sianbun on March 27, 2009, 05:58:59 PM
โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่าง ครบวงจร



    ดร.น.พ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 256-slice CT scan นวัตกรรมตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเครื่องแรกในประเทศไทย ที่ถูกพัฒนาจากเครื่อง 64-slice CT scan พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมงาน ณ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ซอยศูนย์วิจัย เมื่อเร็วๆ นี้

 โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการรักษา ด้วยการทุบงบกว่า 70 ล้านกับเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 256-slice CT scan นวัตกรรมตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเครื่องแรกในประเทศไทย และเครื่องแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งเสนอแพ็คเกจลด ค่าบริการเอกซเรย์เครื่องคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 256-slice CT scan เหลือ 15,900 จากราคาเดิม 23,000 บาท โชว์ความมั่นใจขยายฐานลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ ตามเป้า 10%

          โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคหัวใจ ที่ให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่าง ครบวงจร ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น การตรวจด้วยอุปกรณ์พิเศษ การดูแลและป้องกันโรคหัวใจ การรักษา การผ่าตัด การติดตามดูแลในหออภิบาลผู้ป่วยหัวใจ ตลอดจนการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ ด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีอันทันสมัย ได้มาตรฐานสากล เดินหน้ามุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีเพื่อการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 256-slice CT scan เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพทางการรักษา ซึ่งเป็นกลยุทธ์ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยสร้างความมั่นใจและ ไว้วางใจในการรักษาให้แก่ กลุ่มลูกค้าเก่า และดึงลูกค้ากลุ่มใหม่เพื่อการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ตามเป้าหมาย 10%ในปี 2552 นี้

          ดร.น.พ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า ฐานลูกค้าที่เข้ารับการบริการของโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพปัจจุบัน เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย 70 % เป็นกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ 30 % และมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องขึ้นทุกๆปี แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวในปัจจุบัน ทำให้ลูกค้าทั้งคนไทยและลูกค้าต่างประเทศใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจนานขึ้น ในการเข้ารับการดูแลและตรวจสุขภาพ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของลูกค้าชะลอตัวตามไปด้วย แต่ในความเป็นจริงการตรวจและดูแลสุขภาพโดยเฉพาะโรคหัวใจไม่สามารถที่จะรอเวลาได้ เพราะยิ่งตรวจพบเร็วก็จะยิ่งรักษาชีวิตให้ยาวมาก ยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจรักษาและป้องกันการเกิดโรค พร้อมทั้งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพจึงทุบงบกว่า 70 ล้านบาท นำเข้า

          เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง 256-slice CT scan เทคโนโลยีล่าสุด เครื่องแรกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ นอกจากกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีแล้ว โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ใช้กลยุทธ์กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่โรงพยาบาลให้ความสำคัญในปีนี้ โดยการปรับราคาแพ็กเกจค่าบริการต่างๆ ลงประมาณ 40-50 % อาทิ ค่าบริการรถพยาบาลฉุกเฉินลดเหลือ 100 บาท และค่าบริการตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดตีบด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงสุด (256-slice CT scan) จาก 23,000 บาท เหลือ 15,900 บาท เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์การลดราคานี้อาจทำต่อเนื่องตลอดปี 2552

          ดร.น.พ. กิติพันธ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเป็นโรคที่พบบ่อย และเป็นมัจจุราชเงียบที่คร่าชีวิตประชากรโลกในแต่ละปีเป็นอันดับต้นๆ โรคนี้เกิดจากการที่หลอดเลือดโคโรนารีซึ่งส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเกิดการตีบแคบหรือถูกอุดกั้น ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและออกซิเจน เมื่อผู้ป่วยเกิดสภาวะหลอดเลือดอุดตันก็จะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลังกาย และหากหลอดเลือดโคโรนารีเกิดการอุดตันอย่างสมบูรณ์ ก็อาจทำให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน (Acute heart attack) และเสียชีวิตได้ในที่สุด ดังนั้น 256- slice CT scan คือนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิการตรวจวินิจฉัยให้มีความแม่นยำ เพื่อการรักษาผู้ป่วยได้ทันท่วงที

          256 - slice CT scan เป็นนวัตกรรมล่าสุดทางการแพทย์ ที่ถูกพัฒนา จนสามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้แม่นยำ เป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงมากที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่ถูกพัฒนามาจาก เครื่อง 64- slice CT scan โดยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นคือ สามารถบอกปริมาณคราบหินปูนที่จับเกาะอยู่ในผนังหลอดเลือดโคโรนารีซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นตัวพยากรณ์ความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในอนาคตร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้ แต่เครื่อง 64-slice CT scan ก็ยังมีข้อจำกัดในการตรวจหาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในผู้ป่วยที่มีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่า 70 ครั้งต่อนาที หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดอื่นๆ

256-slice CT scan ดีอย่างไร
          256-slice CT scan สามารถใช้ตรวจหาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ในผู้ป่วยที่มีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่า 70 ครั้งต่อนาที เครื่องนี้ยังมีข้อดีกว่าคือให้ภาพผลการตรวจที่คมชัดกว่า ครอบคลุมอาณาบริเวณของอวัยวะที่ต้องการตรวจมากกว่า มีความแม่นยำสูง เวลาที่ใช้ในการตรวจน้อยกว่า อีกทั้งการหมุนของเครื่องสแกนต่อรอบกินเวลาเพียง 0.27 วินาที ทำให้ผู้ป่วยได้รับรังสีเอกซเรย์ในการรับการตรวจวินิจฉัยโรคน้อยลง

          256-slice CT scan แสดงภาพอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่น หัวใจ ให้ภาพที่มีความละเอียดสูงจนสามารถใช้ตรวจดูภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจปริมาณการสะสมของหินปูนในผนังหลอดเลือด และความผิดปกติของหลอดเลือดได้ในคราวเดียวกัน ทั้งยังให้ผลเบื้องต้นที่รวดเร็วกว่า เนื่องจากใช้เวลาในการตรวจน้อยกว่า และข้อมูลจากการตรวจจะได้รับการแปลผลโดยรังสีแพทย์และอายุรแพทย์โรคหัวใจ ทำให้ทราบผลได้เร็ว

256-slice CT scan เหมาะกับคนไข้ประเภทไหน
          การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่อง 256-slice CT scan นับเป็นวิธีตรวจวินิจฉัยที่เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบไม่ชัดเจน เพราะวิธีนี้ทำได้รวดเร็วและมีความแม่นยำสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปริมาณคราบหินปูนเกาะอยู่บริเวณผนังของ
หลอดเลือดโคโรนารีไม่มากนัก

          กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ไม่ว่าจะเป็นชายอายุ 40 ปีขึ้นไป หญิงอายุ 55 ปีขึ้นไป ที่มีภาวะของการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ เครียด ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือมีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ควรระมัดระวังและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะโรคนี้อันตรายถึงชีวิต

การปฏิบัติตัวเพื่อรับการตรวจ
1. งดอาหารอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนการตรวจหลอดเลือดหัวใจ (coronary angiogram) ในการตรวจหาปริมาณหินปูนที่เกาะตามผนังหลอดเลือด (calcium scoring)ไม่ต้องงดอาหารก่อนตรวจ
2. หากมียาที่รับประทานประจำ ให้รับประทานยาได้ตามปกติจนถึงเช้าวันตรวจ
3. ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน หลังการตรวจ

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ โทร.1719
« Last Edit: March 31, 2009, 04:42:17 PM by sianbun »