เย็นย่ำวันพฤหัสเหลือบดูนาฬิกา เกือบห้าโมง ต้องสอนอีกกลุ่ม กว่าจะเลิกก็ 2 ทุ่ม วันนี้เป็นที่น่าแปลกใจ กับโรงหนังเพียงโรงเดียวในจังหวัด ธนาซีนีเพล็กซ์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กับโรงหนังภูธร ระบบเสียงรึ อย่าไปใส่ใจเลย สนใจแค่เพียงเนื้อหนังจะดีกว่า “นาคปรก” หรือในชื่อสำเนียงเปื้อนนมเนยว่า “In the Shadow of Naga” ตรงๆ ตัว กับชื่อหนัง คำโปรยที่มีก่อนเข้าเรื่องว่าต้องการให้รู้บาปบุญคุณโทษ ผิดชอบชั่วดี ขึ้นมาก่อน เพื่อป้องกันปัญหากับพวกมือถือสากปากถือศีลที่มีอยู่มากมาย ไม่ต่างจากฝุ่นผงในอากาศ
สมชาย เข็มกลัด กับบทโจร ลูกชายคนโตที่ต้องการเงินเพื่อไปรักษาแม่ที่ตาบอด เต้ ปิติศักดิ์ น้องชายของเต๋า กับการเป็นคนที่เหมือนจะกาขาวในหมู่ของกาดำ เรย์ แมคโดนัลด์ กักขฬะ สถุลได้อย่างสาแก่ใจ อารัชนู บุญชูดวง ริ้วรอยแห่งวัย ไม่ได้กระทบกระเทือนต่อพลังทางการแสดง ทราย เจริญปุระ ฝีมือการแสดง ไม่มีตกลงแม้แต่น้อย วันเวลาที่ผันผ่านยิ่งทำให้เธอเปล่งประกายมากขึ้น ยิ่งบทกะหรี่ บทนี้ยิ่งส่งให้ทราย มีงานดีๆ เป็นเครดิต และที่ต้องพูดถึง ลุงสะอาด เปี่ยมพงศ์สานติ์ หลวงตา ตัวละครที่หากเปรียบหนังเรื่องนี้คือเกมฟุตบอล อาสะอาด คือเพลย์เมกเกอร์ ที่คอยกำหนดทิศทางของเรื่อง
เนื้อเรื่อง เริ่มจากการที่โจรสามคน ที่ปล้นรถขนเงิน แล้วหนึ่งในโจร ระหว่างที่หนีตำรวจก็นำเงินไปซ่อนไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง ตามที่เคยเห็นจากเทรลเลอร์ ต่อจากนั้น ภาพของหนังอยู่ในโทนที่มืดหม่น ไม่สดใส เข้ากับเนื้อหา มีการเปรียบเทียบคนกับดอกบัว หรือแม้แต่การที่เลือกวันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญในเรื่อง มาฆบูชา วันที่ครบพระรัตนตรัย ต้องไปดูกันครับว่าเพราะอะไรถึงเลือกวันนี้
ในหนังมีการแทรกประโยคมาเป็นระยะ มากิจใดเป็นของสงฆ์ กิจใดไม่ใช่ ไม่ว่าจะเป็นการสักยันต์ หรือแม้แต่การแตะต้องตัวผู้หญิง ประโยคเด็ดๆ ในหนังก็มี โดยเฉพาะประโยคของทรายที่ติดหูมาก “ถ้าคนอย่างมึงบวชเป็นพระได้ กะหรี่อย่างกูก็บริหารประเทศได้” แม่เจ้า กัดการเมืองได้อย่างเห็นภาพ ว่าทุกวันนี้นักการเมืองก็มิได้ต่างจากกะหรี่ไปแม้แต่น้อย ที่สมสู่กับแขกที่มา ต้อนรับทุกผู้ที่นำเงินมาให้ หรือแม้แต่ ประโยคของลุงสะอาดที่ว่า “พุทธศาสนาไม่ได้เสื่อมถอย คนต่างหากที่เสื่อมถอย แก่นแท้ของพุทธศาสนายังคงเดิม”
นอกจากนี้หนังยังมีทวิสต์อีกต่างหาก ไปดูกันเองแล้วกันครับ สรุปแล้ว สิ่งที่คุณเห็น ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด
รีวิวโดย คุณวุ้นแปลภาษา แห่งซิโด้แก๊งค์ค่ะ