enjoyjam.net » news & activity » news & activity (Moderators: happy, sianbun) » วช. หนุนทีมวิจัย มสธ. มก. และ ทช. ศึกษาระบบนิเวศ โครงการสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลน « previous next » Print Pages: [1] Go Down happy on May 23, 2023, 04:35:37 PM วช. หนุนทีมวิจัย มสธ. มก. และ ทช. ศึกษาระบบนิเวศ โครงการสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.9 จังหวัดจันทบุรีสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้การสนับสนุนทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ศึกษาวิจัยระบบนิเวศป่าชายเลน บริเวณพื้นที่โครงการสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.9 จังหวัดจันทบุรี เพื่อสำรวจและศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพทั้งพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ สัตว์หน้าดินและสัตว์น้ำ รวมถึงลักษณะทางนิเวศ เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์การเจริญเติบโตของไม้ป่าชายเลน สภาพทางอุทกวิทยา และปฐพีวิทยาในสวนป่าชายเลน ประเมินการกักเก็บคาร์บอนของป่าชายเลนในพื้นที่โครงการ ศึกษาแนวทางการสร้างความตระหนักและเพิ่มศักยภาพชุมชนท้องถิ่นโดยรอบพื้นที่โครงการในการมีส่วนร่วมบริหารจัดการป่าชายเลนและทรัพยากรชายฝั่ง ตลอดจนศึกษาแนวทางการฟื้นฟูและเสริมสร้างระบบนิเวศป่าชายเลน ในพื้นที่โครงการอย่างยั่งยืน ในโครงการสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.9 จังหวัดจันทบุรีดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. เป็นกลไกสำคัญของรัฐในการขับเคลื่อนให้การสนับสนุนงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์คิดค้นหรือนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมของป่าชายเลนในปัจจุบัน พบว่าส่วนใหญ่มีสภาพเสื่อมโทรม ทั้งนี้เนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น การนำทรัพยากรมาใช้ประโยชน์เกินกำลังของธรรมชาติจะผลิตทดแทนได้ การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งก่อสร้าง และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพนิเวศป่าชายเลนโดยตรง ในขณะเดียวกันพบว่า ปัจจุบันมีหลายชุมชน หลายองค์กรได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าชายเลนจึงได้มีการร่วมมือกันฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนให้กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ มีการใช้ประโยชน์จากป่าชายเลนเป็นไปในแนวทางที่ยั่งยืน ซึ่งโครงการสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.9 เป็นตัวอย่างโครงการหนึ่ง ที่หลายภาคส่วนได้ร่วมกันฟื้นคืนความอุดมบูรณ์ให้กับป่าชายเลนดร.สุธิดา มณีอเนกคุณ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดเผยว่า โครงการวิจัยนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง มสธ. ทช. และ มก. ภายใต้แนวคิด “ป่าชายเลน” เป็นทรัพยากรธรรมชาติหรือขุมทรัพย์ของชายฝั่งทะเลอย่างแท้จริง ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล สำหรับโครงการสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.9 ตั้งอยู่ในท้องที่บ้านเสม็ดงาม หมู่ที่ 10 ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 518 ไร่ ซึ่งโครงการสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนฯ ดังกล่าว นอกจากสร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และนับเป็นสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนแห่งแรกของโลก ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม จัดแสดงพรรณไม้ป่าชายเลนจากพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของโลกและเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และแหล่งศึกษาวิจัย สร้างองค์ความรู้ในทางพฤกษศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ เป็นสถาบันแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านพฤกษศาสตร์ การใช้ประโยชน์จากพรรณไม้ป่าชายเลนที่เหมาะสมและเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals, SDGs) ของสหประชาชาติ วัตถุประสงค์ของโครงการวิจัยเพื่อศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพและลักษณะทางนิเวศวิทยาของพื้นที่นากุ้งร้าง วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของการเติบโตของไม้ป่าชายเลนและสภาพทางอุทกวิทยา รวมถึงปฐพีวิทยาในสวนป่าชายเลน ประเมินการกักเก็บคาร์บอนของป่าชายเลน สร้างความตระหนักเพื่อเพิ่มศักยภาพชุมชนท้องถิ่น ในการมีส่วนร่วมบริหารจัดการป่าชายเลนและทรัพยากรชายฝั่งอย่างยั่งยืนดร.