เลี้ยงลูกตามแบบฉบับคุณพ่อวาทยกรอัจฉริยะไทยระดับโลก บัณฑิต อึ้งรังษี
ด้วยความเชื่อที่ว่า “ดนตรี” เป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการในทุกๆ ด้านของลูกน้อย คุณพ่อวาทยกรชื่อดังระดับโลกอย่างคุณบัณฑิต อึ้งรังษี คุณพ่อของลูกสาว ทั้งสาม จึงต้องให้เจ้าตัวน้อยๆ ฟังเพลงทุกวัน
นอกจากผลวิจัยจากนานาประเทศเกี่ยวกับดนตรีที่มีผลต่อพัฒนาการสมองของเด็กที่คุณบัณฑิตเคยได้อ่าน เขายังเรียนรู้มาจากประสบการณ์ตรงของตนเองจากการได้ใช้ชีวิตในต่างประเทศมานาน และสิ่งที่สังเกตเห็นได้ก็คือ บุคคลระดับหัวกะทิที่คุณบัณฑิตเคยพบปะ อาทิ หมอ วิศวกร นักวิชาการแถวหน้า ล้วนมีความสารมารถด้านดนตรี หรือต่างเป็นนักฟังเพลตัวยง จากสิ่งเหล่านี้เองจึงทำให้คุณบัณฑิตเชื่อมั่นว่าดนตรีต้องมีส่วนเชื่อมโยงกับพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็ก
ภายในงานเสวนา “เอนฟา เอพลัส ล้านมหัศจรรย์การเรียนรู้ทั่วไทย” คุณบัณฑิต อึ้งรังษี หนึ่งในแขกรับเชิญของงานครั้งนี้ ได้เปิดเผยถึงเคล็ดลับในการส่งเสริมพัฒนาการของลูกว่า “ผมปลูกฝังเรื่องดนตรีกับลูกตั้งแต่คุณแมรี่ (ภรรยา) เริ่มตั้งครรภ์ ผมจะเปิดเพลงคลาสสิกของโมซาร์ทให้ลูกฟัง พอลูกเริ่มโตขึ้นผมก็ยังคงเปิดอยู่ ในขณะเดียวกันผมก็สนับสนุนให้เค้าเล่นดนตรีด้วย เพราะผมเชื่อว่า ดนตรีเป็นศูนย์กลางของพัฒนาการเด็กรอบด้าน หากเด็กคนไหนไม่ได้ฟัง หรือสัมผัสกับดนตรีก็ถือว่าพลาดโอกาสทองของพัฒนาการไปเลยก็ว่าได้”
ด้วยจังหวะนุ่มนวลสม่ำเสมอ ที่ตรงกับจังหวะหายใจของเด็ก ทำให้สมองผ่อนคลาย สามารถเรียนรู้ และเปิดรับสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น เขาจะค่อยๆ ปลูกฝังความรักดนตรีของลูกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นจากเลือกเพลงที่ดีที่สดให้เด็กฟัง วิธีนี้เองเด็กจะได้เรียนรู้เพลงที่มีมาตารฐานที่ดีตั้งแต่ต้น เมื่อเขามีโอกาสได้จับเครื่องดนตรี จะทำให้พัฒนาได้ง่าย และก้าวได้อย่างรวดเร็วกว่าเด็กที่ไม่เคยได้ยิน แต่ในมุมกลับกัน หากคุณพ่อคุณแม่ไปบังคับเคี่ยวเข็ญ แทนที่เด็กจะรัก แต่กลับจะเกิดความรู้สึกเกลียดดนตรี และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น หากลูกสนใจจะเล่นดนตรี ต้องพยายามให้เขาเล่นในเพลงที่ชอบที่รัก
ส่วนด้านอารมณ์ คุณบัณฑิตจะให้ความสำคัญกับการมีเวลาอยู่กับลูกๆ ในการพูดคุย สอนและพยายามสรรหากิจกรรมทำร่วมกัน เพื่อเปิดโลกทัศน์และให้เกิดประสบการณ์มากที่สุด รวมไปถึงพยายามสอนให้ลูกรู้จักการคิดวิเคราะห์ รู้จักเหตุผล จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นเมื่อทำอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร โดยเขาและภรรยาคอยดูแลและให้คำแนะนำอยู่ห่างๆ
“ผมเป็นคุณพ่อที่เห็นความสำคัญในเรื่องพัฒนาการของเด็กอย่างมาก ซึ่งนอกจากเรื่องของดนตรีที่ผมใช้เสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้กับลูกๆ แล้ว ผมยังส่งเสริมให้เขารู้จักการคิด สังเกต เรียนรู้ ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่จะทำให้เขามีกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่ดี อย่างเช่นการจำแนก เชื่อมโยง คิดหาเหตุผล หรือมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเมื่อเขาทำสำเร็จก็จะเกิดความมั่นใจ และเป็นแรงจูงใจให้เขาพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผมเชื่อว่ากระบวนการคิดวิเคราะห์เหล่านี้ เป็นองค์ประกอบสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เขามีศักยภาพในการเผชิญสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคต”
คุณพ่อคนนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแบ่งปัน และเสริมสร้างพัฒนาการอย่างถูกต้องและเหมาะสมให้กับเด็กไทยทั่วประเทศ โดยการเข้าร่วมโครงการ “เอนฟา เอพลัส ล้านมหัศจรรย์พลังการเรียนรู้” โครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งในปีนี้นี้ได้ขยายพื้นที่สนับสนุนไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของเยาวชนที่จะเติบโตเพื่อเป็นพลังการขับเคลื่อนของชาติในอนาคต หากเยาวชนมีพัฒนาการที่ดี ก็จะเป็นรากฐานที่สำคัญในการเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เอนฟา เอพลัส ล้านมหัศจรรย์พลังการเรียนรู้ทั่วไทย” เพราะเป็นโครงการที่มุ่งมั่นสนับสนุนให้เด็กไทยทั่วทุกภูมิภาคทั่วไทยได้มีโอกาสเรียนรู้แบบเดียวกับที่เราทำเพื่อลูกของเรา และยังเป็นโอกาสที่ผมจะได้สอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องการแบ่งปันอีกด้วยครับ”
การพัฒนาและปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กภายใต้โครงการ “เอนฟา เอพลัส ล้านมหัศจรรย์พลังการเรียนรู้ทั่วไทย” จะเน้นการสร้างบรรยากาศการเรียนการสอนที่ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กเป็นหัวใจสำคัญ เช่น สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม บรรยากาศของห้องเรียนที่กระตุ้นการเรียนรู้ สื่อการสอนที่มีประโยชน์และส่งเสริมกระบวนการคิดของเด็ก อาทิ พัฒนามุมการเรียนรู้ตามความสนใจของเด็กในแต่ละช่วงวัย เพิ่มสื่อการเรียนรู้ประกอบการจัดกิจกรรม และจัดกิจกรรมที่กระตุ้นการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ของเด็ก
ในการฝึกอบรมบุคคลากรเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็กอย่างถูกต้องเหมาะสมตามมาตรฐานนั้น ทางโครงการยังได้รับความสนับสนุนจากคณาจารย์และนักศึกษาอาสาสมัครจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร มาร่วมพัฒนาหลักสูตรและเผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่ครูพี่เลี้ยงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ร่วมโครงการ โดยหลักสูตรดังกล่าวจะสอนให้เริ่มต้นตั้งแต่การวิเคราะห์เด็ก เพื่อจัดวิธีการสอนและกิจกรรมต่างๆ ที่เหมาะสม ช่วยต่อยอด และพัฒนาศักยภาพทางด้านต่างๆ ของเด็กได้อย่างเต็มที่ โดยครูพี่เลี้ยงหรือผู้ดูแลเด็กจะต้องมีทักษะในการส่งเสริมผ่านเทคนิคการสอนที่หลากหลาย ฝึกฝนให้เด็กเกิดการสังเกต จำแนกและจัดหมวดหมู่ รวมไปถึงทักษะการเปรียบเทียบและเชื่อมโยงความความสัมพันธ์ของสิ่งของและสภาพแวดล้อมรอบตัว ทั้งจากกิจกรรมเดี่ยวและกิจกรรมกลุ่ม
ท้ายสุดนี้คุณบัณฑิต ยังได้ย้ำว่า การได้ใช้เวลาอยู่กับลูกๆ นั้นเป็นความสุขที่สุด เหนือกว่าการได้คอนดักส์งานระดับโลก ซึ่งลูกๆ ของเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นนักดนตรี ไม่ต้องเป็นหมอ เหมือนคนอื่นๆ แต่ขอให้หาสิ่งที่ตนเองเก่ง และต้องการ แล้วพัฒนาทักษะนั้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดก็เพียงพอ