วีซ่าเผยเทรนด์ท่องเที่ยวต่างประเทศซีซั่นนี้
ญี่ปุ่นครองแชมป์จุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของชาวไทย
นักเดินทางชาวไทยส่วนใหญ่เล็งใช้จ่ายแบบดิจิทัลเมื่อเดินทางต่างแดนเพื่อความสะดวก ปลอดภัย
และสามารถติดตามการใช้จ่าย
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565: วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยผลสำรวจเทรนด์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางชาวไทยสำหรับปี 2023 (Thailand’s Travel Intentions Study 2023 – Outbound Edition) ว่าจุดหมายปลายทางห้าอันดับแรกที่นักเดินทางชาวไทยปรารถนาจะไปเยือนมากที่สุดได้แก่ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร
การสำรวจในครั้งนี้จัดทำขึ้นในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยจำนวน 2,000 ราย ยังได้เผยให้ทราบถึงสามปัจจัยหลักในการพิจารณาเลือกจุดหมายปลายต่างแดนที่จะไปเยือน คือ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว (65%) สภาพอากาศ (49%) และความต้องการไปเยือนสถานที่ใหม่ ๆ (48%)พิภาวิน สดประเสริฐ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การระบาดครั้งใหญ่ที่ผ่านมาก่อให้เกิดความต้องการสะสมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย หลังจากที่ไม่สามารถออกไปท่องโลกได้มาเป็นเวลานาน และเมื่อหลายประเทศได้กลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้ง เราจึงต้องการจะศึกษาให้ลึกขึ้นถึงพฤติกรรม และความต้องการที่อาจเปลี่ยนแปลงไปของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการออกสํารวจโลกแห่งความไม่แน่นอนใบนี้กันอีกครั้ง”
การศึกษาในครั้งนี้พบด้วยว่านักท่องเที่ยวชาวไทยต่างพร้อมที่มองข้ามอุปสรรคในการเดินทางที่เกี่ยวกับมาตรการการควบคุมโรคโควิดในต่างประเทศ โดยมีเพียงหนึ่งในสาม (35%) ที่กังวลถึงนโยบายการเปิดประเทศของจุดหมายปลายทาง และเพียงหนึ่งในห้า (23%) ของผู้ตอบแบบสอบถามที่กังวลถึงสถานการณ์ระบาดของโควิดระหว่างที่กำลังวางแผนท่องเที่ยว
เหตุผลสามอันดับแรกของการเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนคือ เพื่อสำรวจสถานที่ใหม่ๆ ที่พวกเขาไม่เคยไปเยือนมาก่อน (61%) การได้ใช้เวลาอันมีค่าร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง (42%) และการได้ไปเยือนสถานที่ที่ชื่นชอบอีกครั้ง (36%)
หากกล่าวถึงการวางแผน นักเดินทางชาวไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะวางแผนการท่องเที่ยวทั้งหมดด้วยตนเอง (41%) ขณะที่กลุ่มอื่นๆ มีทั้งที่เลือกจะไปเที่ยวแบบทัวร์ส่วนตัวที่ปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ (21%) หรือเลือกเที่ยวเป็นกลุ่มแบบแพคเกจทัวร์ (11%)นอกจากนี้ เกินครึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจคาดว่าจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศหนึ่งครั้งในช่วง 12 เดือนข้างหน้า (53%) ในขณะที่ผู้ที่วางแผนเดินทางสองครั้งมีจำนวน 31 เปอร์เซนต์ และสามครั้งจำนวน 11 เปอร์เซนต์ โดยระยะเวลาท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุดสำหรับนักเดินทางชาวไทยเมื่อจะไปเที่ยวที่ต่างประเทศ คือ ระหว่างห้าถึงเจ็ดวัน (39%) ระหว่างแปดถึงสิบวัน (22%) และนานกว่าสองสัปดาห์แต่ไม่เกินหนึ่งเดือน (12%)
การสำรวจครั้งนี้ยังพบด้วยว่าผู้คนยอมที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้การท่องเที่ยวในต่างแดนเต็มอรรถรสมากขึ้น อาทิ การรับประทานอาหารที่ดีขึ้น (56%) เลือกบริการที่ให้ความสะดวกสบายมากกว่า (52%) และไปเยือนจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น (36%) โดยแบบสำรวจพบว่านักเดินทางชาวไทยคาดว่าจะมีการใช้จ่ายเฉลี่ยที่ราว 45,000 บาทกับเดินทางเพื่อการพักผ่อน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของการเดินทางเพื่อธุรกิจอยู่ที่ 40,000 บาท
ส่วนเรื่องรูปแบบการชำระเงินในต่างแดน นักเดินทางส่วนใหญ่ตั้งใจจะใช้บัตรในการชำระเงิน (69%) ตามมาด้วย เงินสด (61%) และโมบายคอนแทคเลสและกระเป๋าเงินดิจิทัล (57%) ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถามยังบอกอีกว่า ข้อดีสามอันดับแรกที่พวกเขาเลือกชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลระหว่างการเดินทาง คือ ปลอดภัย (60%) สะดวก (56%) และสามารถติดตามการใช้จ่ายได้ (49%)
“เป็นที่ชัดเจนว่านักเดินทางชาวไทยมีความพร้อมและความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศ และในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะมองข้ามผ่านข้อวิตกกังวลอันเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์โรคระบาดในประเทศจุดหมายปลายทาง วีซ่าหวังว่าการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรม พันธมิตรและลูกค้าของเราได้เข้าใจถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวของผู้บริโภคชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เราสามารถปรับตัวและสนับสนุนนักท่องเที่ยวชาวไทยให้สามารถออกไปเดินทางสำรวจโลกได้อีกครั้ง” พิภาวิน กล่าวปิดท้าย###
เกี่ยวกับวีซ่าVisa Inc. (NYSE:V) เป็นผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก วีซ่าให้บริการในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างผู้บริโภค ร้านค้า สถาบันการเงิน และหน่วยงานภาครัฐมากกว่า 216 พันล้านรายการต่อปี ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ภารกิจของเราคือการเชื่อมโยงโลกผ่านเครือข่ายนวัตกรรมการชำระเงินที่เชื่อถือได้ สะดวก และปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ผู้บริโภค ร้านค้า และเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เราเชื่อว่าเศรษฐกิจที่รวมทุกคนในทุกที่เข้าด้วยกัน จะช่วยยกระดับทุกคนในทุกที่ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ Visa.com