ยูโอบีแนะธุรกิจบริหารความเสี่ยง ขณะที่โลกก้าวเข้าสู่ปีที่สามของภาวะโรคระบาด
โดย นายแอนดี้ เฉี่ย รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจ Wholesale Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย
เมื่อต้นปี 2564 ธนาคารยูโอบีมองแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ว่าขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย นั่นคือ การกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเข้มข้น และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่สามของการต่อสู้กับเชื้อโคโรนาไวรัสที่ยืดเยื้อ หลายคนหวังว่าสิ่งต่างๆ จะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เราเริ่มเห็นการเปิดระบบเศรษฐกิจและพรมแดน อันเป็นก้าวสำคัญเพื่อให้คนทั่วโลกใช้ชีวิตร่วมกันกับไวรัสได้ อย่างไรก็ตาม การเริ่มเปิดประเทศนี้อาจจะนำมาซึ่งความเสี่ยงต่างๆ ที่ภาคธุรกิจต้องพิจารณาการฟื้นตัวที่ไม่เท่ากันในปีนี้ดูเหมือนว่าการฉีดวัคซีนจะได้ผลดี ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ลดลง ระบบเศรษฐกิจและพรมแดนเริ่มเปิดตัว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วเริ่มเปิดดำเนินการใหม่
หลายประเทศในเอเชียต่างเร่งฉีดวัคซีนให้ประชากรของตน หลายคนเริ่มมองในแง่ดีว่าประเทศต่างๆ จะเปิดประเทศได้และกลับสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของแต่ละประเทศจะไม่เท่ากัน เนื่องจากประเทศที่ร่ำรวยมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนได้มากกว่า ตามรายงานของ Our World in Data ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ราว 51% ของประชากรโลกได้รับวัคซีน COVID-19 เข็มที่หนึ่งแล้ว แต่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำกลับมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่หนึ่งในระดับต่ำกว่า 5% ความเหลื่อมล้ำนี้มีแนวโน้ม ที่จะเพิ่มขึ้นอีกในเวลาอันใกล้ เนื่องจากหลายประเทศที่พัฒนาแล้วต่างเริ่มรณรงค์ให้ประชากรทั่วประเทศรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่นอกจากการกระจายวัคซีนแล้ว ความพยายามในการควบคุมโรคระบาดยังคงห่างจากจุดสิ้นสุด เนื่องจากมีการพบโรคติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อกันได้ง่ายขึ้นและรุนแรงถึงชีวิตมากขึ้น ไวรัสสายพันธุ์เดลต้าได้กระจายไปทั่วโลกและกลายเป็นสายพันธุ์หลักในหลายประเทศที่เคยควบคุมการแพร่ระบาดได้มาก่อน
ยังคงคาดการณ์กันว่าจีนและสหรัฐอเมริกาจะเป็นผู้นำการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดแม้ว่าสายพันธุ์เดลต้าได้กดตัวเลขคาดการณ์ที่เคยมีแนวโน้มสดใสลง นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในการฉีดวัคซีนให้ประชากรครบ 2 เข็ม กลับเริ่มเห็นอัตราผู้ได้รับวัคซีนคงที่ในหลายเดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ หลายประเทศในเอเชียมีการปรับลดการเติบโตของจีดีพีลง ยกเว้นสิงคโปร์และไต้หวัน โดยสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นหนึ่งในความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุดสำหรับปีนี้คือการจัดการความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อ เมื่ออุปสงค์การบริโภคฟื้นตัว จึงคาดการณ์ว่าราคาของสินค้าและบริการจะเริ่มปรับขึ้นด้วย การปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงราคาน้ำมันก็เป็นหนึ่งในปัจจัยเร่ง
การฟื้นตัวของอุปสงค์อย่างรวดเร็วนี้ส่งผลให้ราคากระโดดขึ้นอย่างฉับพลันสหรัฐอเมริกาและประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเป็นผู้นำในการเปิดระบบเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% ในขณะที่ราคาสินค้าและบริการในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 3% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยเดียวกันในอดีตที่ผ่านมา
หากถามว่าภาวะเงินเฟ้อนี้จะอยู่ชั่วคราวหรือถาวร ความกดดันจากราคาที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากการเปิดระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเริ่มคลายตัวลงในเดือนสิงหาคม แต่ภาวะคอขวดของห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงมีอยู่อาจส่งผลให้ความกดดันของภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ก่อนจะเริ่มคลายตัวลงในปีหน้า แม้เราจะคิดว่าภาวะเงินเฟ้อนี้เป็นเพียงภาวะชั่วคราว แต่ราคาอาจจะยังคงสูงต่อเนื่องในอีกหลายเดือนข้างหน้าระหว่างรอให้สถานการณ์ของห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายลง ดังนั้น คนจำนวนมากขึ้นเริ่มคิดว่าภาวะเงินเฟ้ออาจจะอยู่ถาวรกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกด้านหนึ่ง ตัวเลขเงินเฟ้อของหลายประเทศในเอเชียที่ยังเตรียมเปิดประเทศกลับอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า
