happy on April 19, 2022, 08:15:14 PM
อายุที่เพิ่มขึ้นกับปัญหาการนอน

               หนึ่งในความเข้าใจผิดที่มักมีต่อผู้สูงอายุคือความเชื่อที่ว่า การนอนไม่หลับหรือนอนได้ไม่ดีเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้ว ถึงแม้ว่าอายุจะมากขึ้นแต่คนส่วนใหญ่ยังสามารถนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเข้าใจถึงการปรับตัวและสุขอนามัยของการนอนที่ดี


               นพ.ชัยชนะ จรูญพิพัฒน์กุล จิตแพทย์ผู้สูงอายุ ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า​ การเปลี่ยนแปลงของการนอนหลับที่ถูกพบเมื่ออายุมากขึ้นคือ จำนวนชั่วโมงในการนอนลดลงเล็กน้อย มีการตื่นระหว่างคืนมากขึ้นแต่ยังสามารถกลับไปนอนต่อได้ มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น โรคประจำตัวบางชนิดที่ส่งผลต่อการนอน การต้องตื่นมาปัสสาวะหรือทานยากลางดึก การทานยาบางชนิดที่มีผลต่อการนอน บรรยากาศในบ้านพัก การไม่ได้รับแสงแดดในช่วงกลางวันที่เพียงพอ การขาดกิจกรรมในช่วงกลางวัน เป็นต้น ผู้สูงอายุบางท่านอาจไม่เคยมีปัญหาในเรื่องการนอนมาก่อน แต่เมื่อร่างกายเปลี่ยนแปลงตามวัย ประกอบกับปัจจัยอื่น ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีเหตุการณ์สำคัญหรือความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้น ทำให้เกิดการนอนไม่หลับขึ้นมาครั้งแรก หลังจากนั้นจึงเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการนอน เกิดความกลัว ความไม่สบายใจ ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ความเครียดที่ต้องการนอนให้หลับในคืนนี้ ทำให้สมองเกิดการเรียนรู้และจดจำการนอนในรูปแบบใหม่ที่ไม่ผ่อนคลายและไม่สบายตัว ส่งผลให้เกิดการนอนไม่หลับต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะได้รับการแก้ไขแล้ว โรคที่เกิดในผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะส่งผลต่อการนอนหรือมีอาการนอนไม่หลับเป็นอาการเริ่มของโรค จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป เช่น โรคทางเดินหายใจอุดกั้นขณะหลับ โรคสมองเสื่อม โรคหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดเลือดสมอง โรคกรดไหลย้อน ภาวะการนอนละเมอ กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล เป็นต้น นอกจากนี้การนอนไม่หลับเป็นระยะเวลานานยังส่งผลให้เกิดความเครียด อาการอ่อนเพลียระหว่างวัน อารมณ์หงุดหงิดง่าย และไม่สดชื่น อีกทั้งยังส่งผลต่อความจำ ทำให้ความจำแย่ลงและมีความเสี่ยงในการหกล้มเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาที่ร้ายแรงตามมาได้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม


               เคล็ดลับในการนอนเพื่อเพิ่มสุขอนามัยในการนอนที่ดี ควรกำหนดเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน ทำกิจกรรมผ่อนคลายเป็นเวลาประมาณ 1 - 2 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอน เช่น อ่านหนังสือ อาบน้ำอุ่น จัดเตรียมเสื้อผ้า จัดของใช้ส่วนตัว สวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่หากนอนไม่หลับไม่ควรนอนบนเตียงต่อ ควรลุกขึ้นมาทำกิจกรรมที่เบาและผ่อนคลาย เมื่อรู้สึกง่วงอีกครั้งจึงกลับไปนอนต่อ ผู้สูงอายุไม่ควรนอนหรืองีบในเวลากลางวัน แต่หากฝืนไม่ได้แนะนำให้งีบกลางวันได้ 10 - 15 นาทีในช่วง 8 ชั่วโมงแรกหลังตื่นนอน ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยงดออกกำลังกายในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เป็นต้น หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน ไม่ควรรับประทานยานอนหลับโดยไม่ได้พบจิตแพทย์ผู้ชำนาญการ เนื่องจากยาจะส่งผลเสียต่อสมอง ความจำแย่ลง การติดยา การดื้อยา การพลัดตกหกล้ม การเกิดอุบัติเหตุ และการบดบังอาการของโรคอันเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะนอนไม่หลับขึ้นได้


               หากมีปัญหาการนอนควรพบแพทย์โดยเร็ว ไม่ควรรอให้เกิดปัญหาเป็นระยะเวลานาน เพราะจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายต่าง ๆ ตามมา อีกทั้งโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุจะไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพมีแพทย์เฉพาะทางและมีประสบการณ์ด้านการดูแลรักษาผู้สูงอายุโดยตรงที่สามารถให้การดูแลรักษาภาวะนี้แบบองค์รวม โดยเน้นการรักษาด้วยความเข้าใจผู้สูงวัยภายใต้บรรยากาศที่เป็นมิตรและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ​ โทร.1719  หรือ แอดไลน์ @bangkokhospital