วรรณคดีไทย…ทุนทางวัฒนธรรมชาติที่เด็กรุ่นใหม่กำลังหลงลืม
ในขณะที่เยาวชนไทยหลายๆ คนในปัจจุบัน ต่างหลงใหลในมนต์เสน่ห์นวนิยายแฟนตาซีที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกอย่าง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” หรือละครซีรีส์สุดแสนโรแมนติกจากแดนโสม แต่กลับมีเยาวชนไทยเพียงไม่กี่คนที่จะซาบซึ้งในความงามของวรรณคดีไทย ผลงานที่เกิดจากการตกผลึกทางความคิดและจินตนาการของเหล่ากวีจากแผ่นดินสยาม การเสพความงามของบทกลอนในวรรณคดีไทยเกิดขึ้นเพียงเพราะเป็นสิ่งที่บรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอน
และเป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งๆ ที่วรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น พระอภัยมณี รามเกียรติ์ ขุนช้างขุนแผน มีเรื่องราวที่ชวนติดตาม สนุกและสามารถเติมเต็มจินตนาการได้ไม่แพ้ชาติอื่นๆ ทั้งยังสอดแทรกคติสอนใจเข้าไปในเนื้อเรื่อง แต่ทำไมเยาวชนไทยในปัจจุบันจึงไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก
หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติของเยาวชนไทยที่มีต่อวรรณคดีไทย ส่วนใหญ่มองว่ามีเนื้อเรื่องที่ซ้ำๆ เชย ไม่ตามสมัย ไม่สมเหตุสมผล และบ่อยครั้งที่มักเข้าใจได้ยากด้วยการร้อยเรียงทางภาษาที่ซับซ้อน ทั้งยังมีวิธีการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาไม่น่าสนใจเท่าที่ควร ขณะที่สื่อต่างชาติกลับมีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจกว่า ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร การ์ตูนเอนิเมชั่น ทั้งยังมีความแปลกใหม่ของเนื้อหาและการนำเสนอ ให้สามารถตามกระแสอินเทรนด์กับหมู่เพื่อนๆ ได้
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลายองค์กรเริ่มตระหนักเห็นถึงความสำคัญ และต้องการอนุรักษ์ความงดงามของวรรณคดีไทยเอาไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชม โดยการหยิบยกเรื่องราวในวรรณคดีไทยมาทำให้เป็นรูปธรรม เข้าใจได้ง่าย และสนุกสนาน ล่าสุดทาง สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล กรุงเทพฯ ได้ขอเป็นส่วนหนึ่งในการให้ปลุกจินตนาการมหัศจรรย์ของสัตว์น้ำแห่งโลกวรรณคดี เพื่อให้ความรู้และสร้างกระแสให้เยาวชนไทยหันมาเห็นคุณค่าของวรรณคดีไทย ด้วยการเนรมิตเรื่องราวต่างๆ ที่อยู่ในตำนานและวรรณคดีของไทยให้กลับมาโลดแล่นบนเวทีผ่านการแสดงสุดตื่นตาตื่นใจชุด “สุดสาครปราบม้านิลมังกร” ซึ่งเยาวชนจะได้สัมผัสกับความอลังการของม้านิลมังกรเสมือนจริง บนเวทีที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นโลกแห่งจินตนาการของเกาะแก้วพิสดาร พร้อมชมการกำเนิดแห่งมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างม้านิลมังกรกับสุดสาคร
นอกจากนี้ยังเพิ่มความตื่นเต้นด้วยการแสดงใต้น้ำชุด “มหัศจรรย์สัตว์น้ำวรรณคดีไทย” ที่นอกจากเยาวชนจะได้เรียนรู้เรื่องราวที่อยู่ในวรรณคดีไทย “พระอภัยมณี” ยังจะได้ตื่นเต้นไปกับความอลังการของการแสดงใต้น้ำของเหล่าสัตว์น้ำในวรรณคดีไทย ไม่ว่าจะเป็น “ศฤงคมัสยา” สัตว์น้ำที่มีหงอนยักษ์สีทองอร่ามในเรื่องรามเกียรติ์ ช่วยชีวิตมนุษย์นับพันที่อยู่บนเรือลำสุดท้ายของโลก หรือ “มัจฉานุ” ลูกของหนุมาน กับสุวรรณมัจฉา มีความเก่งกล้าสามารถทั้งในน้ำ และบนบก เป็นที่เกรงกลัวชองเหล่าลิงทั่วไป และ “กุญชรวารี” หน้าตาคล้ายช้าง ขาหน้าเป็นขาช้าง แม้รูปร่างใหญ่ แต่ดำน้ำไว อาศัยในทะเลแห่งป่าหิมพานต์
นอกจากการแสดงที่น่าประทับใจ และเกร็ดความรู้ที่สอดแทรกอยู่ในงานแล้ว สยาม โอเชียน เวิร์ล ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนยังได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษที่จะเพิ่มความรู้พร้อมความสนุกให้กับคุณหนูๆในงานอีกด้วย อาทิ เกมส์ Paper mask ที่เปิดโอกาสให้คุณหนูๆได้เลือกสัตว์น้ำในวรรณคดีที่ชอบแล้วสร้างหน้ากากของตัวเอง เกมส์ Thai literature book game kiosk ให้คุณหนูๆ ได้ลองค้นหาดูสัตว์น้ำในวรรณคดีว่าหน้าตาเป็นเช่นไร โดยใช้วิธีฝนดินสอลงบนกระดาษแล้วภาพจะปรากฏขึ้น เกมส์Giant magnet ให้คุณหนูๆได้ร่วมสร้างสัตว์น้ำในจินตนาการของตนเองกับแม่เหล็กพิเศษ และตื่นตาตื่นใจไปกับจิตรกรรมฝาผนังภาพเสมือนจริงของพญานาคาที่มีความยาวกว่า10 เมตร พร้อมตำนานอันน่าทึ่งของพญานาคา จากจินตนาการของนักวาดรูปมืออาชีพ และยังจะได้เพลิดเพลินกับ Creative drawing ผลงานจากศิลปินรุ่นเยาว์ที่ได้รับการคัดเลือกให้สร้างสรรค์ภาพสัตว์น้ำในจินตนาการของตนเองภายใต้คำแนะนำของคุณรอง- จิตต์สิงห์ สมบุญ จิตรกรชื่อดัง
ทั้งหมดนี้ นับเป็นความพยายามของสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลที่จะดึงดูดใจเยาวชนไทยด้วยรูปแบบการนำเสนอที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้เด็กไทยยังคงไม่หลงลืมเรื่องราวของวรรณคดีไทยไปไม่มากก็น้อย เพราะวรรณคดีไทยเป็นมรดกที่บรรพบุรุษไทยได้สร้างไว้ ซึ่งมีคุณค่าทางภาษา สะท้อนวิถีชีวิตและค่านิยมไทยในแต่ละยุค ไปพร้อมๆ กับสอดแทรกแง่คิดที่เป็นประโยชน์ในทุกยุคทุกสมัย
ผู้ปกครองสามารถร่วมส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักในคุณค่าของวรรณคดีไทย และค้นหาเรื่องราวความเป็นมาของสัตว์น้ำในวรรณคดีชนิดต่างๆ ที่จะพาคุณเข้าไปในจินตนาการแห่งโลกวรรณคดีไทยได้ลึกล้ำยิ่งขึ้นได้ใน
“ปลุกจินตนาการ สัตว์น้ำวรรณคดีไทย:
Mythical Adventures from the Depth of Thai Legends”
ได้ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม – 16 พฤษภาคมนี้
ที่ สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ชั้น B1 ศูนย์การค้า สยามพารากอน