ในกลุ่มชาติร่ำรวย 7 ประเทศ ญี่ปุ่นยังคงอยู่ในวังวนของภาวะเงินฝืดพร้อมกับต้องพยายามควบคุมอัตราการติดเชื้อไวรัสระลอกที่สี่ อีกหนึ่งตัวอย่างคือจีนที่กำลังเผชิญกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ 0.6% จนถึงปัจจุบันในปี 2564 หรือในอัตราการเติบโตเพียง 1 ใน 4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ยูโอบีเองก็ได้ปรับลดประมาณการ CPI ของจีนสำหรับปีนี้ลงจาก 1.1% เหลือ 0.8% การดำเนินนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติธนาคารกลางต่างๆ ไม่อาจดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายได้ตลอดไปและเริ่มประกาศแผนหรือปรับเพิ่มดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่พร้อมที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนถึงครึ่งหลังของปีหน้า แต่ได้ระบุกรอบเวลาที่จะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลลงภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ กระบวนการนี้น่าจะกินเวลานานแปดเดือนและสิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคม 2565 ในทางกลับกัน ธนาคารกลางของประเทศในภูมิภาคอาเซียนอาจจำต้องยืดนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายออกไปอีก เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคยังคงต่อสู้กับภาวะโรคระบาดและการกระจายวัคซีนเงินทุนไหลออกการขับเคลื่อนนโยบายการเงินคนละทิศทางระหว่างธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางของประเทศในภูมิภาคอาเซียนอาจส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากภูมิภาค คล้ายกับที่เกิดขึ้นในปี 2556 ในครั้งนั้น การประกาศปรับลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น ยังผลให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “taper tantrum” หรือความวุ่นวายในตลาดหุ้นจากการลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ
จากบทวิเคราะห์ของยูโอบีเกี่ยวกับกลุ่มระบบเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย เราพบว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ค่อนข้างยืดหยุ่นกว่าเมื่อปี 2556 และอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในอดีตในการทนต่อภาวะการดึงเงินทุนกลับที่อาจเกิดขึ้นพัฒนาการเชิงภูมิรัฐศาสตร์สถานการณ์สำคัญที่น่าจับตามองในสหรัฐอเมริกา เช่น การลงคะแนนเสียงเพื่อผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐและร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีมูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของประธานาธิบดีโจ ไบเดน รวมถึงงบประมาณของรัฐบาลกลางและระดับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ
ยูโอบีคาดว่าประเด็นต่างๆ เหล่านี้จะคลี่คลายลง เนื่องจากพรรคเดโมแครตครองอำนาจในรัฐสภาและทำเนียบขาว ความท้าทายทางการเมืองที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีหน้าหากพรรครีพับลิกันกลับมาครองอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในการเมืองตั้งกลางสมัยในเดือนพฤศจิกายน 2565 ในขณะที่มีประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตบริหารทำเนียบขาว
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนถือเป็นอีกหนึ่งความกังวลเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่อาจส่งผลต่อภาคธุรกิจได้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศยังคงย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลียประกาศร่วมตั้งกลุ่มพันธมิตรไตรภาคี AUKUS เพื่อตอบโต้จีนจากความกังวลด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ส่วนในกลุ่มชาติร่ำรวย 7 ประเทศ เยอรมนีกำลังจะจัดให้มีการเลือกตั้งเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนที่นางอังเกลา แมร์เคิลที่ก้าวลงจากตำแหน่ง ญี่ปุ่นเองก็กำลังจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
ในจีน ตลาดการเงินยังคงผันผวนในระยะใกล้ เนื่องจากผู้ลงทุนยังคงตื่นตระหนกจากความไม่แน่นอนจากปัญหาของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเสี่ยงภาวะล้มละลายและการตรวจสอบกฎระเบียบข้อบังคับของรัฐบาลในหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาวของนโยบาย “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ของประธานาธิบดี สี จิ้ง ผิงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง
แม้ว่าจะไม่มีข้อบ่งชี้ในขณะนี้ที่ชี้ว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลหรือไม่ แต่รัฐบาลจีนมีแรงจูงใจและทรัพยากรเพียงพอในการหลีกเลี่ยงวิกฤตสถาบันการเงินทั้งระบบได้ และอาจหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางสังคมและการเงินในประเทศได้ ก่อนหน้าการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งสำคัญในเดือนพฤศจิกายน และมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2565
ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาค ธุรกิจควรระมัดระวังเรื่องการกู้ยืมและบริหารสภาพคล่องอย่างรอบคอบ ในกรณีที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจจะมาถึงช้ากว่าที่คาด ธนาคารแนะนำให้ธุรกิจประกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย รวมถึงพิจารณาขยายตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของการพึ่งพาเพียงตลาดเดียว