สุธิดา กล่าวว่า ผลจากการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ พบพันธุ์ไม้ในป่าชายเลนธรรมชาติ จำนวน 14 วงศ์ 24 สกุล 28 ชนิด โดยพบ โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) ฝาดดอกแดง (Lumnitzera littorea (Jack) Voigt) และฝาดดอกขาว (Lumnitzera racemose) เป็นชนิดไม้เด่นในสังคม และผลการสำรวจสัตว์ป่า พบว่าสัตว์ป่าในพื้นที่มีมากถึง 149 ชนิด แบ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 8 ชนิด นก 120 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 14 ชนิด และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 7 ชนิด โดยในจำนวนนี้พบนกที่ถูกจัดอยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered-CR) 1 ชนิด คือ นกโจรสลัดเกาะคริสต์มาส (Fregata andrewsi) ผลการศึกษาแพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ สัตว์หน้าดิน และสัตว์น้ำ พบความหลากหลายมากที่สุดในพื้นที่ป่าชายเลนธรรมชาติ รองลงมาคือพื้นที่แปลงปลูกฟื้นฟูป่าชายเลนปี 50 รองลงมาแปลงปลูกฟื้นฟูป่าชายเลนปี 51 และพบน้อยที่สุดในพื้นที่นากุ้งร้างที่ยังไม่มีการปลูกฟื้นฟูป่าชายเลน จึงสามารถกล่าวได้ว่าระบบนิเวศป่าชายเลนภายหลังการปลูกฟื้นฟูจะมีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น มีลักษณะใกล้เคียงกับป่าธรรมชาติภายหลังจากการปลูกฟื้นฟูไปเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี การศึกษาลักษณะทางอุทกวิทยาต่อโครงสร้างของป่าชายเลน พบว่าสามารถจัดแบ่งสภาพทางอุทกวิทยาภายในพื้นที่โครงการได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. น้ำระบายปกติ (Undisturbed) 2. น้ำระบายช้า (Impaired) 3. น้ำท่วมถึงน้อยครั้ง (Elevated) และ 4. น้ำขัง (Waterlogged) ลักษณะทางอุทกวิทยามีอิทธิพลต่อความสูงของไม้โกงกางในพื้นที่ศึกษา โดยระบบอุทกวิทยาที่ "น้ำระบายปกติ" และ "น้ำท่วมถึงน้อยครั้ง" ส่งผลให้ต้นไม้สูงมีค่าความสูงมากกว่าระบบที่ "น้ำระบายช้า" และ "มีน้ำขัง" และมีผลต่อพื้นที่หน้าตัดของต้นไม้โดยรวม ผลการศึกษาการกักเก็บคาร์บอนของป่าชายเลน มีค่าเท่ากับ 495.49, 640.96, 695.34 และ 1,227.41 ตันคาร์บอนต่อเฮกเตอร์ จะเห็นได้ว่าบ่อกุ้งร้างมีการเก็บคาร์บอนต่ำที่สุด เนื่องจากผลของการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินจากป่าธรรมชาติเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง โดยมีการขุดหน้าดินออกไปส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนสู่บรรยากาศ อย่างไรก็ตามการปลูกป่าฟื้นฟูในพื้นที่บ่อกุ้งร้างส่งผลทำให้ดินมีการกักเก็บคาร์บอนได้เพิ่มมากขึ้น โดยการกักเก็บคาร์บอนในดินมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเมื่อแปลงปลูกป่าฟื้นฟูมีอายุเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการฟื้นฟูป่าด้วยการปลูกไม้ป่าชายเลนจึงมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่บ่อกุ้งร้าง การศึกษาการสร้างความตระหนักและเพิ่มศักยภาพชุมชนท้องถิ่นที่อยู่รอบสวนพฤกษศาสตร์ฯ 2 แห่ง ได้แก่ ชุมชนตำบลหนองบัว อำเภอเมือง และชุมชนตำบลบางสระเก้า อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี พบว่า ชุมชนทั้งสองแห่งได้ริเริ่มฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างมาเป็นระยะเวลานานกว่า 15 ปี จนในปัจจุบันชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ป่าชายเลนหลากหลายรูปแบบทั้งไม้ใช้สอย อาหารประเภทสัตว์น้ำ และการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในชุมชนได้ผลการศึกษาแนวทางการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนอย่างยั่งยืน ซึ่งจากการประชุมระดมความคิดเห็นหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาชนและเอกชนที่เกี่ยวข้อง สามารถสรุปแนวทางการจัดการระบบ นิเวศป่าชายเลนได้เป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนของพื้นที่, การบริหารจัดการสวนพฤกษศาสตร์ และการศึกษาวิจัย ซึ่งแบ่งย่อยเป็น 18 แนวทาง โดยผลที่ได้จากการศึกษาทั้งหมดจะสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเสริมสร้าง และสนับสนุนให้การดำเนินงานของสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.9 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งประสิทธิผลตอบสนองนโยบายที่ทางราชการกำหนดไว้ ตลอดจนใช้ในการเผยแพร่ให้ความรู้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติเป็นการต่อเนื่องสืบไป Logged Print Pages: [1] Go Up « previous next » enjoyjam.net » news & activity » news & activity (Moderators: happy, sianbun) » วช. หนุนทีมวิจัย มสธ. มก. และ ทช. ศึกษาระบบนิเวศ โครงการสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลน