sianbun on March 19, 2010, 11:11:34 PM
UHE: Brooklyn's Finest เข้าฉาย 22 เมษายน 2553






Brooklyn's Finest

ผลงานผู้กำกับสุดระห่ำ จาก TRAINING DAY และ SHOOTER ริชาร์ด เกียร์, อีธาน ฮอว์ค, ดอน ชีเดล และ เวสลีย์ สไนป์ 22 เมษายนนี้ ระห่ำสุดขั้วที่... โรงภาพยนตร์เครือ SF CINEMA CITY และ APEX สยามสแควร์
 
เรื่องย่อ

               BROOKLYN’S FINEST คือภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่าเรื่องเยี่ยม ที่มีฉากหลังอยู่ในเขตบรู๊คลิน ทางทิศตะวันออกของมหานครนิวยอร์ค ย่านที่วุ่นวายจอแจที่สุดในเมือง โดยศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่เอ๊ดดี้ (ริชาร์ด เกียร์), ซาล (อีธาน ฮอว์ค) และแทงโก (ดอน ชีเดิล) สามนายตำรวจผู้ยืนอยู่บนเส้นทางแห่งความรุนแรงและการฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งพวกเขาต้องพยายามหาทางเอาชนะด้านมืดในตัวเองให้ได้ เอ๊ดดี้ผู้มีชีวิตคู่ที่ไร้สุข ออกแสวงหาหนทางปลดเปลื้องความทุกข์ด้วยการดื่มเหล้า และมีสัมพันธ์กับโสเภณีวัยรุ่นชื่อแชนเทล ระยะเวลาเจ็ดวันก่อนเกษียณอายุราชการของเขา จบลงด้วยเหตุการณ์ธรรมดาสามัญ เมื่อเขาถูกขอร้องให้เป็นผู้ฝึกฝนเจ้าหน้าที่ตำรวจรุ่นใหม่ และภายในเจ็ดวันนี้เอง ที่เอ๊ดดี้พยายามค้นหาความหมายในชีวิตและหน้าที่การงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของตนเอง

               ซาลคือตำรวจหนุ่มที่ทำงานมานานสิบสองปีแล้ว เขาต้องรับภาระเลี้ยงดูภรรยาผู้กำลังตั้งครรภ์ และลูกๆ อีกห้าชีวิต ความหวังทั้งหมดของเขาคือ “บ้านในฝัน” สักหลังที่ไม่มีตำรวจคนใดมีเงินพอจะเป็นเจ้าของได้ ทว่าซาลเป็นพ่อและสามีผู้น่าภูมิใจเกินกว่าที่จะทำให้ครอบครัวของเขาต้องผิดหวัง ด้วยการกระทำตัวเป็นตำรวจนอกแถวให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

               แทงโกใช้เวลาสามปีหลังในชีวิต ปฏิบัติงานเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ผู้ต้องปลอมตัวเข้าไปคลุกคลีอยู่กับพวกเจ้าพ่อยาเสพติดและมือปืนทั้งหลาย ซึ่งทำให้เขาต้องระเห็จเข้าไปอยู่ในคุกนานถึงเก้าเดือนเพื่อความสมจริง วันนี้สารรูปแทงโกดูเหมือนผู้ร้ายมากกว่าตำรวจ แต่เขาก็ยังอยากกลับไปใช้ชีวิตปกติก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เมื่อหัวหน้าเสนอตำแหน่งใหม่ให้เขา โดยแลกกับการทำงานชิ้นหนึ่ง เขาจึงเห็นว่านี่คือโอกาสเดียวที่เขาจะได้กลับไปสวมเครื่องแบบตำรวจอย่างภาคภูมิใจอีกครั้ง แต่งานที่ได้รับมอบหมายคือการจับตัวแคซ (เวสลีย์ สไนพ์ส) เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาเข้าคุก นั่นทำให้แทงโกต้องคิดหนัก

               เอ๊ดดี้, ซาล และแทงโก ไม่เคยคาดคิดว่าเส้นทางของพวกเขาต้องมาบรรจบกัน จนกระทั่งเกิดการกวาดล้างยาเสพติดครั้งใหญ่ ทั้งสามจึงได้มาเผชิญหน้ากันในสถานการณ์อันตรายที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน
« Last Edit: March 20, 2010, 05:00:23 PM by sianbun »

sianbun on March 19, 2010, 11:12:42 PM
เบื้องหลังงานสร้าง: จากหน้ากระดาษสู่แผ่นฟิล์ม

               BROOKLYN’S FINEST คือภาพยนตร์ที่ “เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ” ไมเคิล ซี มาร์ติน ผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าไว้เช่นนั้น มาร์ตินเคยทำงานเป็นคนโบกธงให้สัญญาณรถไฟใต้ดิน แต่หลังจากได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปี 2005 เขาจึงเปลี่ยนอาชีพมาเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ ระหว่างนอนพักรักษาตัว มาร์ตินจำเป็นต้องหาเงินมาซื้อรถไว้ใช้แทนคันเก่าที่พังไป เขาอ่านพบเรื่องการประกวดบทภาพยนตร์ทางอินเทอร์เน็ท ที่ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 10,000 เหรียญ แม้ว่ามาร์ตินไม่เคยมีงานเขียนอะไรมาก่อนเลยในชีวิต แต่ก็เคยลงทะเบียนเรียนวิชาภาพยนตร์ที่วิทยาลัยบรู๊คลิน แต่สุดท้ายเขาก็เรียนไม่จบ มาร์ตินไม่ได้คาดหวังว่าบทที่เขาเขียนจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์จริงๆ แต่เขาก็นั่งเขียนมันอย่างตั้งอกตั้งใจ จนเกิดเป็นบทเรื่อง BROOKLYN’S FINEST ในที่สุด

