news on August 21, 2010, 06:16:50 PM
ทรูรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ชะลอตัว ขณะกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ยังคืบหน้าต่อเนื่อง
คาดผลการดำเนินงานโดยรวมปรับตัวดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง

กรุงเทพฯ 16 สิงหาคม 2553 – บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2553 ชะลอตัวเนื่องจากผลการดำเนินงานทรูมูฟอ่อนตัวลง จากสถานการณ์ทางการเมืองและผลกระทบจากฤดูกาล รายได้จากการให้บริการของทรูออนไลน์ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ทรูวิชั่นส์เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้จากการรับทำการโฆษณาเติบโตต่อเนื่อง กลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ ยังสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มทรูและคาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มทรูจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ในไตรมาส 2 ปี 2553 กลุ่มทรูมีรายได้จากค่าบริการโดยรวม (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย หรือ IC) ลดลงเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.4 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า และร้อยละ 4.6 จากไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 12.7 พันล้านบาท ในขณะที่ กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA โดยรวมลดลงร้อยละ 10.0 จากไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 4.5 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากสภาวะการเมือง และผลกระทบจากฤดูกาล รวมทั้งการท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งกระทบต่อรายได้โทรศัพท์ทางไกลข้ามแดนระหว่างประเทศ สำหรับไตรมาสนี้ ทรูรายงานผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติจำนวน 89 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีเงินได้รอตัดบัญชี) 

แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์ทางการเมืองในไตรมาส 2 แต่กลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ยังคงมีความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มทรูตั้งแต่ 2 รายการขึ้นไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1 จากปีที่ผ่านมา เป็นจำนวน 2.4 ล้านครัวเรือน ในขณะที่ยอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นจำนวน 33,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิที่สูงสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และทำให้ทรูออนไลน์มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 มากกว่า 60,000 ราย ซึ่งมีจำนวนรวมสูงกว่าในปี 2552 ทั้งปี นอกจากนั้น ผลประกอบการของทรูวิชั่นส์เริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เนื่องจากมีรายได้จากการรับทำการโฆษณาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32.7 จากไตรมาสที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันบริการที่ไม่ใช่เสียงของทรูมูฟยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอัตราร้อยละ 19.9 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มทรู ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองในไตรมาส 2 ซึ่งปกติจะเป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบของฤดูกาล แม้ผลประกอบการโดยรวม โดยเฉพาะทรูมูฟจะอ่อนตัวลง แต่ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา”

“ผลการดำเนินงานของทรูวิชั่นส์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการเริ่มฤดูกาลใหม่ของรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเรียลิตี้โชว์ รวมทั้งการให้บริการช่องรายการในระบบ High Definition ตลอดจนรายได้จากการรับทำการโฆษณาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โปรโมชั่นใหม่ๆ ของบริการบรอดแบนด์และการขยายพื้นที่ให้บริการสู่ต่างจังหวัด   จะมีส่วนสำคัญช่วยเพิ่มรายได้และยอดผู้ใช้บริการให้กับทรูออนไลน์ ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มทรู จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ สนับสนุนการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท”

สำหรับบริการ 3G คาดว่าจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ หลังจากมีประกาศข้อกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาต 3G ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มทรูซึ่งเป็นผู้นำคอนเทนต์คุณภาพหลากหลาย รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการครบวงจรบนคอนเวอร์เจนซ์ แพลตฟอร์ม จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่ม ทรูในฐานะผู้นำบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ได้เป็นอย่างดี” นายศุภชัยกล่าว

สำหรับผลดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2553 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เป็น 26 พันล้านบาท โดยทุกธุรกิจเติบโต ในขณะที่รายได้จากการให้บริการของ ทรูมูฟ ไม่รวมค่า IC เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7

สำหรับ ทรูมูฟ รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่า IC) ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เป็น 5.7 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตของบริการแบบรายเดือน ซึ่งเกิดจากรายได้บริการที่ไม่ใช่เสียงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รายได้จาก    การให้บริการ (ไม่รวมค่า IC) ลดลงร้อยละ 7.5 เนื่องจากรายได้จากบริการแบบเติมเงินปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันในโปรโมชั่นโทรภายในโครงข่าย รวมทั้งได้รับผลกระทบจากฤดูกาลและสถานการณ์การเมือง ทำให้รายได้จากบริการโทรศัพท์ทางไกลข้ามแดนระหว่างประเทศ (International Roaming – IR) ลดลง อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ ทรูมูฟสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 180,403 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 16.4 ล้านราย นอกจากนี้ รายได้จากบริการแบบรายเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากสมาร์ทโฟนและบริการ       โมบายอินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียงโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ  19.9  ในขณะที่ ทรูมูฟยังคงมีรายรับค่า IC สุทธิจำนวนทั้งสิ้น 60 ล้านบาท ในไตรมาสนี้

ทรูออนไลน์ มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2.4 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา เป็น 6.6 พันล้านบาท จากบริการบรอดแบนด์ บริการใหม่ๆ และคอนเวอร์เจนซ์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม รายได้จากการให้บริการอ่อนตัวลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 1.8 จากไตรมาสที่ผ่านมา จากผลกระทบของฤดูกาล อย่างไรก็ตาม รายได้จากบริการบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 จากไตรมาสเดียวกัน ปีก่อนหน้า และร้อยละ 9.1 ในช่วงครึ่งปีแรก และด้วยความสำเร็จจากโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ในไตรมาสนี้ มียอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 750,700 ราย ยิ่งไปกว่านั้น ในไตรมาสนี้ ทรูออนไลน์ยังเปิดบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 50 Mbps ซึ่งนับเป็นความเร็วสูงสุดในประเทศไทยอีกด้วย

ผลประกอบการของทรูวิชั่นส์เริ่มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 โดยรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็น 2.3 พันล้านบาท นอกจากนั้น รายได้จากการรับทำการโฆษณาที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 32.7 จากไตรมาสที่ผ่านมา ยังสามารถชดเชยผลกระทบที่เกิดจากการสิ้นสุดฤดูกาลของรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้จากการให้บริการลดลงเล็กน้อยในอัตราร้อยละ 0.4 ด้วยผลกระทบจากฤดูกาล สถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมทั้งการแข่งขัน โดยในไตรมาสนี้ ทรูวิชั่นส์สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิได้ 22,000 ราย  เนื่องจากกระแสความนิยมของฟุตบอลโลก 2010 (FIFA World Cup 2010) ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการโดยรวม 1.7 ล้านราย นอกจากนั้น การเปิดให้บริการช่องรายการใหม่ในระบบ High Definition รายเดียวของประเทศไทย ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากตลาด ขณะที่โปรโมชั่นใหม่ๆ สำหรับลูกค้าระดับกลางและล่าง ซึ่งเปิดตัวในไตรมาส 2 จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการและรายได้จากการรับทำการโฆษณาในอนาคต

ความสำเร็จในการรีไฟแนนซ์ธุรกิจของทรูวิชั่นส์วงเงิน 12 พันล้านบาท ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนในการกู้ยืมเท่านั้น แต่ยังปรับเปลี่ยนการชำระหนี้ ให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดของบริษัท รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือทางการเงิน (Credit Profile) ของบริษัทปรับตัวดีขึ้น

บริษัทยังคงดำเนินนโยบายลดภาระหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 บริษัทชำระคืนหนี้ระยะยาวจำนวน 2.7 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.2 เท่า ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลจาก EBITDA ที่อ่อนตัวลงจากผลกระทบตามฤดูกาลและจากสถานการณ์การเมือง

นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน กล่าวเสริมว่า “ความสำเร็จจากการ  รีไฟแนนซ์ ธุรกิจของทรูวิชั่นส์ในครั้งนี้ เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของกลุ่มทรู หลังประสบความสำเร็จจากการรีไฟแนนซ์ธุรกิจทรูออนไลน์ในปี 2552 ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องภายในประเทศ โดยกลุ่มทรูยังคงให้ความสำคัญกับการลดภาระหนี้ และเพิ่มความน่าเชื่อถือทางการเงินอย่างต่อเนื่อง”

news on August 21, 2010, 06:17:31 PM
TRUE REPORTS SOFT QUARTERLY RESULTS BUT STRONG CONVERGENCE PERFORMANCE CONTINUES, SECOND-HALF IMPROVEMENT EXPECTED

BANGKOK, August 16 2010: Reporting its performance for the three months to June 30, 2010, True Corporation PLC (SET: True) posted soft results mainly on weaker performance at TrueMove due to the impact of the challenging political climate and seasonality. Revenue at TrueOnline continued to exhibit low single-digit growth
Y-on-Y, while it bottomed-out at TrueVisions on rising advertising revenue. Convergence remained strong and a second-half improvement in overall performance is expected.

