อย่างแรกเราต้องทำเคหะสุขประชาให้เป็น Human Company หรือ มีความเป็นมนุษย์เข้าใจแก่นแท้ และธรรมชาติขององค์กร แต่ตอนนี้ถ้าหากให้คนในองค์กรอธิบายธรรมชาติขององค์กร ทุกคนก็จะอาจจะพูดกันเป็นคนละแบบ ซึ่งหน้าที่ของผม คือ การให้ทุกคนในเคหะสุขประชาพูดในสิ่งเดียวกัน
สำหรับมนุษย์ที่ชื่อ "เคหะสุขประชา" ต้องมีบทบาท 2 ข้อสำคัญ ดังนี้
• บทบาทที่หนึ่ง คือ ผู้นำเส้นทางที่มั่นคง( Navigator to stability ) ที่มากับแนวทาง สู่โอกาสการสร้างชีวิต ที่เลี้ยงดูตนเองได้อย่างมั่นคง
• บทบาทที่สองคือ ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุน ( Supporter to betterment ) ที่มากับความเข้าใจ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตสู่ความเสมอภาค
"เคหะสุขประชา จึงเสมือนเป็นผู้นำทาง และผู้สนับสนุน เพราะเราไม่ได้มีแค่บ้านราคาถูก ไม่ได้ขายแค่บ้านสี่เหลี่ยม แต่มาพร้อมกับอาชีพ การฝึกทักษะการทำงานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเกษตร งานช่าง งานบริการ งานการตลาด งานออนไลน์ ผมมองว่านี่ คือความพิเศษเป็นพลังที่เข้มแข็ง จุดเด่นคือ การให้โอกาสเพื่อสร้างความมั่นคง และชีวิตที่ดีขึ้น ที่สำคัญจะพึ่งพาตัวเองได้ต่อไปในอนาคต"
เมื่อเรามีเจตนารมณ์ที่ชัดเจน เข้าใจในวัตถุประสงค์ (Purpose) ว่าจะเป็นทั้งผู้นำทาง และผู้สนับสนุนให้กับกลุ่มครัวเรือนเปราะบางให้เขามีบ้านเช่าพร้อมอาชีพเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และต้องได้อย่างยั่งยืนในอนาคต หน้าที่สำคัญของผมคือ ต้องคุมวัตถุประสงค์ให้อยู่ในร่องเดียวกัน เพื่อสร้าง Branding ให้เป็นในทิศทางเดียวกัน จนทำให้เกิดพฤติกรรมเรียนรู้ในทุกๆ เพื่อพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างถูกต้อง
เพราะทั้งหมดนี้ คือ การเดินทางแห่งคุณค่า (Journey of value) ที่ไม่มีวันหยุด แม้คนจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปกี่รุ่นก็ตาม แต่ทุกคนจะรู้ว่านี่ คัมภีร์ของแบรนด์ และ คัมภีร์ของแบรนด์นี้ เรียกว่า "วิถีสุขประชา" ซึ่งเป็นวิถีในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้น สร้างโอกาส สร้างอาชีพเพื่อการเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ นี่คือ Purposeful Brand แบรนด์ที่มีเจตนารมย์และเป้าหมายที่มุ่งมั่นชัดเจน ในการมอบโอกาสและวิถีทางเพื่อสร้างชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น สู่การมีชีวิตที่ยั่งยืน
คุณดลชัย กล่าวอีกว่า นี่คือความภูมิใจของเคหะสุขประชา โดยเฉพาะการทำให้กลุ่มครัวเรือนเปราะบางเกิดความเสมอภาค ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่พวกเราต้องทำ และพูดกับทุกคนในสังคมได้รับรู้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนกลุ่มไหน แต่ทุกคนเสมอภาค มีความเป็นมนุษย์เท่ากันหมด ไม่ว่าจะยากดี มีจน ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง ตัวผมเองก็เชื่อมั่นในเรื่องนี้มาตลอด และชื่นชมค่านิยมขององค์กรของเคหะสุขประชา ที่ให้ความเสมอภาคกับทุกคน การได้เข้ามาร่วมงานกับเคหะสุขประชา จึงถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก ที่จะได้ช่วยเหลือสังคมในมุมที่ผมถนัด เช่นเดียวกันกับเคหะสุขประชาที่เกิดมาเพื่อยกระดับสังคมให้ดีขึ้น และเกิดความเสมอภาคกันได้ในที่สุด
"การได้เข้ามาร่วมเป็นที่ปรึกษาใน Social Enterprise ถือเป็นอีกพันธกิจที่ผมอยากทำ เมื่อเรามีความรู้ ความสามารถก็ต้องนำสิ่งที่เรากลับคืนให้กับสังคม ปัจจุบันผมก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงการได้เข้ามาช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาให้พวกเขามีแพลตฟอร์มในการทำงาน และล่าสุดการเข้ามาร่วมเป็นที่ปรึกษาด้านแบรนด์ดิ้ง ให้กับเคหะสุขประชานี้จะช่วยกันผลักดันวิถีสุขประชาให้ช่วยยกระดับสังคม เกิดความเสมอภาคต่อไปในอนาคต"