กระทรวงพลังงาน ผนึกกำลังกับ สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (TSAST) และ CAS-ICCB
จัดงาน “2023 Green Technology Expo” เดินหน้ากำหนดแผนลดการปล่อย GHG
พร้อมหนุนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และส่งมอบโลกให้คนรุ่นใหม่
10 เมษายน 2566, กรุงเทพมหานคร – กระทรวงพลังงาน สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน (TSAST) และ Chinese Academy of Sciences, Innovation Cooperation Center Bangkok (CAS-ICCB) ร่วมกันประกาศการจัดงาน “2023 Green Technology Expo” สนับสนุน UN Policy และนานาชาติ แก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate change อันเป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อมนุษยชาติ และทุกชีวิต พร้อมสนับสนุนการพัฒนาแบบยั่งยืน (SDG) และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy) และหนุนประเทศไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์รุ่นใหม่ Next Generation Automobile หนุนการประกอบธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบโลกที่สวยงามให้คนรุ่นต่อไป ดร.วีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการผลิตทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรมมีผลต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มพื้นที่เมือง และลดพื้นที่ป่า สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม เกิดการสะสม Green House Gas (GHG) เกินกว่าที่ธรรมชาติจะรับได้ จนเกิดปัญหาภาวะโลกร้อน หรือ Global Warming ย้อนกลับมามีผลกระทบต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ภาคบริการ และการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างที่ทุกคนรับทราบ และเผชิญปัญหาร่วมกัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไข สำหรับประเทศไทย ได้ร่วมให้สัตยาบัน ในการประชุมนานาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก กรุงปารีส ที่จะร่วมลด GHG ให้ได้ร้อยละ 20-25 ในปี2573 เพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และมีนโยบายส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าด้วยมาตรการทางภาษี ทั้งผู้ผลิต และผู้ใช้ เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค กระทรวงพลังงานมีแผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก โดยกำหนดจะลดปริมาณ CO2 ในการผลิตกระแสไฟฟ้า 1 หน่วย ให้เหลือครึ่งหนึ่ง ในปี 2580 และการจัดงาน “2023 Green Technology Expo” ครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่จำเป็นในศตวรรษหน้า โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) และ ปตท. ร่วมสนองนโยบาย Next Generation Automobile และการดำเนินธุรกิจในอนาคต ดร. พิชัย สนแจ้ง เลขาธิการสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน กล่าวว่า สมาคมเห็นว่าการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนต้องเกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนการผลิตและกระบวนการทั้งภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และบริการ ซึ่งต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพัฒนานวัตกรรม การจัด “2023 Green Technology Expo” ครั้งนี้ เพื่อให้เกิดการกระจาย การใช้ การพัฒนาเทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรม โดยเป็นพื้นที่ให้เกิดการพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเจ้าของเทคโนโลยี นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้สนใจทั่วไป ที่จะร่วมกันเสนอเทคโนโลยี และความคิดใหม่ ต่อยอดความรู้ แก้ปัญหา และสนองความต้องการ ซึ่งจะเกิดทั้งBusiness Matching และ Technology Matching สร้างธุรกิจที่สนองนโยบาย SDG และ BCG-Economic ของ UN และนโยบายของประเทศ Dr.Jiang Biao ผู้อำนวยการ CAS-ICCB กล่าวว่า CAS-ICCB ขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทย โดยยึดหลัก mutual benefit และ sincerity สำหรับความร่วมมือในการจัด 2023 Green Technology Expo ครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเกิดการยกระดับคุณภาพชีวิต กระจายเทคโนโลยีและการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา หรือร่วมปกป้อง ป้องกันวิกฤตและส่งต่อโลกที่สวยงามและยั่งยืนสู่คนรุ่นต่อ ๆ ไป ควบคู่กับการเติบโตทางธุรกิจ Mr.Yang Ming, TusPark WHA Representative รองประธานอาวุโสของ Tus-Holding Co., Ltd, รองประธาน Tus-S&T Service Co., Ltd. ได้กล่าวว่า Tus-Holding เป็นกลุ่มบริษัทร่วมลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีศูนย์บ่มเพาะและอุทยานวิทยาศาสตร์ในเมืองใหญ่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หน่วยงานวิจัย และกลุ่มบริษัท WHA และกล่าวว่าหนทางเดียวที่จะเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวกับ Green Technology, Environment Protection, New Energy และอื่น ๆ ไม่ใช่เพื่อประเทศใด แต่เพื่อมนุษยชาติ 2023 Green Technology Expo เป็นงานจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความสำคัญต่อโลกในอนาคต ภายใต้แนวคิด “Towards the Transition to Newer, Cleaner, Sustained ever Green Technology” โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ EV Mobility, Storage & Charger & Component, Green Energy และ Green Tech & Green Product การจัดการน้ำ มลพิษทางอากาศ การจัดการของเสีย เป็นต้น ซึ่งนอกจากการจัดแสดงเทคโนโลยีภายในงานแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การบริการให้คําปรึกษาด้าน Green Energy ทั้งในระดับอุตสาหกรรมและครัวเรือน การเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ Green Technology นโยบายและการส่งเสริมจากภาครัฐ รวมถึงการเจรจาธุรกิจและความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยี โดยงานกำหนดจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 9 – 12 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) Hall 98-99 นอกจากนี้ ในงานแถลงข่าวการจัดงาน 2023 Green Technology Expo นี้ ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง สมาคมวิทยาศาสตร์ฯ และสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CCPIT) และ TusPark WHA เพื่อสนับสนุนการจัดงานโดยจัดหาเทคโนโลยีจากผู้ประกอบการจีนเพื่อนำมาจัดแสดงในงาน ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน พร้อมติดตามข้อมูลและข่าวสารของงาน 2023 Green Technology Expo เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.greentechnology-expo.com หรือที่เพจเฟซบุ๊ก Green Technology Expo