sianbun on April 30, 2010, 04:19:21 PM
ตรวจระดับสารโทรโปนิน วินิจฉัยเร็วช่วยชีวิตผู้มี “ภาวะหัวใจวาย” นายแพทย์วศิน พุทธารี อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์



   “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย” หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “ภาวะหัวใจวาย” เกิดจากการลดลงอย่างรวดเร็วของปริมาณเลือดและออกซิเจนที่ไปเลี้ยงหัวใจ ซึ่งเรียกกันว่า ภาวะหัวใจขาดเลือดขาดเลือด เนื่องจากมีการอุดตันของการไหลเวียนเลือดสู่กล้ามเนื้อหัวใจ มีผลให้เกิดการทำลายของเนื้อเยื่อหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตและการทุพพลภาพของประชากรทั่วโลก โดยมีรายงานจากองค์การอนามัยโลก พบว่า แต่ละปีมีประชากร จำนวนกว่า 7.2 ล้านคนทั่วโลก และในประเทศไทยมีการเสียชีวิตจากโรคหัวใจประมาณแล้วเกือบ 30,000 คนต่อปี เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดแดงเลี้ยงหัวใจอุดตัน โดยภาวะหัวใจวายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต ซึ่งจะเกิดขึ้นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง อายุเฉลี่ยตั้งแต่ 50-60 ปีขึ้นไป ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งมีโอกาสเป็นมากขึ้น หากแต่ ปัจจุบันพบว่าการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจวาย นี้เกิดขึ้นกับคนที่อายุน้อยมากขึ้นตามลำดับ

   ทำให้แนวทางในการวินิจฉัยและรักษา มีวิวัฒนาการให้สามารถตรวจได้เร็ว ด้วยการใช้ใช้สารชีวเคมีบ่งชี้ภาวะที่มีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ อันเป็นสารที่ถูกหลั่งออกมาในกระแสเลือดเมื่อหัวใจเกิดการบาดเจ็บ ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง การตรวจวัดระดับของสารชีวเคมีเหล่านี้ ก็เพื่อช่วยในการตรวจหา วินิจฉัย ประเมินผล และติดตามผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีภาวะที่มีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ โดยขณะนี้ ได้มีการคิดค้นสารทดสอบ ไฮ เซนซิทีฟ โทรโปนิน ที (High Sensitive Troponin T) ซึ่งเป็นการทดสอบ โทรโปนิน ที     ความไวสูง (Troponin T  highly-sensitive) /โทรโปนิน ความไวสูง ( highly sensitive Troponin) ในการวินิจฉัยภาวะหัวใจวายที่ช่วยให้ตรวจพบและวินิจฉัยได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ การวินิจฉัยว่าคนไข้เป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือภาวะหัวใจวายนั้น ก็ต่อเมื่อตรวจพบระดับของสารโทรโปนินจากหัวใจ เนื่องจากโทรโปนิน เป็น ส่วนประกอบของโปรตีนที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ และจะถูกหลั่งออกมาในกระแสเลือดเมื่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย

แม้ว่าจะมีการใช้การตรวจหาสารบ่งชี้ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายมานานแล้ว หากแต่ที่ใช้กันอยู่ยังมีความแม่นยำไม่เพียงพอต่อการตรวจหาความเข้มข้นของสารโทนโปนินในกระแสเลือด ตามที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดค่ามาตรฐานสากลใหม่   โดยจะมีค่าความแปรปรวนน้อยกว่า 10 เปอร์เซนต์     ณ ระดับของ โทรโปนิน ที่ตรวจวัดได้สูงสุด 99 จาก 100 คนในกลุ่มประชากรที่มีสุขภาพแข็งแรง   

สำหรับ การทดสอบทำได้โดยเจาะเลือดมาตรวจ ผ่านกระบวนการทดสอบด้วย โทรโปนิน ที ความไวสูง ในห้องแล็ป ใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่ถ้ารวมขั้นการตรวจทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง     ซึ่งห้องแล็ปจะส่งผลกลับมาว่าได้ค่าเท่าไร สำหรับ “โทรโปนิน ความไวสูง นั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นวิวัฒนาการใหม่ แต่เป็นการพัฒนาจากเดิมให้สามารถให้ค่าออกมามีความแม่นยำตามที่ผู้เชี่ยวชาญต้องการให้เป็น คือ ไม่ว่าจะใช้ทดสอบกี่ครั้งค่าที่ได้นั้นจะคงที่  โดยในการวินิจฉัย คือ ถ้าได้ค่าต่ำกว่าที่กำหนดไว้ ถือว่าไม่มีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจเลย แต่ถ้าค่าออกมาสูงกว่าค่าที่กำหนดไว้ แสดงว่า มีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจเกิดขึ้น”

การทดสอบด้วยวิธีนี้ จะสามารถพยากรณ์คนไข้ได้ว่า อยู่ในภาวะใด  การวินิจฉัยของแพทย์จะไม่อาศัยการทดสอบนี้เพียงอย่างเดียว แต่จะรวบรวมหลักฐานอื่นประกอบด้วย เช่น อาการของคนไข้ กราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ร่วมด้วย  คนไข้บางส่วนอาจจะขาดเลือดเฉยๆ แต่กล้ามเนื้อหัวใจไม่มีความเสียหายหรือไม่ตาย แต่คนไข้ส่วนหนึ่งที่ขาดเลือดอย่างรุนแรงจนกระทั่งกล้ามเนื้อหัวใจมีความเสียหายหรือตาย โดยกล้ามเนื้อหัวใจที่เสียหายจะมีความเสียหายในระดับที่ต่างกัน คือ อาจจะตายเพียงไม่กี่เซลล์ จนกระทั่งตายหลายกรัม

 การวินิจฉัยของแพทย์ มีความจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่ามีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจหรือไม่ เนื่องจากมีการรักษาที่ต่างกัน คนไข้ซึ่งขาดเลือดฉับพลัน แต่ว่าไม่มีการเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจ จะได้รับการรักษาแบบหนึ่ง ส่วนคนไข้ที่ขาดเลือดฉับพลันเหมือนกันแต่รุนแรงกว่าและมีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ ก็จะได้รับการรักษาอีกแบบหนึ่ง  การทดสอบที่แม่นยำจะทำให้รู้ผลที่ถูกต้องและรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้แพทย์สามารถเลือกการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมได้เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน”

     การทดสอบ “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย” ด้วยการตรวจระดับสารโทรโปนิน เพื่อวินิจแยให้เร็วและแม่นยำตามค่ามาตรฐานสากลที่กำหนด ถือเป็นวิวัฒนาการทางการแพทย์อีกรูปแบบหนึ่ง ที่นำมาซึ่งการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม อย่างไรก็ตาม แพทย์ควรศึกษารายละเอียดถึงวิธีใช้ที่เหมาะสมและถูกต้อง ก่อนจะนำไปใช้จริง เพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันเวลา
« Last Edit: May 01, 2010, 12:17:37 PM by sianbun »