happy on December 01, 2022, 08:04:48 PM
อุตสาหกรรมอาหารแดนออสซี่เปิดเกมรุกตลาดโลก
เจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเกรดพรีเมียม
ปลอดภัยและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างโลกที่ยั่งยืนในงาน
“Taste the Wonders of Australia”








กรุงเทพฯ 29 พฤศจิกายน 2565 – เมื่อกระแสความนิยมด้านอาหารในปีนี้มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอาหารเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคเริ่มหันมาตระหนักถึงผลกระทบของอุตสาหกรรมอาหารที่มีต่อสิ่งแวดล้อมของเรา ทำให้ความต้องการอาหารที่มีคุณภาพดีต่อสุขภาพ ที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีอัตราเพิ่มสูงตามไปด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของอุตสาหกรรมอาหารแถวหน้าของโลกอย่างออสเตรเลียจะตอบรับต่อกระแสนี้ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชั่นการผลิตอาหารแนวใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก และเมื่อไม่นานมานี้ได้จัดกิจกรรม “Taste the Wonders of Australia” ณ ใจกลางเมืองมหานคร โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารและไวน์ระดับพรีเมียมจากออสเตรเลียแก่ผู้บริโภคและผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของเมืองไทย ให้ได้สัมผัสถึงคุณภาพ ความสดใหม่ รสชาติแสนอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ และข้อมูลกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ออสเตรเลียได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ปลอดโรค มีความปลอดภัยทางอาหารสูงและ ดำเนินงานบนห่วงโซ่อุปทานอาหารที่มีความโปร่งใส มีกฎระเบียบควบคุมที่เข้มงวด และการตรวจสอบที่รัดกุม ทั้งยังมีประวัติทางการเกษตรที่ยาวนานผนวกกับการวิจัยและพัฒนาด้านอาหารและเครื่องดื่มที่จริงจัง ทำให้ออสเตรเลียมีเทคนิคและเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ล้ำสมัย ตลอดจนใช้เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงได้อย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ประเทศสามารถผลิตอาหารระดับพรีเมียมได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอาหารโลกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งในวันนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารเกรดพรีเมียมได้มีการนำเข้าและสามารถหาซื้อได้อย่างสะดวกสบายแล้วในเมืองไทย

สำหรับไวน์จากออสเตรเลียเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติโดดเด่นถูกใจคนไทยมาช้านาน เพราะผลิตจากผลผลิตทางการเกษตรคุณภาพสูงในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่เพียงแค่นั้น ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารและไวน์ออสเตรเลียก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย! เนื่องจากเป็นอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมนี้ถูกจริตคนไทยที่มักเลือกใช้เครื่องปรุงที่สดใหม่เท่านั้นในการรังสรรค์อาหารรสเลิศ ดังนั้น วัตถุดิบจากออสเตรเลียจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งในการปรุงเมนูอาหารไทยโดยที่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติต้นตำรับได้อย่างเต็มอรรถรส

ภายในงาน​ โรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี ได้มาร่วมสาธิตการใช้วัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากออสเตรเลียในการปรุงอาหารไทยแบบง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำตามได้ นั่นคือเมนูยำรสเด็ดที่ใช้อาหารทะเลและผลไม้ตามฤดูกาลจากออสเตรเลีย โดย​ เชฟอาร์ต ฤทธิพล หิรัญยพิสุทธิกุล แห่งโรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี กล่าวว่า “หากคุณเป็นคนรักอาหารทะเล คุณต้องชอบเมนูยำจานนี้อย่างแน่นอน แถมยังปรุงได้ง่ายแม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นเชฟมืออาชีพก็ตาม แล้ววัตถุดิบลับของผมคืออะไร? ก็อาหารทะเลสด ๆ และผลไม้ตามฤดูกาลจากออสเตรเลียครับ ผมอยากให้ทุกคนลองทำเมนูนี้ แล้วจะรู้ว่าการปรุงยำแบบไทย ๆ ที่บ้านนั้นทำได้เร็วและง่ายมาก เมื่อใช้อาหารทะเลจากออสเตรเลียซึ่งเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกถึงความสดใหม่และความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม แถมรสชาติชั้นเลิศของวัตถุดิบก็จะยิ่งเสริมให้เมนูยำอร่อยมากยิ่งขึ้น สำหรับเมนูที่ปรุงในงานนี้เราใช้ร็อคล็อบสเตอร์ออสเตรเลีย ปลาเทราต์จากทัสมาเนีย ปลาทูน่าครีบน้ำเงินจากตอนใต้ หอยเป๋าฮื้อ และหอยแมลงภู่ ซึ่งทั้งหมดมีรสชาติที่เข้ากันกับผลไม้ตามฤดูกาลของออสเตรเลียได้อย่างลงตัว ทั้งโซลูน่าแอปเปิล รวมถึงลูกแพร์เรดแองเจิ้ล หรือลูกแพร์เขียวแพ็กแฮม สตอเบอรรี่ และซิตรัส ซึ่งต้องขอบคุณความหลากหลายของภูมิอากาศในออสเตรเลียที่ทำให้ประเทศนี้มีพืชผักผลไม้และถั่วแตกต่างกันไปแทบจะไม่ซ้ำกันในแต่ละฤดูกาล”

