นายกฤตเมธ กล่าวเสริมว่า จากการผลักดันประเทศไทยกำลังพัฒนาเป็นศูนย์กลาง EV Hub ระดับภูมิภาคและเข้าสู่ Carbon Neutrality การใช้รถไฟฟ้าจึงเป็นหนึ่งในตัวช่วย และกำลังเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยนโยบาย EV แห่งชาติของประเทศไทยส่งเสริมการพัฒนารถไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2021 – 2035 ครอบคลุมทั้งระบบ รวมถึงส่งเสริมการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยสิทธิประโยชน์ที่กลุ่มบริษัทได้รับ คือ เงินอุดหนุนจำนวน 18,000 บาทต่อคัน สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ BEV ไปจนถึงสิ้นปี 2568 และขยายระยะเวลาให้กับผู้ที่จดทะเบียนรถไม่ทันในช่วงสิ้นปี 2568 ไปจนถึงสิ้นวันที่ 31 มกราคม 2569 โดยกลุ่มบริษัทได้รับการสนับสนุนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งหมด 9 รุ่น
“นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือ BOI ระยะเวลา 3 ปี และเพิ่มสูงสุดที่ 5 ปี หากมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ รวมทั้ง ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วน ซึ่งกลุ่มบริษัทได้ 5 ชิ้นส่วน จากทั้งหมด 9 ชิ้นส่วน ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ คอนโทรลเลอร์ ระบบบริหารแบตเตอรี่ และคอนเวอร์เตอร์ สอดคล้องกับแผนการลงทุนของ MTW สยายปีกเข้าไปในธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ คาดจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม และจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จ ภายในไตรมาส 1/2567”
นายกฤตเมธ กล่าวเพิ่มเติมต่อไปว่า สำหรับแผนต่อจากนี้ หลังจากเปิดโรงงานแห่งใหม่ในช่วงไตรมาส 3/66 ทำให้กำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเดโก้อยู่ที่ 2 แสนคัน/ปี ด้วยปัจจัยบวกข้างต้นผนวกกับความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเสริมแกร่งให้กับเดโก้ในการกระจายสินค้าและเข้าถึงความต้องการของตลาดด้วยบริการหลังการขาย พร้อมกันนี้จากปัจจัยการส่งเสริมจากรัฐบาลในเรื่องของ EV 3.0 ซึ่งเดโก้เป็นเจ้าแรกที่ได้รับการส่งเสริมมาตรการนี้และได้รับประโยชน์ ซึ่งบริษัทได้ติดตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2567 - 2570) โดยให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการ EV3.0 สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการใหม่นี้เพิ่มเติมได้ ซึ่งทางกลุ่มบริษัทมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
”ที่สำคัญเดโก้ยังคงเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีส่วนช่วยสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยภาครัฐในการขับเคลื่อนนโยบายสู่การใช้รถ EV ให้ได้ 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579” นายกฤตเมธ กล่าวทิ้งท้าย