MTS Gold แม่ทองสุก ปลื้มตลาดส่งออกทองคำคึกคัก เผยยอดทะลุ 6 หมื่นล้านบาท ช่วยกู้หน้าวิกฤติชาติ หลังภาคธุรกิจส่งออกโดยรวมทรุด
ค่าย MTS แม่ทองสุก ผู้นำด้านการลงทุนทองคำที่ครบวงจร ชี้ภาคธุรกิจส่งออกทองคำของไทยในช่วงไตรมาส2 “สดใส-มาแรง” หลังสร้างยอดส่งออกทองคำไปต่างประเทศแล้วกว่า 6 หมื่นล้านบาท ทำให้มีส่วนช่วยชดเชยตัวเลขธุรกิจส่งออกโดยรวมที่ลดลงในภาวะวิกฤติได้ ในขณะที่กลุ่มเอ็มทีเอส แม่ทองสุก ทำยอดขายทองคำส่งออกจากยอดรวมส่งออกกว่า 50% ชี้ตลาดทองคำช่วงนี้เหมาะสำหรับการลงทุน ทั้งทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส เผยเตรียมสานต่อกลยุทธ์โรดโชว์การให้ความรู้ด้านการลงทุนทองคำให้แก่ผู้ลงทุน ภายใต้แนวคิด “ลงทุนอย่างมีหลักการและมีวินัย” จึงจะสร้างผลตอบแทนได้คุ้มค่าและไม่ขาดทุน ล่าสุดยกทีมรุกให้ความรู้นักลงทุน-ร้านทองที่หาดใหญ่ 29-30 พ.ค.นี้
น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการส่งออกทองคำของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ธุรกิจส่งออกทองคำสามารถสร้างยอดส่งออกไปแล้วเป็นมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นตัวเลขการส่งออกของภาคธุรกิจที่มีอัตราที่ค่อนข้างเติบโตมาก ซึ่งสามารถนำไปช่วยชดเชยอัตราการส่งออกของภาคธุรกิจอื่นๆ ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางการเมืองได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่า ภายในสิ้นไตรมาสที่ 2 นี้ ธุรกิจส่งออกทองคำโดยรวมน่าจะมีการขยายตัวได้ถึงประมาณ 80,000 ล้านบาท (วิธีคิดเนื่องจากเดือนนี้ พ.ค. สิ้นไตรมาส 2 จะจบในเดือนมิถุนายน) ในขณะที่กลุ่มบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก นั้นสามารถสร้างยอดการส่งออกทองคำในช่วง 2 เดือนของไตรมาสที่สองได้มากกว่า 50% ของยอดส่งออกรวม ทั้งนี้ เป็นผลจากตลาดทองคำโลกมีความต้องการทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงราคาทองคำที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
“สำหรับบรรยากาศการลงทุนทองคำขณะนี้ ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมกับการลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก โดยในช่วงประมาณ 6 สัปดาห์ นับตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองในประเทศไทย ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 10 โดยขึ้นมายืนอยู่ที่บาทละประมาณ 19,000 บาท จากเดิมบาทละประมาณ 17,000 บาทเท่านั้น แม้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำได้มีการปรับฐาน ลงไปที่ระดับบาทละ 18,100 บาท แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีแรงเทขายจากตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในทองคำแท่งเป็นจำนวนมาก ราคาทองคำจึงดีดกลับขึ้นมาอีกราว 3-4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากนักลงทุนในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส ได้เข้าซื้อในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา ถึงวันนี้ก็น่าจะทำกำไรจากการลงทุนไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุนในทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์สนั่นเอง” น.พ.กฤชรัตน์ กล่าว
นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าวเสริมต่อไปว่า แม้ว่าการลงทุนในตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส จะมีแนวโน้มที่ดี แต่สิ่งที่เป็นหัวใจสำหรับการลงทุนในธุรกิจทองคำให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็คือ ผู้ลงทุนจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทองคำเป็นอย่างดี เพื่อลดความเสี่ยงและปัญหาการขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ที่มีปัจจัยมากมาย ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการที่กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส แม่ทองสุก ได้กำหนดเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจในช่วงนี้ โดยมุ่งที่จะจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการสร้างให้นักลงทุนและลูกค้าของบริษัทฯ สามารถลงทุนในธุรกิจทองคำได้อย่างมีหลักการและมีวินัยในการลงทุน โดยจะมีการร่วมกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, บริษัทตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) หรือชมรมธุรกิจร้านค้าทองคำทั่วประเทศ ในการจัดกิจกรรมอบรมและสัมมนาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนทองคำแท่ง และธุรกิจโกลด์ฟิวเจอร์สอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีนั่นเอง
ล่าสุดบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด จะได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX จัดสัมมนาในหัวข้อ “ การลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures อย่างมั่นใจ” ให้กับนักลงทุนและร้านค้าทองคำที่หาดใหญ่ ณ โรงแรมไดมอนต์พลาซ่า ห้องประกายเพชร 2 เวลา 13.00-16.30 น. ในวันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม 2553 โดยการจัดสัมมนาในครั้งนี้ น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด ได้รับเชิญให้เป็นผู้บรรยายถึงวิธีการลงทุนในทองคำแท่ง และตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส ทั้งในเชิงการสร้างผลกำไรด้วยทองคำแท่ง และการลงทุนแบบผสมผสานระหว่างทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส โดยเชื่อว่ามีนักลงทุนเป็นจำนวนมากที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ซึ่งนักลงทุนที่สนใจร่วมการสัมมนาครั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งโดยไม่เสียค่าใชจ่ายได้ที่ โทร. 02-222-5959