เชฟอาร์ตยังเชิญชวนให้ทุกคนลองทำอาหารเองที่บ้านเพื่อลิ้มรสชาติต้นตำรับออสเตรเลีย “เชื่อว่าหากคุณลองทำเมนูแสนง่ายนี้แล้ว คุณจะประทับใจกับฝีมือการทำอาหารของตัวเอง แถมยังได้สัมผัสรสชาติวัตถุดิบที่ดีเยี่ยม โดยยังคงรสชาติยำแบบไทยแท้ ๆ ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งเสน่ห์ของอาหารไทยที่สามารถประยุกต์ใช้วัตถุดิบคุณภาพจากแหล่งอื่น ๆ ได้แบบไร้ข้อจำกัด”


ยำทะเลใส่ผลไม้รวมสไตล์ออสซี่

วัตถุดิบ
เนื้อร็อคล็อบสเตอร์ออสเตรเลีย 80 กรัม
ปลาเทราต์จากทัสมาเนีย 120 กรัม
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินจากตอนใต้ออสเตรเลีย 80 กรัม
หอยเป๋าฮื้อ 70 กรัม
หอยแมลงภู่ 2-3 ชิ้น
โซลูน่าแอปเปิล 30 กรัม
ลูกแพร์แดงเรดแองเจิ้ล หรือลูกแพร์เขียวกแฮม 30 กรัม
หอมหัวใหญ่ 15 กรัม
มะเขือเทศ 15 กรัม
ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ผักคึ่นช่ายหรือผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาวสด 3-4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1½ ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูไทย 4-5 เม็ด


วิธีการปรุงง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน


ขั้นตอนที่ 1 จับมีดเอียง 45° กับเขียง แล่ชิ้นปลาเทราต์และทูน่าตามขวางกับลายทแยงให้เป็นชิ้นบาง ๆ (ห้ามแล่บางกว่า ¼ นิ้ว) ใช้หัวพ่นไฟค่อย ๆ เผาชิ้นปลาเทราต์และทูน่าพอให้ส่วนขอบไหม้เล็กน้อยเพื่อให้น้ำมันปลาละลายขึ้นมาจับบนชิ้นเนื้อ กะระยะให้ส่วนปลายของเปลวไฟอยู่เหนือเนื้อปลาประมาณ 1 นิ้วและใช้เวลาเผาประมาณ 15 วินาที ระหว่างนี้ อบหอยแมลงภู่และหอยเป๋าฮื้อประมาณ 3-4 นาที หลังจากนั้นหันมาปรุงเนื้อร็อคล็อบสเตอร์และพักไว้ให้เย็น โดยเมื่อร็อคล็อบสเตอร์สุก จะม้วนตัวเล็กน้อยและเปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ส่วนเนื้อที่ใสจะเปลี่ยนเป็นสีขาว แกะเนื้อออกจากเปลือกและตัดเป็นชิ้นพอดีคำ


ขั้นตอนที่ 2 หันมาเตรียมเครื่องปรุง โดยหั่นหอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ ลูกแพร์ สตอเบอรรี่ ซิตรัส และแอปเปิ้ลทีละครึ่งลูกให้เป็นชิ้น ๆ ซอยต้นหอม ผักคื่นช่ายหรือผักชี ค่อย ๆ ใช้ด้ามมีดบดเม็ดพริกขี้หนูแดงให้แตกเพื่อให้ปล่อยความเผ็ดออกมา


ขั้นตอนที่ 3 ผสมน้ำยำในชามขนาดใหญ่ โดยคนน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล และพริกขี้หนูให้เข้ากัน ใส่เนื้อและส่วนผสมลงในชาม (อาหารทะเล ผลไม้และผักต่าง ๆ ) คนให้ทุกอย่างชุ่มน้ำยำ และตักเสิร์ฟ

ไวน์แนะนำสำหรับจับคู่กับอาหาร:เพื่อสร้างประสบการณ์แห่งรสชาติที่สมบูรณ์แบบและเสริมรสชาติของเมนูยำทะเลให้เต็มเปี่ยม รับประทานคู่กับไวน์ Australian Riesling เย็น ๆ ด้วยความเปรี้ยวแบบไลม์และมะนาวสไตล์คลาสสิกและกลิ่นหอมหวานแนวดอกไม้จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับยำจานนี้อย่างมาก รวมถึงความเข้มข้นของรสผลไม้และความหวานอ่อน ๆ ยังช่วยลดความเผ็ดร้อนได้อย่างดีเยี่ยมและกลมกล่อม