“ทีแมท โฟร์อินส์” ผนึก “เอดี ฮีโร่ ชไนเดอร์” ทุ่ม 10 ล้าน เปิดตัวลิฟต์สุญญากาศครั้งแรกในประเทศไทย
“ทีแมท โฟร์อินส์” ผนึก “เอดี ฮีโร่ ชไนเดอร์” เปิดตัว “ลิฟต์สุญญากาศ” สุดยอดนวัตกรรมใหม่แห่งโลกอนาคตตัวแรกในเมืองไทย ทุ่ม 10-15 ล้านบาท บุกตลาดลิฟต์ลูกค้าระดับบนที่มีมูลค่าบ้าน 10 ล้านบาทขึ้น และกลุ่มผู้สูงอายุ ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม ทำงานด้วยระบบลม และระบบของหลักการธรรมชาติ ทำให้ลิฟท์ลงจอดอย่างนิ่มนวล มีความปลอดภัยสูง และสะดวกในการติดตั้ง ใช้พื้นที่น้อยที่สุดแค่ 75 ซ.ม. เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัดไม่ต้องขุดบ่อลิฟท์ หรือทำปล่อง ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้และปีหน้า 50 เครื่อง หรือประมาณ 100 ล้านบาทในปีแรก
นายสุพจน์ ชุติพัฒนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีแมท โฟร์อินส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท TMAT 4INS นี้ ก่อตั้งมาจากชื่อย่อของบริษัทแม่คือ Thai Mahal Advance Technology และ 4INS ย่อมาจาก Interior Intend Innovation Intelligent โดยมีธุรกิจหลักที่ค่อนข้างมั่นคงแล้วคือ นำเข้าเครื่องจักร และเครื่องทดสอบยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา, สวิสเซอร์แลนด์, อินเดีย โดยที่กลุ่มเป้าหมายคือโรงงานยาและองค์การเภสัชกรรม รวมทั้งเครื่องสำอางด้วย และเนื่องจากที่ว่าบริษัทต้องการจะติดลิฟต์อยู่แล้วเพราะเวลาที่ผู้ใหญ่มาเยี่ยมบริษัทจะขึ้นลงบันไดของอาคารแบบ 4 ชั้น ลำบาก และไม่สามารถติดลิฟท์แบบสี่เหลี่ยมทั่วๆไปได้ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ จึงเกิดแนวคิดในการนำเข้าลิฟต์สุญญากาศมาใช้งานเองและทำตลาดในประเทศไทยด้วย โดยได้ร่วมมือกับบริษัท เอดี ฮีโร่ ชไนเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมลิฟท์ครบวงจร ด้วยทีมงานที่มีประสบการ์ณกว่า 20 ปีในการติดตั้งลิฟท์ มารับผิดชอบทางด้านผู้แทนขายลิฟท์สุญญากาศ ติดตั้ง และให้บริการหลังการขาย และซ่อมฉุกเฉิน
ลิฟต์สุญญากาศชนิดนี้เป็นของใหม่มากสำหรับเมืองไทยหรือแม้แต่ในเอเชียด้วยกัน แต่ในต่างประเทศเช่นยุโรปและอเมริกามีมาเกือบ 10 ปีได้แล้ว ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ระบบลมหรือ Vacuum ในการดูดห้องโดยสารขึ้นมา ซึ่งข้อดีของระบบนี้คือ เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด เพราะใช้พื้นที่น้อยที่สุดแค่ 75 เซนติเมตร มากสุด 134 เซนติเมตร โดยวีลแชร์สามารถเข้าได้ และไม่ต้องยุ่งกับโครงสร้างของบ้าน เพราะไม่จำเป็นต้องมีหลุมลิฟต์หรือบ่อลิฟต์ และมีห้องเครื่องแค่ 26 เซนติเมตรเท่านั้น และลิฟต์ระบบนี้มีความปลอดภัยสูงเพราะเมื่อเกิดไฟฟ้าขัดข้อง ลิฟต์จะลงมาที่ชั้นล่างเสมอ และยังสามารถติดตั้งได้แล้วเสร็จภายใน 2 วันเท่านั้น รวมถึงการประหยัดค่าไฟ เพราะใช้ไฟเฉพาะขาขึ้นเท่านั้น และการบำรุงรักษาต่ำมาก แค่เปลี่ยนซีลข้างบนห้องโดยสารทุกการขึ้นลง 15,000 ครั้ง หรือประมาณ 3 ปี
นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบัน ลูกค้าเริ่มที่จะมีความคิดที่จะติดลิฟต์บ้านมากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากการมีปัญหาที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น หัวเข่า ดังนั้นถึงแม้จะเป็นการขึ้นลงบันไดแค่ไม่กี่ขั้น แต่ก็ลำบากกับผู้สูงอายุมาก แต่ในตอนนี้ติดปัญหาที่ว่า บ้านสร้างเสร็จแล้วหรือพื้นที่ไม่พอ ทำให้ไม่สามารถติดลิฟต์ได้ แต่ตอนนี้ลิฟต์สุญญากาศจะช่วยตอบโจทย์นี้ให้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะใช้พื้นที่น้อยในการติดตั้ง ไม่จำเป็นต้องยุ่งกับโครงสร้างของบ้าน อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่สวยงาม เปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้อีกด้วย และในต่างประเทศมีการติดตั้งลิฟต์สุญญากาศแล้วกว่า 4,000 ตัว ภายในระยะเวลา 8 ปีเท่านั้น และในเอเชียมีประเทศมาเลเซีย, อินเดีย, ญี่ปุ่น, จีน ที่ติดตั้งมาแล้ว
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของลิฟต์สุญญากาศ บริษัทฯจะเน้นบ้านหรือโฮมออฟฟิต ที่มีลักษณะอาคารเป็นแบบ 2-4 ชั้น และส่วนใหญ่ลูกค้าที่สนใจจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือต้องการซื้อให้พ่อหรือแม่ และกลุ่มที่อาศัยในเพ้นเฮ้าส์แบบสองชั้น ก็ต้องการลิฟท์ชนิดนี้เพื่อเพิ่มความโก้หรูและสะดวกสบายยิ่งขึ้น สำหรับลูกค้าตอนนี้เราอยู่ในช่วงเริ่มเปิดตลาดและมีลูกค้าสั่งมาแล้ว 3 ราย ตอนนี้อยู่ระหว่างการจัดส่งจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ในช่วงแรกบริษัทฯ จะเน้นหนักไปในการใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ของลิฟต์สุญญากาศ ให้มากยิ่งขึ้น โดยใช้งบประมาณในการประชาสัมพันธ์ราว 10 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 50 ตัว ในปี 2554 หรือประมาณ 100 ล้านบาท
ทางด้าน นายรัชกฤต ถาวรธนิตกุล บริษัท เอดี ฮีโร่ ชไนเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้ง และบำรุงรักษาลิฟท์โดยสารภายในบ้าน และลิฟท์ขนาดเล็กมากว่า 20 ปี ด้วยทีมงานวิศวกรติดตั้งที่มีประสบการณ์สูง ทั้งระบบไฟฟ้าควบคุม โครงสร้าง และเครื่องกล ทำให้เราเป็นผู้นำ ด้านนวัตกรรมลิฟท์ ครบวงจร และยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านลิฟท์จากต่าง ประเทศคอยประสานและให้คำแนะนำต่างๆ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า จะได้ รับบริการและการออกแบบที่ดีเยี่ยมที่สุดจากเรามาโดยตลอด และในปัจจุบันกลุ่มลิฟต์บ้าน หรือ homelift ยังมีอัตราการเติบโตที่สูง และกลุ่มลูกค้าที่มีบ้านแล้วแต่มีความต้องการลิฟต์อีกจำนวนมาก เราจึงร่วมมือกับ บริษัท ทีแมท โฟร์อินส์ จำกัด ในการนำเข้า และทำตลาดลิฟต์สุญญากาศในประเทศไทย
