pooklook on March 13, 2010, 02:41:24 PM
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน



เจไฮโซหนุ่มชื่อ “บีม ศรัณยู ประชากริช” ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง วันที่เขาแต่งรถเลียนแบบรถตำรวจ มีอาวุธไว้ครอบครอง และไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับนักข่าวสายอาชญากรรม บีมเงียบไปพักใหญ่ แต่เขายืนยันว่าการหายไปครั้งนั้นไม่ได้โดนแบน สำหรับเรื่องคดีเขาปล่อยให้ทางผู้ใหญ่จัดการ ส่วนหน้าที่การงานคือสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ขอจัดการเอง และM-open มีเรื่องราวของเขา ที่เขาเองบอกว่า ใครกันจะภาคภูมิใจหากมีใครเรียกสรรพคุณนำหน้าชื่อว่า “แบดบอย”
     
      ภาพลักษณ์ ความชอบส่วนตัว อีกทั้งสิ่งที่เคยก้าวพลาดในอดีต ทำให้บีมต้องยอมรับอดีตแบบไม่อาย หรือล้างภาพใดๆ แต่เหนือสื่งอื่นใด เขาและอดีตของคนเคยก้าวพลาด ก็อยากได้ “โอกาส” ในชีวิต จนวันหนึ่งเขาได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ในฐานะดีเจคลื่นเวอร์จิ้นฮิตซ์ 95.5 พิธีกรรายการสีสันบันเทิงสดทางช่อง 3 และละครบทร้ายที่เคยชิมลางมาแล้ว และกำลังจะออกอากาศอีกหนึ่งเรื่องอย่าง “เลื่อมพราย ลายรัก” นอกเหนือกว่านั้นคือการกำลังจะเป็นพระเอกภาพยนตร์ ที่เขาเองบอกว่า เขาพร้อมในการพัฒนาตัวเอง และเมื่อไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ เขาจึงขอให้ปัจจุบันและอนาคต เป็นตัวตัดสินตัวเขา โดยมีอดีตเป็นครู
     
      ชิ้นส่วน ที่ 1
      คำถามที่ไม่เคยได้รับความปรานี
     
      นี่เป็นครั้งแรกของการเจอหน้าบีม แบบเต็มๆหลังจากที่คดีแต่งรถล้อเลียนตำรวจของเขากลายเป็นข่าวใหญ่โต แต่การพบเจอเขาครั้งนี้ การสัมภาษณ์ก็ไม่ได้มีอาการตึงเครียดแต่อย่างใด ความเป็นคนตรงและการมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อบันเทิงของบีมยังคงเหมือนเดิม แต่บีมยอมรับว่าเรื่องคดีที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่าการไม่เปิดปากให้สัมภาษณ์กับสื่อสายอาชญากรรมทำให้เขาไม่ได้รับ ความปรานีเรื่องข่าว
     
      “จริงๆที่ผานมาไม่ได้หายไปหรอกครับ มีทั้งหนัง มีทั้งละคร แล้วมีแข่งรถพอดี ผมยังทำทุกอย่างปกติ มีเพียงรายการสดที่อาจหายไปเพราะมีแข่งรถอาทิตย์ที่มีข่าว ติดถายละครด้วย ไม่ได้ทำรายการสีสันบันเทิงอาทิตย์หนึ่งคนก็มองว่า เฮ้ย!มันโดนแบนหรือเปล่า คุณประวิทย์ (มาลีนนท์) ก็น่ารักมากครับ ผมทำงานเราก็รู้จักกันในทีมข่าวบันเทิง แล้วผมก็รู้จักพี่ๆนักข่าวหลายคน พี่ๆนักข่าวทุกคนก็ให้ความน่ารักกับผม ไม่ว่าผมจะเกิดเรื่องอะไร ค่อนข้างปกป้อง ถามคำถามน่ารัก ไม่เหมือนนักข่าวอาชญากรรม ที่วันนั้นประเด็นรุนแรงมาก”...บีมตัดพ้อน้อยใจเล็กน้อยกับข่าวที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้
     
      ชิ้นส่วนที่ 2
      นายไม่ด่า แต่ว่าในเน็ตโดนยับ
     
      บีมเล่าถึงบรรยากาศวันที่เขาตกเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ว่าหลายคนอาจคิดว่านายประวิทย์ หรือผู้ใหญ่ช่อง 3 เรียกตำหนิ แต่เขายืนยันว่าไม่ได้โดนบ่น แถมนายยังถามหาอีกต่างหาก
     
      “โปรดิวเซอร์รายการสีสันบันเทิงก็ให้ผมบอกว่านายพูดถึงนะ ผู้ใหญ่ช่อง 3 ใจดีกับผมตลอด ผมก็ตั้งใจทำงาน ไม่มีการเรียกไปตำหนิครับ เราทำงานไม่เสียนะ คุณประวิทย์ยังคิดว่ามีคนมาแบนเราหรือเปล่า คุณอ๋อง วรวรรธน์ โทรมาที่โปรดิวเซอร์ มาถามว่าเราไปไหน เขามีความเมตตาตรงนี้มาก ส่วนในเน็ตด่าเยอะครับ แต่ไม่ได้สนใจ คิดว่าเราตั้งใจทำงานก็พอแล้ว ห้ามความคิดกันไม่ได้ ด้วยความตรงบางคนก็ชอบบางคนก็ไม่ชอบ โลกไซเบอร์ก็หมั่นไส้ ผมไม่มายด์เลย มีกระทู้ด่าเยอะแยะ ผู้ใหญ่ก็บอกอย่าไปแคร์ เราคิดดี ทำดีก็พอแล้ว ผมเกิดมาหน้าตาผมก็เลวแล้ว หน้าตาผมผิดระเบียบตั้งแต่เกิดจะให้ผมทำอย่างไร ไปศัลยกรรมให้ดูดี เป็นคนเรียบร้อยขึ้นมันก็ไม่ได้”
     
      ชิ้นที่ 3
      ผมโดนล้ำเส้น
     
      ในวันที่คดีข่าวยังคงคลุมเครือ บีมเล่าว่าเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย ทั้งมีคนเอาทะเบียนรถ ประวัติส่วนตัว โยงเป็นเรื่องเป็นราวโพสต์ในอินเทอร์เน็ต เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวจนบีมบอกว่าล้ำเส้นตัวเองเช่นกัน
     
      “ผมโดนด่ามาเยอะ ผมเฉยๆแล้ว อย่างน้อยคนรอบข้าง สังคมที่รู้จักครอบครัวผม รู้จักตัวผม จิตใจดี ไม่เคยคิดด้วยว่าผมต้องไปทำร้ายใคร เด็กๆอาจจะเกเรครับ แต่โตขึ้นผมไม่แล้ว เลยเบญจเพสมาแล้ว อายุ 27 แล้ว ชอบในสิ่งที่ผมชอบ ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ไม่มายด์ที่จะมาชม มาด่า ไม่ได้เสียใจครับ แต่อยากให้โฟกัสไปที่งานดีกว่า ผมพรีเซ็นต์ตามแนวของผม อาจพรีเซนต์ในแนวที่คนไทยไม่พรีเซ็นต์กัน”
     
      “ผมเองชินกับข่าว ทุกๆอย่างเราคุยเข้าใจในแง่ของกฎหมายในแง่ของตำรวจ เขาน่ารักกันอยู่แล้ว แต่ก็โดนสื่อโจมตี หลายๆคนที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต ไม่รู้อะไรก็เอาทะเบียนรถทั้งบ้านผมมาลง แต่ละทะเบียนก็ชื่อผมหมด เพราะผมซื้อ แล้วซื้อถูกกฎหมายหมด เว็บจราจรกลางผมก็โดนร้องเรียน เอาภาพรถมาลง ซึ่งผมลงไว้ในเฟซบุ๊ก มันคือโลกของผมเล็กๆ มีผู้ประสงค์ดีเอามันไปลง เอาไปลงแล้วมันล้ำเส้นผม เขียนว่าดูขบวนการเรนเจอร์ อะไรไม่รู้ อันนี้ล้ำเส้นมาก แล้วให้ผมทำไงล่ะ ผมจับมือใครดมไม่ได้ ผมก็ทำใจ เมื่อเราอยู่ในสปอตไลต์แล้วมันต้องสู้กับตัวเอง”
     
      ชิ้นส่วนที่ 4
      “ใคร? ภาคภูมิใจถ้าได้เป็นแบดบอย...”
     
      ข่าวและภาพลักษณ์แที่แย่ ในวันที่เขาโดนยกตำแหน่ง “แบดบอย” ให้แบบไม่เต็มใจ เขาย้อนกลับว่า จะมีสักกี่คนที่ยินดีกับคำเหล่านั้น เมื่อวันที่ต้องสร้างชีวิตใหม่
     
      “ภาพลักษณ์ตอนแรก หน้าผมอาจจะเลว แล้วมีสื่อเป็นตัวกระตุ้น อุ๊ย! แบดบอย ภาพนี้คนมันจำไปแล้ว ผมก็พยายามจะทำตัวดีไปเรื่อยๆนะ สักวันหนึ่ง ผมก็ต้องแต่งงานมีลูกนะครับ จะให้ผมไปแบดบอย 20 ปีมันก็ไม่ใช่ ข่าวไม่กระทบงานครับส่วนน้อยมาก ทุกๆอย่างผมผิดเอง ผมทำให้ทุกอย่างตอกย้ำภาพลักษณ์ตัวเอง ผมโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง ชีวิตผม ผมเดินเรื่อยๆนะไม่ตั้งเป้า ผมอยากเป็นนักแสดงที่ได้รางวัลบ้าง เพราะเรื่องละครเลื่อมพราย ลายรัก ผมก็เล่นเต็มที่จริงๆ บ้าเป็นบ้า ผมตั้งใจในทุกๆย่างก้าวที่ผมเดิน”
     
      ชิ้นที่ 5
      อารมณ์ของคนขึ้นหน้าหนึ่ง
     
      สิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้น บีมบอกว่าไม่มีใครไม่ต้องการโอกาส รวมทั้งตัวเขาด้วย หากแต่อารมณ์ของคนที่โดนขึ้นหน้าหนึ่ง เขายอมรับว่ากังวลไม่น้อยและแอบเข้าใจคนหัวอกเดียวกันแบบลึกซึ้งทีเดียว
     
      “ผมสงสารหลายๆคนที่ขึ้นหน้าหนึ่งเหมือนกัน ผมนึกออกเลย แต่ตอนเราพูดเล่นๆ เรื่องของชาวบ้านมันเฉยๆไง แต่เวลาขึ้นหน้าหนึ่ง พอมาขึ้นเองแล้วเนี่ย นอยด์ คนรอบข้างจะพูดถึงเปล่าวะ เดินไปคนมองเราชนะตรงนั้นได้ก็โอเค ต้องขอบคุณแฟนที่ติดตามและให้กำลังใจ ผมจะทำตัวให้ดี แล้วก็ทำงาน ให้เต็มที่ให้ทุกคนภูมิใจแล้วไม่อยากให้เสื่อมเสียสถาบันการทำงานหรือวงศ์ ตระกูลแล้วครับ ผมเชื่อทุกคนต้องการโอกาส”
     
      ชิ้นที่ 6
      ดีเจ...งาน (โอเวอร์) ที่รัก
     
      นอกจากพิธีกรรายการสีสันบันเทิงสด และละคร งานอีกอย่างที่เขากล้าพูดว่ารัก คือการเป็นดีเจที่คลื่นเวอร์จิ้นฮิตซ์ 95.5 ที่เจ้าตัวยอมรับว่าในการจัดรายการ เขามีความเป็นตัวของตัวเองที่อาจใส่ความโอเวอรืเข้าไป เพื่อเป็นสไตล์ของตัวเขาเอง ซึ่งมีทั้งความกวนและความตรงในช่วงที่เขาจัด แต่ยืนยันว่าไม่สนใจอยากทำรายการประเภท “แฉ” แน่นอน เพราะตัวเองก็ไม่ได้ดีพอที่จะแฉใคร
     
      “บีมว่าการทำงานเราเครียดแล้วเราแสดงออกมันส่งผลต่อคนฟังด้วยครับ มันไม่สนุก สองปีกว่าแล้วที่ทำมา เป็นคลื่นที่ใจดีกับผมตลอด ปีนี้ผมตั้งใจใส่ความเป็นตัวเองลงไป มีแง่คิดของสังคมที่แปลกออกไป อยากให้ทุกคนฟังเวอร์จิ้นฮิตซ์ไปเรื่อยๆ ผมไม่ชอบเลยข่าวด้านกอสสิป ผมเห็นแล้วสมเพชเลย เปิดวิทยุ เห็นดาราด้วยกันมาเป็นพิธีกร มาเมาท์กันเอง มันคือเพื่อนร่วมอาชีพนะ ผมทำไม่ได้จริงๆ อยู่นิ่งๆ คนไม่ชอบเราก็มีอยู่แล้ว ไปทำแบบนั้นคนจะยิ่งเกลียดเราเข้าไปอีก”
     
      ชิ้นส่วนที่ 7
      ชิ้นส่วนหัวใจ
     
      “บีม” มักตกเป็นข่าวเรื่องหัวใจกับบรรดาสาวๆ มากหน้าหลายตา ทั้งได๋ ไดอาน่า ,แอริน ยุกตะทัต,พลอย เฌอมาลย์,ใหม่ สุคนธวา,ครีม เปรมสินี แต่ทุกสาวล้วนแล้วแต่มีเจ้าของไปหมดแล้ว แต่บีมบอกแคยมีคนที่ศึกษาอยู่นอกวงการ ซึ่งอายุน้อยกว่า เป็นแรงกำลังใจให้กันและกัน แต่ปัจจุบันเขาคงสถานภาพโสด
     
      “ข่าวฉาวๆไม่มีผลกับการจีบสาวหรอกครับ แต่มันอยากเจออะไรที่จริงจังแล้วตอนนี้ เชื่อเถอะครับว่าผมโสด ก็พยายามมองอยู่ เวลาผมมีปัญหาได้แต่บ่นให้ฟังบ้างสมัยมีแฟนเพราะเขาอายุน้อยกว่า ส่วนใหญ่ผมปรึกษาเพื่อนสนิท พ่อแม่ครับ”
     
      *****************************************
     
      ของรักของบีม
     
      “ครอบครัว” ****พ่อแม่ให้กำลังใจตลอด ครอบครัวโอเคครับ พ่อแม่ผมเข้าใจอะไรง่ายมาก ข่าวพวกนี้โอเคเลย มีพี่เขยผมคอยช่วยผมตลอด เพื่อนๆ ผม เขาน่ารักครับ เราไม่ใช่แบดบอยชั่วชีวิต ใครจะเป็นแบดบอยชั่วชีวิต ผมอาจจะไปชอบลูกสาวใครขึ้นมาสักคนหนึ่ง แล้วเขามองว่าเราแบดบอย ผมก็ไม่แฮปปี้ ทั้งที่ผมมีจิตใจที่อยากจะจริงใจตั้งมั่น อย่ามองภาพลบก่อนเลย ผมว่าคนเราต้องให้โอกาส ผมจะต้องสู้ ปากกัดตีนถีบอีกนานแคไหน มันต้องให้โอกาสคน
     
      “แฟนคลับ” ****ผมเป็นแบบไหนกับครอบครัว ผมก็เป็นแบบนั้นกับแฟนคลับ ผมคิดว่าเขาเหมือนครอบครัวผม ผมเกิดมาโชคดีมากที่มีคนรัก แล้วมีคนปกป้องในบางทีที่โดนล่วงล้ำอธิปไตยมากเกินไป พวกเขาก็พร้อมจะช่วย ทุกๆ 5 เดือน 3 เดือนเราก็จัดมีตติ้งกัน ทำอาหาร เล่นเกม เราก็เหมือนเพื่อนกัน”
     
      “แข่งรถ” ****แข่งรถก็ไปขับในสนามครับ ผมเป็นนักแข่งของโตโยต้าสตาร์ทีม เขาจ้างขับ ผมเต็มที่ เขาจ้างมาแล้วก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง มันคือความชอบของผมครับ ห้ามกันยาก
     
      ********************************************
     
      ชื่อ-นามสกุล : ศรัณยู ประชากริช
      ชื่อเล่น : บีม
      วันเกิด : 6 ตุลาคม 2526
      การศึกษา : ปริญญาตรี จาก Academy of Art University San Francisco, USA
      งานอดิเรก : ทำรถ(Modified) รถยนต์,มอเตอร์ไซค์ / ดูหนัง / Fitness
      ผลงาน : ดีเจคลื่นเวอร์จิ้นฮิตซ์ 95.5 จันทร์-ศุกร์ 19.00-22.00น. ,พิธีกรรายการสีสันบันเทิงสด ,ละครเลื่อมพราย ลายรัก (ออกอากาศปลายมีนาคมนี้) และกำลังมีภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่อง