BEST Express เจาะเทรนด์การลงทุนสู่ความสำเร็จในธุรกิจแฟรนไชส์
มุ่งสู่ผู้นำด้านขนส่งพัสดุด่วนในประเทศ
ท่ามกลางสถานการณ์อีคอมเมิร์ซทั่วโลกที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ธุรกิจแฟรนไชส์จึงเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองว่าสามารถทำให้คนธรรมดาเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ ขยายตัวและส่งเสริม GDP ให้กับประเทศได้อีกทางหนึ่ง โดยมูลค่าตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยปี 2564 มีแนวโน้มเติบโตประมาณ 300,000 ล้านบาท เนื่องจากผู้ประกอบการแฟรนไชส์มีการปรับตัว และมีประสบการณ์จากวิกฤตโควิดระลอกแรก ซึ่งธุรกิจแฟรนไชส์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค รวมถึงนักลงทุนในช่วงเกิดการระบาดโควิด-19 จะเน้นไปในเรื่องของความสะดวก เข้าถึงง่าย และคุ้มค่าการลงทุน โดยก่อนการระบาดของโควิด-19 นั้น ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารมาเป็นอันดับ 1 และในปี 2565 ก็คาดการณ์ว่าจะยังคงอยู่เป็นเบอร์ 1 ต่อไป ซึ่งคิดเป็น 20% ของธุรกิจแฟรนไชส์ทั้งหมด แต่ด้วยความต้องการด้านบริการขนส่งสินค้าทางถนนในปี 2565 และ 2566 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซ เฉลี่ย 20 -30% ต่อปี ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุด่วนจะเติบโตและการลงทุนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในซีซั่นนี้ ดังนั้นสำหรับการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุด่วนอย่าง BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) นั้น นับเป็นโอกาสการลงทุนสวนกระแสเศรษฐกิจที่สามารถสร้างประสบการณ์การลงทุนไปสู่ความสำเร็จได้ด้วยการเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์หลักกับ BEST Express ซึ่งเป็นขนส่งเจ้าแรกและเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่เปิดให้นักลงทุนเข้ามาสร้างผลกำไรและเป็นเจ้าของธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน BEST Express แฟรนไชส์หลัก (First station) ในพื้นที่ได้ 100% โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เบสท์ เอ็กซ์เพรส สำนักงานใหญ่ นางสาว อรนลิน ทิณรัตน์ (คุณช่าย) เจ้าของแฟรนไชส์หลัก BEST Express สาขาแพรกษา สมุทรปราการ เปิดเผยว่า “ก่อนหน้านี้ทำงานประจำและขายของออนไลน์ควบคู่กันไป ทำให้เข้าใจและเห็นความสำคัญในการส่งพัสดุให้กับลูกค้า จึงตัดสินใจมาเปิดแฟรนไชส์ เบสท์ เอ็กซ์เพรส โดยช่วงแรก ได้ลองเปิดเป็นแฟรนไชส์รองก่อน หรือที่เรียกว่า Sub Franchise ทำให้ได้เล็งเห็น volume การเติบโตของปริมาณพัสดุจำนวนมากในตลาดอีคอมเมิร์ซ เพราะเมื่อก่อนดูแลและจัดการในพื้นที่เล็ก ๆ เหมือนแบบทดสอบให้ตัวเองก่อน พอเกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้น จึงมีความอยากลองบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ที่พื้นที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นการบริหารที่ท้าทายมากซึ่งเราได้จัดการเอง 100% แต่พอได้ลงมือทำเองจริง ๆ มองว่ามีมุมให้ได้เรียนรู้ แก้ไข ปรับปรุง รวมถึงเจอมาทั้งทำถูกและผิดจนกระทั่งวันนี้ และหากว่าจะให้คะแนนจาก 100 ขอให้ตัวเอง 89 ที่เหลือยังไงก็ต้องมีมุมให้ต้องมาแก้ไขปรับปรุงรวมถึงเติมส่วนที่ขาดไปเรื่อย ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครที่จะให้คะแนนตนเองได้ 100% ในการบริหารจัดการได้ เพราะทุก ๆ การบริหารจัดการย่อมต้องพัฒนาทักษะต่อไปเรื่อย ๆ ควบคู่กับการเติบโตของมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างมหาศาล” สำหรับการดูแลและสนับสนุนจากเบสท์ฯ คือระบบ support ที่ดูแลเราอยู่แล้ว เพราะเป็นการทำงานระบบหลังบ้านที่ใหญ่พอสมควร ถ้าหากว่าเราได้เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์แฟรนไชส์แล้ว ทางเบสท์ฯ จะมีทีม AM (Area Manager) หรือผู้จัดการแฟรนไชส์ประจำพื้นที่ต่าง ๆ คอยดูแลและให้คำปรึกษาตลอดการทำงาน “ส่วนตัวมองว่าเบสท์ฯ สามารถช่วยผลักดันให้เราเติบโตไปได้อีกเรื่อย ๆ เพราะเบสท์ฯ มีลูกเล่นให้เราได้ลงไปบริหารจัดการหลายอย่าง ซึ่งมองว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้เราได้จัดการธุรกิจในหลายรูปแบบ สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์กับเบสท์ เอ็กซ์เพรส มีความแตกต่างและโดดเด่นจากที่อื่น ๆ แน่นอนคือ เบสท์ให้โอกาสแฟรนไชส์ในการบริหารจัดการธุรกิจได้ในรูปแบบ 100% ซึ่งยังไม่เคยเจอบริษัทไหนที่สามารถให้อิสระในรูปแบบนี้มาก่อนเลย” นางสาว อรนลิน กล่าว สำหรับจุดเด่นของการบริการของสาขาแพรกษา คือ เราให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม (Teamwork) มากกว่ามองในตำแหน่งหน้าที่ของเราว่าจะไม่มีใครสามารถมาแทนได้ เช่น ในแต่ละคนความสามารถในการทำงานก็จะต่างกัน เราจะงัดและดึงความสามารถหรือจุดเด่นของเขาขึ้นมาเลยว่าใครเก่งอะไร เก่งด้านไหน แล้วเราก็จะให้เขาเข้าไปทำงานในจุดนั้น และมองว่าทุกคนมีทักษะอะไรบางอย่างอยู่ในตัวเอง เพียงแต่ว่าบางคนก็ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมี จนกระทั่งเพื่อนหรือคนรอบข้างมองเห็น แล้วมอบหมายให้เขาทำ เขาก็จะสามารถทำมันออกมาได้ดี ยกตัวอย่างเช่น พนักงานจัดส่งพัสดุด่วน (คูเรียร์) เราจะดูเลยว่าใครชำนาญพื้นที่หรือเส้นทางไหน จากนั้นก็จะแบ่งเป็นทีม ๆ ให้ โดยที่มีหัวหน้าทีมคอยดูแลให้อีกที นอกจากนี้ในพื้นที่มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ค่อนข้างเยอะ วิธีการที่จะดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ให้เข้ามาอยู่กับเราไปนาน ๆ คือขากระจายของเราจะต้องดี มันเป็นห่วงโซ่คือถ้าหากว่าเราสามารถส่งพัสดุได้อย่างรวดเร็ว พอลูกค้าชอบลูกค้าก็จะรู้ว่าเบสท์ฯ ส่งเร็ว ซึ่งจุดนี้เป็นตัวดึงลูกค้าให้เข้าหาเราเอง รวมถึงการเข้าหาลูกค้าด้วยตัวเองจึงได้รู้จักลูกค้าทุกคน เหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ไปช่วยลูกค้าขายของเองเลย ถ้าหากว่ามีสินค้าตัวไหนถูกตีกลับหรือติดปัญหาว่าผู้รับปลายทางไม่รับสายนะ เราก็จะให้ทีมรีบเข้าไปตรวจสอบทันที โทรเช็คเลยว่าไม่รับสายจริงไหม หรือโทรกลับหาลูกค้าว่าพอจะมีเบอร์ปลายทางอื่นไหม เพื่อที่พัสดุจะได้ส่งตรงถึงผู้รับอย่างรวดเร็ว ถูกต้องครบถ้วน สำหรับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุด่วนกับ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนทั่วไทย อย่างแรกเลย คือ ลองหาจุดพื้นที่ที่สนใจอยากจะลงทุนดูก่อน จากนั้นก็เจาะตลาดในพื้นที่นั้น ๆ ว่ามีจุดเด่นอะไร แล้วลองมาทำแฟรนไชส์กับครอบครัวเบสท์ เอ็กซ์เพรส เพราะมันเหมือนกับการที่เราซื้อที่ดินเอาไว้ในมือ แต่ดีกว่าในจุดที่ว่าเป็นที่ดินที่จะสามารถให้ประโยชน์เราในรูปแบบเม็ดเงินได้อย่างแน่นอน โดยสามารถดูรายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติมและกรอกข้อมูลใบสมัครร่วมเปิดธุรกิจกับ BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) ได้ที่ LINE Official Account ของ BEST FS CENTER ที่ลิงก์นี้ https://lin.ee/jj3oCAb