               “ผมมีเวลาว่างเหลือเฟือ และคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้รถคันใหม่ ผมจึงเริ่มเขียนและเสร็จในวันสุดท้ายของกำหนดรับงานพอดี” มาร์ตินเล่า แรงบันดาลใจที่ทำให้เขาเขียนเรื่องนี้เกิดจากชีวิตของเพื่อนเก่าคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพตำรวจ และต้องตกอยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงกับตัวละครที่รับบทโดยดอน ชีเดิลในภาพยนตร์เรื่องนี้ ราวหนึ่งเดือนถัดมา มาร์ตินได้รับแจ้งว่าบทของเขาเข้ารอบสุดท้าย แต่ไม่ชนะเลิศ เขาได้พบกับคณะกรรมการตัดสินบางคน รวมทั้งนักสร้างภาพยนตร์คนหนึ่ง ผู้ต้องการส่งบทของมาร์ตินไปให้สตูดิโอบางแห่งพิจารณา ตอนนั้นมาร์ตินรู้ตัวแล้วว่าเขาคงไม่ได้เงินรางวัลไปซื้อรถคันใหม่แน่ “ผมไม่คิดว่าบทของผมจะได้ทำเป็นหนัง ผมยังคงทำงานประจำ และเลิกคิดถึงเรื่องบทนั่น” เขากล่าว

               จากนั้นอีกไม่นาน บทภาพยนตร์ของมาร์ตินถูกส่งไปให้บริษัทวอร์เนอร์ บราเธอร์ส และไปเข้าตาของแมรี วิโอลา ผู้กำลังมองหานักเขียนบทหน้าใหม่สำหรับภาพยนตร์ที่กำลังเตรียมงานสร้างเรื่องหนึ่ง ด้วยความที่วิโอลาเป็นชาวนิวยอร์ค เธอจึงตัดสินใจหยิบงานของมาร์ตินออกมาจากบทกองพะเนิน เพราะสะดุดใจในชื่อเรื่อง เมื่อวิโอลาลงมืออ่าน เธอชอบมันทันที และส่งต่อบทนี้ไปยังเพื่อนร่วมงานของเธอ เบซิล อิวานีค ให้เป็นคนดำเนินงานต่อไป

               อิวานีคเคยรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารในภาพยนตร์เรื่อง TRAINING DAY ของอังตวน ฟูคัว เขาจึงคิดว่าฟูคัวคือคนที่เหมาะที่สุดที่จะกำกับ BROOKLYN’S FINEST ฟูคัวเองก็ติดใจในบทนี้ และพร้อมที่จะกำกับมัน “ผมชอบเรื่องราว และคิดว่าไมเคิลค้นพบความแปลกใหม่ในหนังแนวนี้ เขามีวิธีบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตตำรวจที่ไม่เหมือนหนังเรื่องอื่น” ฟูคัวกล่าว และอธิบายว่า “มันเป็นเรื่องของกลุ่มตำรวจผู้โชคร้าย มากกว่าตำรวจคอร์รัปชั่น พวกเขาต่างมีสิ่งที่ต้องเอาชนะ เป็นเรื่องส่วนตัว ดังนั้น มันจึงเกี่ยวข้องกับความรู้สึกในใจที่ใคร่ครวญถึงชีวิตมากกว่าเรื่องการงานของพวกเขา ในนิวยอร์คทุกวันนี้ ตำรวจส่วนใหญ่กำลังฆ่าตัวตายด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง มันหมายความว่ามีบางสิ่งผิดปกติทั้งทางอารมณ์และสภาพจิตใจ ซึ่งมันสำคัญมากที่จะต้องพูดถึง และสร้างหนังเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”

               “เมื่ออังตวนก้าวเข้ามา หนังเรื่องนี้ก็เดินหน้าอย่างรวดเร็ว” มาร์ตินกล่าว และบอกว่าอัง ตวนโทรหาเขาทันที เพราะ “แค่อยากรู้ว่า ผมเจ๋งจริงรึเปล่า” เขาหัวเราะ “เราคุยกันถึงเนื้อเรื่อง และการเลือกตัวแสดง เขามีภาพที่ชัดเจนอยู่ในหัวแล้ว” ในเวลาเดียวกัน บริษัทสร้างภาพยนตร์ MILLENNIUM FILMS ก็ยื่นมือเข้ามาพร้อมกับบริษัท จอห์น แลงลีย์ ฟิล์ม ซึ่งผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร จอห์น ทอมพ์สัน ได้กล่าวว่า “เราใช้เวลาแค่วันเดียว ในการตัดสินใจสร้างหนังเรื่องนี้”

sianbun on March 19, 2010, 11:13:17 PM






นักแสดง

ริชาร์ด เกียร์  (เอ๊ดดี้)

               นักแสดง, นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ (สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2002 จาก CHICAGO) ริชาร์ด เกียร์เป็นที่จดจำของแฟนภาพยนตร์จากผลงานอย่าง DAYS OF HEAVEN (1978), AMERICAN GIGOLO (1980), AN OFFICER AND A GENTLEMAN (1982), INTERNAL AFFAIRS (1990), PRETTY WOMAN (1990), FINAL ANALYSIS (1992), SOMMERSBY (1993), PRIMAL FEAR (1996) และ UNFAITHFUL (2002)

               ผลงานเด่นในช่วงหลังของเขาคือ การนำแสดงใน THE HOAX (2006) ของผู้กำกับ ลาสซี ฮอลล์สตรอม, THE HUNTING PARTY (2007) โดยผู้กำกับ ริชาร์ด เชพพาร์ด และการเป็นหนึ่งในนักแสดงเรื่อง I’M NOT THERE (2007) ที่มีดาราดังอย่าง เคท บลันเช็ทท์, คริสเตียน เบล และฮีธ เลดเจอร์ ร่วมแสดง

              ต้นปี 2008 เกียร์นำแสดงในภาพยนตร์โรแมนติกเรื่อง NIGHTS IN RODANTHE ที่สร้างจากนิยายขายดีของนิโคลัส สพาร์คส, กลับมาร่วมงานกับลาสซี ฮอลล์สตรอมอีกครั้งใน HACHIKO: A DOG’S STORY ผลงานที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ญี่ปุ่นสุดประทับใจ และร่วมประชันบทบาทกับฮิลารี สแวงค์ นักแสดงหญิงเจ้าของสองรางวัลออสการ์ และยูแวน แมคเกรเกอร์ ใน AMELIA 

ดอน ชีเดิล  (แทงโก)

               จากการแสดงอันโดดเด่นที่เขาร่วมประชันบทบาทกับเดนเซล  วอชิงตัน ใน DEVIL IN A BLUE DRESS (1995) ทำให้ชื่อของดอน ชีเดิลถูกจับตามองจากเหล่าผู้สร้างและบรรดาผู้ชม ผลงานถัดมาที่ทำให้เขาถูกยกเข้าทำเนียบหนึ่งในนักแสดงชายผู้เก่งกาจของฮอลลีวูด ได้แก่ BOOGIE NIGHTS (1997), TRAFFIC (2000), OCEAN’S ELEVEN (2001), THE ASSASSINATION OF RICHARD NIXON (2004), CRASH (2004), HOTEL RWANDA (ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2004 และรางวัลอื่นอีกมากมาย), AFTER THE SUNSET (2004), OCEAN’S TWELVE (2004), TALK TO ME (2007), REIGN OVER ME (2007), OCEAN’S THIRTEEN (2007) และ TRAITOR (2008)

               ในวงการโทรทัศน์ ชีเดิลได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี จากการรับบทเป็นแซมมี เดวิส จูเนียร์ ในผลงานของสถานี HBO เรื่อง THE RAT PACK (1998) และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีอีกครั้งจาก A LESSON BEFORE DYING (1999) ส่วนวงการละครเวที ชีเดิลปรากฏตัวในโรงละครนิวยอร์ค ด้วยการรับบทเป็น “บูธ” ในTOP DOG UNDERDOG ผลงานซึ่งสร้างจากบทละครรางวัลพูลิตเซอร์ที่เขียนโดยซูซาน ลอรี พาร์ค

อีธาน ฮอว์ค  (ซาล)

               ชายหนุ่มผู้มีความสามารถหลากหลาย  เป็นทั้งนักแสดง, นักประพันธ์,  นักเขียนบท และผู้กำกับภาพยนตร์ ผลงานละครเวทีของฮอว์คในฐานะนักแสดง ได้แก่ THE SEAGULL, BURIED CHILD และ HURLYBURLY ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูซิลล์ ลอร์เทล สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2005 พร้อมกับรางวัล DRAMA LEAGUE ด้วย ฮอว์คกำกับละครเวทีเรื่องแรกคือ THINGS WE WANT ผลงานตลกร้ายจากโจนาธาน มาร์ค เชอร์แมน และร่วมแสดงในละครสามภาคของทอม สต๊อพพาร์ดเรื่อง THE COAST OF UTOPIA ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี และรางวัล DRAMA LEAGUE สาขาการแสดงยอดเยี่ยม

               ในวงการภาพยนตร์ นอกจากการแสดงนำในผลงานของผู้กำกับ ริชาร์ด ลิงเคลเทอร์ ถึงหกครั้ง คือ THE NEWTON BOYS (1998), WAKING LIFE (2001), TAPE (2001), FAST FOOD NATION (2006) และภาพยนตร์ที่สร้างความโด่งดังให้พวกเขาทั้งคู่ และนักแสดงหญิง จูลี เดลพี นั่นคือ BEFORE SUNRISE (1995) กับ BEFORE SUNSET (2004) ฮอว์คยังมีงานชั้นดีอีกมากมาย อาทิ DEAD POETS SOCIETY (1989), ALIVE (1993), REALITY BITES (1994), GATTACA (1997), GREAT EXPECTATIONS (1998), TRAINING DAY (2001), ASSAULT ON PRECINCT 13 (2005) รวมถึงงานเด่นสามเรื่องหลังคือ BEFORE THE DEVIL KNOWS YOU’RE DEAD (2007), NEW YORK I LOVE YOU (2009) และ DAYBREAKERS (2009)

               ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ฮอว์คกำกับคือ CHELSEA WALLS (2001) ที่นำแสดงโดย อูมา เธอร์แมน และคริส คริสทอฟเฟอร์สัน ส่วนเรื่องที่สอง THE HOTTEST STATE (2006) นั้นก็สร้างมาจากนิยายเรื่องแรกของเขาซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1996 ฮอว์คตีพิมพ์ THE ASH WEDNESDAY นิยายเรื่องที่สองในปี 2002

เวสลีย์ สไนพ์ส  (แคซ)

               การปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอเพลง  BAD ของไมเคิล แจ็คสัน ที่กำกับโดยยอดผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซี ทำให้ผู้กำกับ สไปค์ ลี ตัดสินใจเลือกสไนพ์สมาแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง MO’ BETTER BLUES (1990) ของเขา บทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ และเรื่อง MAJOR LEAGUE (1989) ส่งให้สไนพ์สมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว จนมีผลงานเรื่องดังตามติดออกมาอีกมากมาย อาทิ NEW JACK CITY (1991), JUNGLE FEVER (1991), THE WATERDANCE (1992), WHITE MEN CAN’T JUMP (1992), PASSENGER 57 (1992), RISING SUN (1993), DEMOLITION MAN (1993), THE FAN (1996), U.S. MARSHALS (1998) และ BLADE (1998)

               สไนพ์สได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในเทศกาลภาพยนตร์เวนิซประจำปี 1997 จากภาพยนตร์เรื่อง ONE NIGHT STAND ที่เขาแสดงร่วมกับนาตาชา คินสกี, โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และไคล์ แมคลาชแลน

วิล แพทตัน  (ร้อยโทฮอบาร์ทส)

               บทบาทในภาพยนตร์อันเป็นที่น่าจดจำของแพทตัน ได้แก่ AFTER HOURS (1985) ของมาร์ติน สกอร์เซซี, NO WAY OUT (1987) ที่ร่วมแสดงกับเควิน คอสท์เนอร์ และจีน แฮคแมน, THE RAPTURE (1991), IN THE SOUP (1992), ROMEO IS BLEEDING (1993), THE CLIENT (1994) ที่แสดงคู่กับซูซาน ซาแรนดอน, COPYCAT (1995), THE POSTMAN (1997), ARMAGEDDON (1998) โดยผู้กำกับ ไมเคิล เบย์, BREAKFAST OF CHAMPIONS (1999) ที่ร่วมประชันบทบาทกับบรูซ วิลลิส และนิค โนลตี, พบฌอน คอนเนอรี ใน ENTRAPMENT (1999), ประกบนิโคลัส เคจ และแองเจลินา โจลี ใน GONE IN 60 SECONDS (2000), พบเดนเซล วอชิงตัน ใน REMEMBER THE TITANS (2000), พบริชาร์ด เกียร์ ใน THE MOTHMAN PROPHECIES (2002), THE PUNISHER (2004), A MIGHTY HEART (2007), WENDY AND LUCY (2008) และ AMERICAN VIOLET (2008)

               ในวงการโทรทัศน์ แพทตันร่วมแสดงในซีรีส์ THE AGENCY, NUMB3RS และ INTO THE WEST ที่อำนวยการสร้างโดย สตีเวน สปีลเบิร์ก ส่วนบนเวทีละคร เขาได้รับรางวัลโอบี สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม 2 ครั้ง จากละครเรื่อง WHAT DID HE SEE และ FOOL FOR LOVE                       

ลีลี  เทย์เลอร์  (แองเจลา)

               นักแสดงหญิงผู้แจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง I SHOT ANDY WARHOL (1996) ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัล SPECIAL RECOGNITION จากเทศกาลภาพยนตร์ซันดานซ์ รวมถึงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ซีแอทเทิล และเทศกาลภาพยนตร์สต็อกโฮล์ม รางวัลสำคัญอื่นๆ ที่เทย์เลอร์ได้รับคือ รางวัลบล็อคบัสเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จากผลงานของผู้กำกับ รอน เฮาเวิร์ด เรื่อง RANSOM (1996), รางวัลโกลเดน สวอน สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์โคเปนฮาเกน จากผลงานเรื่อง FACTOTUM (2005) และรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริท สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จาก HOUSEHOLD SAINTS (1993)

               ผลงานภาพยนตร์เด่นเรื่องอื่นของเธอมีดังนี้ BORN ON THE FOURTH OF JULY (1989), DOGFIGHT (1991), ARIZONA DREAM (1993), SHORT CUTS (1993), MRS. PARKER AND THE VICIOUS CIRCLE (1994), READY TO WEAR (1994), THE IMPOSTORS (1998), THE HAUNTING (1999), HIGH FIDELITY (2000), THE NOTORIOUS BETTIE PAGE (2005) และ THE PROMOTION (2008)   

แชนนอน  เคน  (แชนเทล)

               เกิดที่เซาท์ฟิลด์ และโตในคาลามาซู นักแสดงสาว แชนนอน เคน มีความใฝ่ฝันจะทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอเริ่มฝึกหัดการเต้นรำเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ และเข้าศึกษาต่อด้านนี้ในโรงเรียน กระทั่งกลายเป็นนักเต้นฝีมือจัดจ้านถึงขั้นเป็นผู้ฝึกสอนได้ เคนเข้าเรียนสาขาการเต้นรำสมัยใหม่ในมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น มิชิแกน ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ชิคาโก และประกอบอาชีพนางแบบ ซึ่งเธอได้ปรากฏโฉมบนหน้านิตยสารหลายเล่ม เช่น GLAMOUR, TEEN VOGUE และ COSMO หลังจากทำงานเป็นนางแบบหลายปี เคนตัดสินใจก้าวตามความฝันของตัวเอง ด้วยการย้ายไปยังลอส แองเจลิส เพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง เธอเริ่มต้นอาชีพนักแสดงด้วยบทบาทในภาพยนตร์โทรทัศน์ยอดนิยมอย่าง ENTOURAGE, THE YOUNG AND THE RESTLESS และ CSI: MIAMI

เอลเลน  บาร์คิน  (เจ้าหน้าที่สมิธ)

               หนึ่งในนักแสดงหญิงฝีมือเยี่ยมอีกคน  บาร์คินเกิดและโตในย่านบรองซ์ นครนิวยอร์ค เข้าศึกษาในโรงเรียนศิลปะการแสดงนิวยอร์ค ต่อด้วยวิทยาลัยฮันเตอร์ในสาขาการละครและประวัติศาสตร์ จากนั้นจึงไปเรียนเพิ่มเติมด้านการแสดงที่ ACTORS STUDIO อันมีชื่อ

