wmt on July 31, 2010, 03:03:41 PM
     KTAM เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ใน-ตปท.6เดือนชู1.60%ต่อปี 

               นายสมชัย   บุญนำศิริ   กรรมการผู้จัดการ   บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย  จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า    บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ เอ6 เดือน 1  ( KTSUPA6M1 )  ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่  3 สิงหาคม 2553    อายุโครงการ  6 เดือน มูลค่า 1,500  ล้านบาท     กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ  โดยแผนการลงทุนจะเน้นลงทุนในตราสารการเงินประเภท Euro Commercial Paper (ECP) ที่ออกโดย Export-Import Bank of Korea (A1) เป็น Policy Bank ที่ถือหุ้นโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ทั้ง 100% และ Kookmin Bank (A1) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้  นอกจากนี้ กองทุนจะลงทุนในเงินฝากประจำของธนาคาร Barclays (AA-) ที่สาขาประเทศ United Arab Emirates  รวมถึงจะลงทุนในตั๋วแลกเงินในประเทศที่ออกโดย บจ.อยุธยาดีเวลลอปเม้นท์ ลิสซิ่ง (A-) และ บมจ.เอเซียเสริมกิจ ลีสซิ่ง (BBB+)  ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.60% ต่อปี     โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

              นอกจากนี้  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดซื้อขายรอบใหม่ (Rollover) สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทย ประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 2  ( KTFIX3M2)  อายุโครงการ  3 เดือน  ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2553  เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ  99%   และส่วนที่เหลือลงทุนใน เงินฝากของธนาคารสินเอเชีย   ผลตอบแทนประมาณการที่ 1.20% ต่อปี   

             นายสมชัย  กล่าวต่อไปว่า  อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐในไทยระยะไม่เกิน 6 เดือน ในช่วงที่ผ่านมามีการปรับเพิ่มขึ้น   ซึ่งเกิดจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพิ่มเป็น 1.50% ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นต่อเนื่องอีก 0.25% - 0.50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้  ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในประเทศเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศยังมีความผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังมีความอ่อนแอ แม้ว่าสถาบันการเงินส่วนใหญ่ในยุโรปจะผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งทางการเงิน (Stress Test)  ขณะที่ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูงและค่อนข้างผันผวน จึงทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทปรับลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ยังสูงกว่าการลงทุนในตราสารในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน