์ไม่ดี ก็คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มากเท่าใดนัก” ภก.บุญเกียรติ กล่าวปิดท้าย