               ภาพยนตร์เรื่องแรกของบาร์คินคือ DINER (1982) ที่กำกับโดย แบร์รี เลวินสัน ตามด้วยผลงานเรื่องเด่นคือ TENDER MERCIES (1983), THE BIG EASY (1986) ที่แสดงคู่กับเดนนิส เควด ประกบอัล พาชิโน ใน SEA OF LOVE (1989) ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก SWITCH (1992) ประชันบทบาทกับโรเบิร์ต เดอนิโร และลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ใน THIS BOY’S LIFE (1993) พบเจฟฟ์ บริดเจส ใน WILD BILL (1995) พบโรเบิร์ต เดอนิโรอีกครั้งใน THE FAN (1996) นอกจากนี้ก็มี FEAR AND LOATHING IN LAS VEGAS (1998) โดยผู้กำกับ เทอร์รี กิลเลียม, SOMEONE LIKE YOU (2001), PALINDROMES (2004) และ OCEAN’S THIRTEEN (2007)   
« Last Edit: March 20, 2010, 04:54:16 PM by sianbun »

sianbun on March 19, 2010, 11:14:31 PM
ทีมงาน

อังตวน  ฟูคัว  (ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               เติบโตในย่านที่ยากลำบากของพิทท์สเบิร์ก  เขาใช้เวลาไม่นานนัก กับการก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แถวหน้าแห่งฮอลลีวูด ด้วยพรสวรรค์และความสามารถอันเต็มเปี่ยม ผลงานกำกับเรื่องแรกของฟูคัวคือ THE REPLACEMENT KILLERS (1998) ที่นำโจวเหวินฟะ ซูเปอร์สตาร์ชาวเอเชียมาเปิดตัวกับผู้ชมชาวอเมริกันเป็นครั้งแรก แต่ภาพยนตร์ที่ถือว่าสร้างความสำเร็จให้ฟูคัวอย่างยิ่งใหญ่ คงหนีไม่พ้น TRAINING DAY ซึ่งนำแสดงโดย เดนเซล วอชิงตัน และอีธาน ฮอว์ค นักแสดงทั้งคู่ถ่ายทอดบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้วอชิงตันได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม พร้อมกับที่ฮอว์คได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ประจำปี 2001 ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นของฟูคัว ได้แก่ BAIT (2000), TEARS OF THE SUN (2003), KING ARTHUR (2004) และ SHOOTER (2007)

               ฟูคัวยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาและมิวสิควิดีโอ ที่มีงานชุกมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ เขากำกับมิวสิควิดีโอให้ศิลปินอย่าง พรินซ์, อัชเชอร์, สตีวี วอนเดอร์, โทนี แบร็กซ์ตัน และอื่นๆ อีกมากมาย เขาชนะรางวัล MTV สาขาวิดีโอแร็พยอดเยี่ยม จากเพลง GANGSTA’S PARADISE ของศิลปิน คูลิโอ ส่วนภาพยนตร์โฆษณาจากฝีมือของเขา ก็เป็นผลิตภัณฑ์ของสินค้าแบรนด์ดัง เช่น PIRELLI, ARMANI, REEBOK, NIKE (JORDAN BRAND) และ GMC

               ฟูคัวยังรับหน้าที่จัดหาเงินทุน  และอำนวยการสร้างภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับแก๊งมาเฟียเรื่อง BASTARDS OF THE PARTY ให้กับสถานีโทรทัศน์ HBO สารคดีเรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดย อดีตสมาชิกแก๊งคนหนึ่ง ปัจจุบัน อังตวน ฟูคัว มีบริษัทผลิตภาพยนตร์ของตัวเองในชื่อว่า ฟูคัว ฟิล์ม

ไมเคิล  ซี มาร์ติน  (ผู้เขียนบทภาพยนตร์)

               เกิดและโตในนิวยอร์คฝั่งตะวันออก  ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับถ่ายทำ  BROOKLYN’S FINEST ด้วย การลงทะเบียนเรียนวิชาภาพยนตร์สั้นที่โรงเรียนเซาท์ชอร์ กระตุ้นให้มาร์ตินเริ่มสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์ และทำให้เขาไปสมัครเรียนวิชาการสร้างภาพยนตร์ที่วิทยาลัยบรู๊คลิน ที่นี่ ผลงานวิทยานิพนธ์ของเขาเรื่อง WHAT HAPPENED ถูกเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ฮอลลีวูด และเทศกาลภาพยนตร์สปาเก็ตตี จังค์ชัน

               แม้ว่ามาร์ตินมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นคนสร้างภาพยนตร์ แต่สุดท้ายเขาก็เรียนไม่จบ และต้องไปหาเลี้ยงชีพด้วยการทำหน้าที่เป็นคนโบกธงให้สัญญาณรถไฟใต้ดิน กระทั่งห้าปีต่อมา อุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เขาต้องพยายามหาเงินมาซื้อรถคันใหม่แทนรถคันเก่าที่พังไป นี่คือจุดเริ่มต้นของการลงมือเขียนบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเพื่อส่งเข้าประกวดชิงเงินรางวัล และบทที่เขาเขียนคือ BROOKLYN’S FINEST นั่นเอง   

จอห์น ทอมพ์สัน  (ผู้อำนวยการสร้าง)

               เนื่องจากทอมพ์สันเติบโตในกรุงโรม เขาจึงเข้าสู่วงการภาพยนตร์อิตาลี ด้วยการมีส่วนร่วมสร้างภาพยนตร์ยุโรปชั้นเยี่ยมหลายเรื่อง อาทิ OTELLO ของฟรังโก เซฟฟิเรลลี, OSCAR WILDE’S SALOME ของโคลด ดี อันนา, CARNORRA ของลีนา เวิร์ธมึลเลอร์, BERLIN INTERIOR ของลิเลียนา คาวานี, COMFORT OF STRANGERS ของพอล ชเรเดอร์, HAUNTED SUMMER ของไอแวน พาสเซอร์, TORRENTS OF SPRING ของเจอร์ซี สโคลิโมวสกี และ EVERBODY’S FINE ของจุยเซปเป ทอร์นาทอเร

               ในปี 1997 ทอมพ์สันเดินทางกลับมาลอส แองเจลิส เพื่อร่วมงานกับอาวี เลอร์เนอร์ ที่ MILLENNIUM FILMS โดยมีผลงานอย่าง AMERICAN PERFEKT, SOME GIRLS, GUINEVERE, PROZAC NATION, NOBODY’S BABY, THE REPLICANT และ 88 MINUTES ที่นำแสดงโดย อัล ปาชิโน

อีลี  โคห์น  (ผู้อำนวยการสร้าง)

               อีลี โคห์นสั่งสมประสบการณ์ในการสร้างภาพยนตร์มานานหลายปี  ผลงานโดดเด่นของเขา ได้แก่  ROCKY เจ้าของรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 1976, RAGING BULL (1980) ผลงานคลาสสิคโดยผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซี, MISSING (1982) ผลงานชั้นเยี่ยมของผู้กำกับ คอสตา กาฟราส, VICTORY และอีกมากมาย นอกจาก BROOKLYN’S FINEST แล้ว ผลงานอำนวยการสร้างเรื่องล่าสุดของเขาคือ LEAVES OF GRASS ที่นำแสดงโดย เอ๊ดเวิร์ด นอร์ตัน, ซูซาน ซาแรนดอน และทิม เบลค เนลสัน

จอห์น แลงลีย์  (ผู้อำนวยการสร้าง)

               โด่งดังขึ้นมาในฐานะผู้สร้างสรรค์และอำนวยการผลิตเรียลิตีโชว์สุดฮิต  COPS ที่ออกอากาศต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน และได้รับรางวัลความสำเร็จมากมาย ผลงานทางโทรทัศน์เรื่องอื่นของเขา ได้แก่ ANATOMY OF CRIME, AMERICAN VICE: THE DOPING OF A NATION, TERRORISM: TARGET USA, THE NEW MAFIA, INNOCENCE LOST, MURDER: LIVE FROM DEATH ROW รวมทั้งซีรีส์ JAIL, STREET PATROL และล่าสุดกับ THE TONY ROCK PROJECT

               บริษัทแลงลีย์ ฟิล์มของเขาได้ผลิตภาพยนตร์อิสระหลายเรื่อง เช่น WILD SIDE (1995), TIPTOES (2003) รวมถึงเรื่องที่เขาลงมือกำกับเองคือ COCAINE BLUES (1983), MAXIMUM POTENTIAL (1987) และ DOGWATCH (1996)

เบซิล อิวานีค  (ผู้อำนวยการสร้าง)

               เจ้าของบริษัทผลิตภาพยนตร์  THUNDER ROAD PICTURES ผู้สร้าง FIREWALL (2006) ที่นำแสดงโดย แฮร์ริสัน ฟอร์ด และ WE ARE MARSHALL (2006) ที่นำโดย แมทธิว แมคคอนาเฮย์ ในปี 1995 อิวานีคเข้าดำรงตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส พิคเจอร์ส และได้เลื่อนเป็นรองประธานฝ่ายผลิตในอีกสองปีต่อมา เขาเป็นผู้ดูแลการสร้างภาพยนตร์เรื่อง TRAINING DAY, OCEAN’S ELEVEN, BATMAN AND ROBIN (1997) และ INSOMNIA (2002) ผลงานล่าสุดของเขาคือการนำภาพยนตร์คลาสสิคเรื่อง CLASH OF THE TITANS มารีเมคใหม่ และออกฉายในปีนี้ ตลอดชีวิตการทำงานของอิวานีค เขามีผลงานการสร้างภาพยนตร์ทั้งสิ้นเป็นจำนวนมากกว่า 250 เรื่อง 

อาวี  เลอร์เนอร์  (ผู้อำนวยการสร้าง)

               ประธานร่วมของบริษัท NU IMAGE/MILLENNIUM FILMS ผู้มีเครดิตการอำนวยการสร้างภาพยนตร์มากกว่า 180 เรื่อง ทำให้เขาเป็นผู้อำนวยการสร้าง และผู้จัดจำหน่ายหนังอิสระที่มีประสบการณ์มากที่สุดคนหนึ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เลอร์เนอร์เกิดและโตที่อิสราเอล จบการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเทลอาวิฟ เขาก้าวเข้าสู่ธุรกิจภาพยนตร์ด้วยการทำงานเป็นผู้จัดการโรงหนังไดรฟ์อินแห่งแรกในอิสราเอล ตามด้วยการขยายเครือข่ายโรงหนัง และลงทุนสร้างหนังทุนต่ำหลายเรื่อง รวมถึงการบุกเบิกธุรกิจวิดีโอในปี 1979

