happy on October 21, 2022, 12:03:45 AM
ชู วิจัย ยกระดับ “ข้าวไทย” เป็นอุตสาหกรรมมูลค่าสูง ชิงตลาดโลก

ผอ.สกสว. เสนอแนวคิด “จัดลำดับความสำคัญงานวิจัย เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทยสู่อุตสาหกรรมมูลค่าสูง ชิงส่วนแบ่งตลาดโลก” ในเวทีเสวนาพิเศษชุด “ก้าวไกลด้วยระบบงานวิจัยข้าวไทยสู่การพัฒนาประเทศ”


เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ที่ห้องประชุม 301 อาคารวชิรานุสรณ์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดงานเสวนาพิเศษชุด​ “ก้าวไกลด้วยระบบงานวิจัยข้าวไทยสู่การพัฒนาประเทศ” โดยมี​ รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล​ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมงานเสวนา และกล่าวในหัวข้อ​ “ระบบการจัดลำดับความสำคัญ (Priority) งานวิจัยข้าวไทยสำคัญอย่างไร” พร้อมด้วย​ ศ.ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน กล่าวในหัวข้อ​ “การนำระบบงานวิจัยข้าวไทยสู่ระดับสากล” และ​ นายวัลลภ มานะธัญญา​ อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวในหัวข้อ​ “งานวิจัยประเภทใดภาคอุตสาหกรรมข่าวไทยต้องการ”


โอกาสนี้​ รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล​ ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า ในฐานะที่ สกสว. เป็นหน่วยงานที่ดูแลระบบงานวิจัยของประเทศไทย มีความพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ ทั้งในส่วนของการจัดแผนด้านแผนงานวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) การกำหนดเป้าหมาย และการจัดลำดับความสำคัญของงานวิจัยเพื่อพัฒนาประเด็นต่างๆ โดยโฉพาะประเด็นข้าว มีงานวิจัยหลากหลายประเด็น อาทิ ข้าวพันธุ์ใหม่ เทคโนโลยีการผลิต ผลกระทบจาก Climate Change พันธุกรรมข้าว เครื่องจักรกล คุณภาพข้าว ดินและปุ๋ย การแปรรูปข้าว เมล็ดพันธุ์ข้าว ที่สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทยให้ดียิ่งขึ้น

แต่ก่อนที่จะจัดสรรงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยมูลฐาน จำเป็นต้องมีการจัดทำข้อมูลงานวิจัย เพื่อออกแบบแผนงานและงบประมาณให้เหมาะสมกับความต้องการของประเทศ พร้อมกับการพิจารณาถึงโอกาสในการสร้างผลกระทบในระดับต่างๆ ได้แก่​ ระดับของโอกาสในการทำวิจัยให้สำเร็จ ในแง่จำนวนของจำนวนนักวิจัยและความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัย, ระดับของโอกาสการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เช่น ขนาดของตลาด หรือขนาดของผู้รับประโยชน์โดยตรง ความจำเป็นเร่งด่วน ระยะเวลาที่ผลงานวิจัยจะเริ่มส่งผลกระทบ ระยะเวลาความยาวนานที่ส่งผลกระทบ และระดับของบทบาทการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของภาครัฐ ความจำเป็นในการต้องได้รับทุนจากภาครัฐเนื่องจากโอกาสที่จะได้รับทุนวิจัยจากภาคส่วนอื่นน้อยหรือไม่มีเลย


ซึ่งปัจจุบัน สกสว.จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนงานวิจัยมูลฐาน ให้แก่หน่วยงานและมหาวิทยาลัย ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับข้าวไทย ในปี 2566 รวม 177 หน่วยงาน อาทิ กรมการข้าว 29 โครงการ กรมพัฒนาที่ดิน 18 โครงการ มหาวิทยาลัย 44 แห่ง รวมงบประมาณทั้งสิ้น 173,451,034 บาท นอกจากนี้ยังจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ ทั้งทางมิติการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสินค้าเกษตร ระบบรับรองมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสานต่องานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวทั้งในระดับประไทยและระดับโลกในอนาคต


ด้าน​ นายวัลลภ มานะธัญญา อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมข้าวไทยเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และ อยู่อันดับต้นๆของโลก โดยมีการส่งออกข้าวไทยปีละ 20 ล้านตัน แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยมีความถดถอยในเรื่องการส่งออกข้าวไทย สูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกไปมาก จึงมีข้อเสนอว่า ประเทศไทยควรมีการปรับปรุงและพัฒนาการวิจัยข้าวใหม่ เพราะจะมีส่วนช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้จำนวนผลผลิตและกำไรมากขึ้นต่อไร่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวให้สามารถสร้างผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นกว่าพันธุ์เดิมที่มีอยู่ รวมถึงพัฒนาให้มีลักษณะเป็นพันธุ์ต้นเตี้ย เปลือกบาง อายุการเก็บเกี่ยวสั้น ต้านทานต่อโรคแมลงและศัตรูพืช เป็นข้าวไม่ไวแสง มีรสชาติดี รสชาติอร่อยตามความต้องการของผู้บริโภค หากจำนวนผลผลิตต่อไร่ดีขึ้น จะเป็นผลดีทั้งต่อตัวเกษตรกร ผู้บริโภค ผู้ส่งออกข้าว รวมถึงภาครัฐก็ไม่จำเป็นต้องมีนโยบายประกันราคาข้าว เพราะเกษตรกรจะสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน

ทั้งหมดที่กล่าวมา จึงเป็นประเด็น และ โจทย์ด้านการวิจัย ที่สำคัญต่อการสนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับชาวนา รวมถึงอุตสาหกรรมข้าวไทยต่อไป