สำหรับตลาดลิฟต์ในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.ลิฟท์อาคารสูงเช่นโรงแรม คอนโดหรู ห้างสรรพสินค้า, 2.ลิฟท์อาคารไม่เกิน 10 ชั้น เช่น อพาร์ทเม้นท์ อาคารสำนักงาน และ 3. ลิฟท์ภายในบ้าน(HOMELIFT) ส่วนมากไม่เกิน 4 ชั้น ซึ่งแนวโน้มการเติบโตเมื่อเทียบกันใน 3 กลุ่มนี้ ลิฟต์โดยสารภายในบ้านจะมีอัตราการเติบโตที่สูงที่สุด และสามารถดีไซน์ได้ตามผู้ซื้อ ตามใจชอบ ความหลากหลายก็จะมารวมกันอยู่ในลิฟท์ประเภทดังกล่าว
นายรัชกฤต กล่าวต่อว่า ความน่าสนใจของลิฟต์ สุญญากาศ จุดแรกคือ ระบบ สุญญากาศ ระบบลมและระบบของหลักการธรรมชาติ ทำให้ลิฟท์ลงจอดอย่างนิ่มนวล และปลอดภัยสูงสุด จุดที่สอง คือ การดูแลรักษาและการเปลี่ยนอะไหล่ ง่ายต่อการดูแลและไม่มีอะไหล่สิ้นเปลืองเหมือนกับลิฟต์อื่นๆ ลดค่าใช้จ่ายในการดูแล = ศูนย์ และเหมาะสำหรับบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว เนื่องจากไม่ได้เผื่อปล่องไว้ เนื่องจากพื้นที่ของลิฟต์สุญญากาศ ใช้พื้นที่น้อยมาก มี 2 รุ่น 97 เซนติเมตร และ 135 เซนติเมตร และน้ำหนักเบามาก และที่สำคัญเป็นทรงกลมใส 360 องศา ลิฟต์บ้านปกติ ไม่มีบริษัทไหนสร้างลิฟต์กลม ดังนั้นหากลูกค้าต้องการมุมมอง รอบทิศทาง ต้องเลือกทันที
สำหรับราคาลิฟต์สุญญากาศ แพงกว่าลิฟต์ บ้านกระจก ประมาณ 8% แต่เมื่อดูจากค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมกันแล้วเช่นค่าอะไหล่และค่าบริการรายปีค่าไฟฟ้า, ค่าก่อสร้าง คิดว่าราคาลิฟต์ทั้งสองแบบนี้ราคาไม่ต่างกันครับ ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า และค่าใช้จ่ายระยะยาว ลิฟต์สุญญากาศ มีเปลี่ยนอะไหล่ตัวเดียว คือ SEAL ระยะอยู่กับการใช้งาน ผมประมาณอยู่ที่ 5 ปีเปลี่ยน 1 ครั้ง ครั้งละประมาณ 50,000 บาท เป็นราคาจากอเมริกา แต่ในช่วงนี้ กำลังเจรจาให้ทางประเทศไทยผลิต SEAL เองลดค่าใช้จ่ายขึ้นให้กับลูกค้า ซึ่งได้การตอบรับที่ดีราคาจะอยู่ประมาณ 25,000 บาท
นายรัชกฤต กล่าวปิดท้ายถึงระบบการทำงานของลิฟต์สุญญากาศว่า “การใช้ลิฟต์ เมื่อผู้โดยสารเข้าไปในห้องโดยสารแล้ว กดลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ ระบบคอลโทรลเลอร์จะสั่งการทำงานของ VACUUM MOTOR ทำงานทันทีเมื่อเกิดสุญญากาศแล้วลิฟท์จะเคลื่อนด้วยความเร็วสม่ำเสมอประมาณ 9 เมตร/นาที เมื่อถึงชั้นที่เรากดไว้ ระบบลิฟต์จะเคลื่อนเลยตำแหน่งชั้นเพื่อการคำนวณระยะของเซ็นต์เซอร์และทำการเปิดช่องเพื่อให้ระบบที่เป็นสุญญากาศคลายตัวลงหรือเรียกง่ายๆว่าทำให้ระบบกลับสู่สภาวะปกติ ลิฟต์ก็จะค่อยๆเคลื่อนลงมาตำแหน่งที่ตรงชั้นนั้นและระบบเบรคอิเลคโตรแมคานิคทำงาน พร้อมกันระบบก็จะสับล็อคประตูออกเพื่อให้ผู้โดยสารออก ส่วนการทำงานขาลง เมื่อผู้โดยสารกดลิฟต์ลง ระบบไฟฟ้าหลักไม่ทำงานแต่จะสั่งให้ช่อง VACUUM เปิดออกให้มีอากาศออกไป และระบบจะไหลลงช้าช้าโดยน้ำหนักของลิฟต์และผู้โดยสาร และในหลอดสุญญากาศด้านล่างจะเกิดความกดอากาศมีแรงต้านอากาศทำให้ลิฟต์เคลื่อนลงมาอย่างช้า ๆ และนิ่มนวลโดยไม่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนแต่อย่างใด ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยในเวลาไฟดับ ก็จะลงมายังชั้น 1 ได้แบบนิ่มนวล”