               ในปี 1984 เลอร์เนอร์นำหนังเก่าเรื่อง KING SOLOMON’S MINES มาสร้างใหม่ในชื่อว่า ALLAN QUARTERMAIN AND THE LOST CITY เขาขายบริษัทในอิสราเอล แล้วไปตั้งบริษัท NU METRO ENTERTAINMENT GROUP ที่กรุงโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งประกอบธุรกิจโรงหนัง วิดีโอ และเป็นตัวแทนของบริษัทภาพยนตร์ทั้งค่ายยักษ์ใหญ่และค่ายอิสระจากอเมริกา จากนั้นเขาก็ขายบริษัทอีกครั้ง แล้วไปก่อตั้งบริษัท NU IMAGE, INC. ที่ลอส แองเจลิส แล้วจึงขยายมาเป็น MILLENNIUM FILMS ในปี 1998

               เลอร์เนอร์อำนวยการสร้างภาพยนตร์โดยเฉลี่ยปีละ 15-18 เรื่อง และตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา บริษัทของเขาผลิตภาพยนตร์เป็นจำนวนมากกว่า 200 เรื่อง 

แดนนี่  ดิมบอร์ท  (ผู้อำนวยการสร้าง)

               เริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิงที่ GOLAN-GLOBUS FILMS บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ของอิสราเอล จนถึงปี 1980 เขาก็ย้ายไปทำงานที่ลอส แองเจลิส กับบริษัท CANNON FILMS ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขายต่างประเทศ หลังจากนั้นก็กลับไปสร้างหนังที่อิสราเอลอีกมากมาย แล้วจึงกลับมาทำงานที่ CANNON อีกครั้ง ดิมบอร์ทเคยดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายจัดจำหน่ายภาพยนตร์ระหว่างประเทศของ MGM จนถึงปี 1991 เขาจึงมาจับมือกับอาวี เลอร์เนอร์ ในการก่อตั้งบริษัท NU IMAGE

เทรเวอร์  ชอร์ท  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               ชอร์ทเกิดที่ประเทศซิมบับเว ศึกษาวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยซิมบับเว แล้วจึงมาต่อ MBA ที่มหาวิทยาลัยเคพทาวน์ เขาเริ่มทำงานในแวดวงธนาคารและธุรกิจ ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของ NU METRO ENTERTAINMENT ที่ต่อมาเติบใหญ่ขึ้นเป็น NU WORLD SERVICES บริษัทผลิตภาพยนตร์ที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงโยฮันเนสเบิร์ก ซึ่งลงทุนสร้างหนังทั้งในและนอกประเทศแอฟริกาใต้

โบแอซ เดวิดสัน  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               นักสร้างภาพยนตร์ผู้ผลิตผลงานเป็นจำนวนมากกว่า 70 เรื่อง เครดิตของเขาซึ่งรวมทั้งการเขียนบทและกำกับคือภาพยนตร์เรื่อง LEMON POPSICLE, LOOKING FOR LOLA, OUTSIDE THE LAW, SOLAR FORCE, SALSA, GOING BANANAS, DUTCH TREAT และ THE LAST AMARICAN VIRGIN เดวิดสันเกิดที่เทลอาวีฟ เริ่มทำงานที่ NU IMAGE/MILLENNIUM FILMS ตั้งแต่ปี 1995 ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายผลิตและงานสร้างสรรค์

โรเบิร์ต  กรีนฮัท  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               ผู้อำนวยการสร้างคู่บุญของผู้กำกับ วูดี อัลเลน ที่เคยทำงานร่วมกันในภาพยนตร์ถึง 21 เรื่อง ได้แก่ ANNIE HALL, INTERIORS, MANHATTAN, STARDUST MEMORIES, A MIDSUMMER NIGHT’S SEX COMEDY, ZELIG, BROADWAY DANNY ROSE, THE PURPLE ROSE OF CAIRO, HANNAH AND HER SISTERS, RADIO DAYS, SEPTEMBER, ANOTHER WOMAN, NEW YORK STORIES, CRIMES AND MISDEMEANORS, ALICE, SHADOWS AND FOG, HUSBANDS AND WIVES, MANHATTAN MURDER MYSTERY, BULLETS OVER BROADWAY, MIGHTY APHRODITE, EVERYONE SAYS I LOVE YOU

               นอกจากนี้ กรีนฮัทยังเคยร่วมงานกับผู้กำกับชั้นยอดอีกหลายคน อาทิ กับไมค์ นิโคลส์ ใน HEARTBURN (1986), WORKING GIRLS (1988), POSTCARDS FROM THE EDGE (1990), REGARDING HENRY (1991) และ WOLF (1994) กับซิดนีย์ ลูเม็ท ใน DOG DAY AFTERNOON (1975) และ FIND ME GUILTY (2006) กับมิลอส ฟอร์แมน ใน HAIR (1979) กับบ๊อบ ฟอสซี ใน LENNY (1974) กับมาร์ติน สกอร์เซซี ใน THE KING OF COMEDY (1982) และ NEW YORK STORIES (1989) และกับเพนนี มาร์แชล ใน BIG (1991), A LEAGUE OF THEIR OWN (1992), RENAISSANCE MAN (1994) และ THE PREACHER’S WIFE (1996)

               ภาพยนตร์ที่เขาอำนวยการสร้างจำนวนห้าเรื่อง ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ LENNY, DOG DAY AFTERNOON, ANNIE HALL, HANNAH AND HER SISTERS และ WORKING GIRL                

แมรี  วิโอลา  (ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร)

               ประธานฝ่ายผลิตของ THUNDER ROAD PICTURES ผู้เคยทำงานร่วมกับเจอร์รี บรุ๊คไฮเมอร์ ในภาพยนตร์สุดฮิตอย่าง PIRATES OF THE CARIBBEAN (2003), BAD BOY 2 (2003) และ BLACK HAWK DOWN (2001) และเคยร่วมงานกับผู้กำกับ แบร์รี ซอนเนนเฟลด์ ใน WILD WILD WEST (1999)

แคท ซามิค  (ผู้อำนวยการสร้าง)

               ซามิคเคยทำงานในกองถ่ายเรื่อง TRAINING DAY ก่อนที่จะไปหาประสบการณ์ด้วยการร่วมงานกับผู้กำกับ เจเจ แอบรามส์ ในซีรีส์ดังเรื่อง ALIAS ของสถานีโทรทัศน์ ABC จากนั้นจึงกลับมาทำงานเป็นผู้ช่วยของอังตวน ฟูคัว ในผลงานเรื่อง TEARS OF THE SUN, LIGHTNING IN A BOTTLE, KING ARTHUR, BASTARDS OF THE PARTY และ SHOOTER ก่อนเลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการสร้างใน BROOKLYN’S FINEST 

แพทริค  เมอร์เกียว  (ผู้กำกับภาพ)

               เกิดที่เม็กซิโก ในครอบครัวของฟรานซิสโก เมอร์เกียว ผู้กำกับภาพยนตร์ แพทริค เมอร์เกียวศึกษาวิชาภาพยนตร์ที่โรงเรียนภาพยนตร์แห่งเม็กซิโก และไปต่อที่สถาบัน LORENZO DE MEDICI ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี หลังจากเรียนจบ เขากลับมาทำงานที่ประเทศบ้านเกิด ด้วยการเป็นผู้กำกับภาพในซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง MOMENTO DE DECISION และในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิ EL SILENCIO DEL TIEMPO (2000), A SECOND CHANCE (2001), BEDTIME FAIRY TALES FOR CROCODILES (2002), A WONDERFUL WORLD (2006) และ BEYOND THE SKY (2006)         

บาร์บารา  ทัลลิเวอร์  (ผู้ลำดับภาพ)

               ทัลลิเวอร์เป็นผู้ลำดับภาพคู่ใจของผู้กำกับ/ผู้เขียนบท เดวิด มาเม็ท ผลงานของมาเม็ทที่เธอเป็นคนตัดต่อให้คือ HOMICIDE (1991), OLEANNA (1994), RICKY JAY AND HIS 52 ASSISTANTS (1996), THE SPANISH PRISONER (1997), THE WINSLOW BOY (1999), CATASTROPHE (2000), STATE AND MAIN (2000), HEIST (2001), SPARTAN (2004) และ REDBELT (2008)

               นอกจากมาเม็ทแล้ว เธอยังได้ร่วมงานกับผู้กำกับฝีมือเยี่ยมอีกหลายคน เช่น เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน ใน SIGNS (2002) กับ LADY IN THE WATER (2006), พอล โทมัส แอนเดอร์สัน ใน HARD EIGHT (1996) และรอว์สัน มาร์แชล เธอร์เบอร์ ใน MYSTERIES OF PITTSBURGH (2008) 

เธอรีซ  เดอเพรซ  (ผู้ออกแบบงานสร้าง)

               ด้วยประสบการณ์การทำงานมานานกว่าหนึ่งทศวรรษ ทำให้เดอเพรซเป็นผู้ออกแบบงานสร้างที่เชี่ยวชาญทั้งในวงการภาพยนตร์, ละครเวที, มิวสิควิดีโอ และภาพยนตร์โฆษณา ผลงานภาพยนตร์เรื่องเด่นของเธอมีดังนี้ LIVING IN OBLIVION (1995), I SHOT ANDY WARHOL (1996), HAPPINESS (1998), ARLINGTON ROAD (1999), SUMMER OF SAM (1999), HIGH FIDELITY (2000), HEDWIG AND THE ANGRY INCH (2001), AMERICAN SPLENDOR (2003), HOW TO LOSE A GUY IN 10 DAYS (2003), THE DOOR IN THE FLOOR (2004), DARK WATER (2005), MR. MAGORIUM’S WONDER EMPORIUM (2007), PHOEBE IN WONDERLAND (2008) และ FIGHTING (2009)

               เดอเพรซเป็นเจ้าของรางวัล SPECIAL RECOGNITION ประจำปี 1997 ในเทศกาลภาพยนตร์ซันดานซ์ จากผลงานของเธอในเรื่อง GOING ALL THE WAY

จูเลียต โพลซา  (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย)

               โพลซาเคยทำงานเป็นผู้ช่วยของดีไซเนอร์ชื่อก้องหลายคน  ผู้มีผลงานเป็นที่ยกย่องในวงการภาพยนตร์ อาทิ แอน รอธ (SABRINA), โฮพ ฮานาฟิน (UNFAITHFUL, A SIMPLE TWIST OF FATE) และซินเธีย ฟลินท์ (THE PREACHER’S WIFE, THE GOOD SON) ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งและมีผลงานโดดเด่นในภาพยนตร์อย่าง BIG NIGHT (1996), JULIAN PO (1997), THE IMPOSTORS (1998), RETURN TO PARADISE (1998), JOE GOULD’S SECRET (2000), JERSEY GIRL (2004) และ BROOKLYN RULES (2007) รวมทั้งในซีรีส์โทรทัศน์เรื่องดัง THE SOPRANOS ด้วย

               โพลซาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี 4 ครั้ง และเคยรับรางวัลจากชมรมผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย อีกทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้หญิงนิวยอร์คแห่งวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ประจำปี 2002 สำหรับผลงานการออกแบบเสื้อผ้าให้ฮอลลีวูด (DESIGNING HOLLYWOOD)
« Last Edit: March 20, 2010, 04:55:49 PM by sianbun »