Consolidated Q2 service revenue excluding interconnection charges (IC) remained relatively stable, down just 0.4% to Bt 12.7 billion Y-on-Y, while falling 4.6% Q-on-Q. EBITDA was Bt 4.5 billion, down 10% Q-on-Q mainly on challenging political conditions, weaker tourism which affected International Roaming (IR) and seasonality. Net Income from Ongoing Operations (NIOGO) excluding deferred income tax was Bt 89 million.

Despite the challenging political climate in Q2, the True Convergence Index of households using two or more True services rose 14.1% Y-on-Y to 2.4 million. Broadband posted its highest net adds (33,000) for three years, with the first-half total (60,000-plus) surpassing the full-year results for 2009. Performance bottomed out at TrueVisions where revenue increased 2.4%
Y-on-Y on the back of surging advertising revenue, which grew 32.7% over 1Q10. Meanwhile, TrueMove’s non-voice services remained strong with 19.9% growth in revenue over the past year.

True President and CEO Suphachai Chearavanont said, “Our performance was affected by the challenging political situation in Q2, which is also our low season. Despite the second quarter’s softer results, a number of factors make us confident of a stronger second half.”

“Signs of recovery emerged at TrueMove in July. Coverage of the new Premier League season, new reality shows, HDTV and rising advertising revenue will improve performance at TrueVisions in the second half. Broadband promotions and provincial expansion will increase revenue and subscribers at TrueOnline. Meanwhile convergence will also continue to rise, supporting growth across all businesses,” said Mr Suphachai.

“The commercial launch of 3G is widely anticipated after the publication of 3G regulations in July. True’s rich content and convergence platform will strengthen its 3G positioning.”

Comparing 1H10 to 1H09, service revenue excluding IC edged up 0.4% to
Bt 26 billion on moderate growth in all businesses. Meanwhile, TrueMove’s service revenue excluding IC increased 2.7% during the period.

At TrueMove, Q2 revenue excluding IC rose 1.1% Y-on-Y to Bt 5.7 billion due to an increase in postpaid revenue driven by non-voice growth. Revenue declined 7.5% Q-on-Q on softer prepaid revenues due to competition within on-net promotions, seasonality and the political climate. The latter two factors also weighed on International Roaming (IR) revenue. Total net adds were 180,403 in Q2, with a total subscriber base of 16.4 million. Postpaid revenue grew 10.6% Y-on-Y on the rising popularity of smartphones and mobile Internet, supporting an increase in non-voice revenue of 19.9%. The positive IC trend continued with a net gain of Bt 60 million.

Service revenue at TrueOnline was Bt 6.6 billion, up 2.4% Y-on-Y on strong performance in Broadband, new business and convergence, though it softened 1.8% Q-on-Q on seasonality. Broadband revenue rose 7.6% Y-on-Y and 9.1% in the first half. Successful promotions saw total subscriptions top 750,700. Q2 also saw the launch of Thailand’s fastest Internet service (50 Mbps).

Performance at TrueVisions bottomed out in Q2 with service revenue rising 2.4% Y-on-Y to
Bt 2.3 billion. The 32.7% Q-on-Q rise in advertising revenue helped offset the effect of the end Premier League football coverage in May. However, the impact of domestic politics, competition and seasonality caused a 0.4% dip Q-on-Q. Net adds increased to 22,000 in Q2, mainly on coverage of the 2010 FIFA World Cup, widening the subscriber base to 1.7 million. TrueVisions’ launch of Thailand’s only HDTV channels received a strong market response. Mass market campaigns implemented in Q2 will support future subscriber growth and advertising revenue.

A Bt 12-billion refinancing at TrueVisions in June lowered the cost of borrowing, brought repayments in line with the company’s cash flow and eliminated foreign exchange risk, helping to improve the firm’s credit profile.

True Group continued to focus on deleveraging with the repayment of Bt 2.7 billion of long-term debt in the first half. The Group’s net debt-to-EBITDA ratio increased slightly to 3.2 times in Q2, as EBITDA declined due to the impact of political unrest and seasonality.

True Group CFO Noppadol Dej-Udom said, “The completion of the refinancing of TrueVisions represents a key milestone for the Group which follows on from the refinancing of TrueOnline last year. This was made possible by leveraging liquidity in the local market. Going forward, we will continue to deleverage and improve our credit profile.”