บทความพิเศษ
วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ชาติ สะท้อนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล เศรษฐา 1 (ภาคต่อ)
ความรู้บนโลกนี้ ล้วนมาจากทฤษฎีเดียว คือ หยิน หยาง ... การตลาดก็เช่นกัน DEMAND กับ SUPPLY การบริหารประเทศก็เหมือนกัน ... เช่น ถ้าเราขาดดุลย์การชำระเงิน แสดงว่าเราซื้อของหรือนำเข้ามามากกว่าขายไปหรือส่งออก ... เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลทุกรัฐบาลมักจะคิดว่า ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ สร้างอุปสงค์ DEMAND ขึ้น แต่ต้องดูว่าสร้างแล้ว เป็นอุปสงค์ปลอมหรือเปล่า ? บางทีอุปสงค์อาจมีแนวโน้มดีขึ้นอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกระตุ้นมันก็จะโตเอง บางครั้งรัฐบาลหลายประเทศก็บริหารผิดพลาด อาจต้องปรับลดอีกด้านคือ อุปทาน SUPPLY เพื่อให้สมดุล BALANCE ก็ได้ ตัวอย่างเช่น ประเทศ เวเนซูเอล่า อาเจนตีน่า ศรีลังกา ลาว และจีน ตอนนี้ศรีลังกา ลาว ลงทุนมากเกินไป โดยการกู้ จริง ๆ การลงทุนของรัฐ ไม่ต้องกู้ ให้จีนมาลงทุนแทนโดยไม่ต้องใช้เงินสักบาทก็ได้ และให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์การลงทุนไป 30-50 ปีแทน รัฐบาลก็ไม่เป็นหนี้ ที่จีนเองก็เหมือนกันตอนเศรษฐกิจโต ปีละ 10% มาจากอะไร? ส่งออกแรก ๆ ใช่ หลัง ๆ ไม่ใช่ มันมาจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือต้องการ ทำ DUAL TRADE กระตุ้นให้ พึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศให้ได้ 60% ส่งออกแค่ 40% ทำได้ แต่ทำเร็วไป มีปัญหาเพราะคนเก็งกำไร ในภาคอสังหาริมทรัพย์มากเกินจริง ไม่ใช่ DEMAND จริง สุดท้าย ก็เกิดฟองสบู่ เศรษฐกิจถดถอย แต่เขาไม่ให้พูดคำนี้กัน...เพราะยิ่งบอก ยิ่งแย่ คนยิ่งไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ตอนนี้ประเทศไทย รัฐบาลเศรษฐา 1 ควรบริหารอย่างไร ? เรื่องแรกเลย คือ เรื่องพลังงานและโรงไฟฟ้า มี SUPPLY เกินความต้องการ ไม่ควรซื้อเพิ่ม แต่ต้องลด หรือขายให้เพื่อนบ้าน เพื่อให้ขาดเล็กน้อยสัก 20% แล้วรัฐบาลส่งเสริมการผลิต SOLAR CELL ในประเทศ สนับสนุนทุกด้านให้เกิดให้ได้ ตอนนี้มีเอกชน 2-3 รายแล้ว แต่ทำเพื่อส่งออกและไม่ได้ขายในประเทศ รวมถึงส่งเสริมให้ อบต. เทศบาล อบจ. สอนและส่งเสริม อาชีพชาวบ้านคนหนุ่มคนสาว START UP ของจริงที่จับต้องได้ ควรส่งเสริมแบบนี้ ให้ติดตั้ง SOLAR ROOF TOP ให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟรี หรือผ่อนจ่ายแทนค่าไฟได้ ! นี่จะเป็นการพลิกหน้าพลิกหลัง ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าดีขึ้น ยังมี อบต. เทศบาล ลองดูว่ามีพื้นที่ว่างของรัฐ ตรงไหนบ้างที่ทำประโยชน์ได้ ประกาศเป็นพื้นที่พัฒนา เมืองใหม่ ให้เอกชนไปลงทุน เป็นศูนย์ค้าส่ง แหล่งท่องเที่ยว ตลาด โรงแรม 3 ดาว ให้พ่อค้า นักท่องเที่ยวไปพัก และสุดท้าย ระยะยาว ให้ส่วนกลาง กระทรวง ทบวง กรม กระจายอำนาจไปท้องถิ่น เช่น ตำรวจ ทหาร ไฟฟ้า ประปา ท่องเที่ยว สรรพากร สรรพสามิต ให้ผู้ว่า และนายก อบจ. แบ่งหน้าที่กันดูแล แรก ๆ ส่วนกลางอาจจะสนับสนุนเงินลงทุนมาให้ ต่อมามีรายได้ให้ส่งส่วนกลาง 50% อีก 50% เป็นงบบริหารตนเอง เหมือนการบูรณาการในยุคผู้ว่าหมูป่าช่วย 13 หมูป่าให้รอดชีวิตได้ เพราะรวมพลังกันทุกภาคส่วน ภาคเกษตรก็ควรปรับปรุงเป็นเกษตรอุตสาหกรรมพัฒนาขนาดใหญ่ของจังหวัด หรือเกษตรอินทรีย์ ขนาดย่อม สำหรับ ผัก ผลไม้ สมุนไพร เป็นต้น เพื่อการส่งออกและส่งเสริมบริโภคในประเทศ... หรือถ้ารัฐฯขี้เกียจทำงานเยอะ ก็ไปส่งเสริม แม่เหล็ก เอกชนให้ทำ ศูนย์ค้าส่ง แหล่งท่องเที่ยว ตลาดโอท็อป หรือ สามล้อไฟฟ้า EV แต่ต้องมีเงื่อนไขให้ทำเพื่อบริการ SME หรือ คนตัวเล็ก เก็บค่าเช่า อย่างถูกๆ ไม่แพงเกินจริงวิเคราะห์โดย ดร.วิโรจน์ กุศลมโนมัย
กูรูตลาดนีช เพื่อ SME ไทยไปไกลทั่วโลก !