เปิดใจหนุ่มรุ่นใหญ่ "โจม ศุกล" เผยเหตุผลที่ไม่เคยบอกเรื่องแต่งงานมากว่า 25 ปี สุดระทึก! อุบัติเหตุหวิดชนรถบ้าน-โดนปล้น?!
เปิดชีวิตโจม ศุกล ถึงเส้นทางสู่วงการบันเทิงที่มีแต่เรื่องบังเอิญ จากเซลล์ขายรถสู่นักแสดงแถวหน้า พร้อมเหยเหตุผลที่ไม่เคยบอกใครเรื่องแต่งงานมานานกว่า 25 ปี จนตอนนี้ลูกชายเรียนจบวิศวกร อีกทั้งยังเล่าเหตุการณ์สุดระทึกอุบัติเหตุรถพังยับทั้งคัน โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรานการ
กระทบกับโควิดบ้างไหม?
โจม : ถ้าบอกว่าไม่กระทบคงแปลกมาก ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องมีผลกระทบแน่นอน แต่เรามองในด้านที่ดีไว้ก่อน เราจะได้ไม่ทุกข์กับเรื่องที่มีผลกระทบกับเรา อย่างถ่ายละครก็ค้างอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 เรื่อง
แล้วช่วงนี้ทำอะไรบ้าง ถ่ายละครไม่ได้ แล้วรายได้มาจากไหน?
โจม : ผมเรียนมาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ผมเป็นนักประเมินราคาอสังหา แล้วด้วยความที่เรามีความรู้ด้านนี้ ตอนที่เรายังพอมีรายได้ เราก็สะสมด้วยการซื้อบ้าน ซื้อที่ไว้ การที่เราซื้อไว้ และวิธีการที่เราจะได้อินคำจากมันก็คือ ต้องให้เช่า ทุกวันนี้อันนั้นก็เป็นรายได้ส่วนหนึ่งที่เข้ามา
เรียกว่าเจ้าพ่ออสังหาก็ว่าได้?
โจม : ไม่ถึง มีนิดเดียว ถามว่ามีเยอะไหม ไม่เยอะ ผมเคยทำรีสอร์ทที่เขาใหญ่ แต่เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก จะเรียกว่าเป็นวิลล่าก็ไม่เชิง ก็ 5-6 หลัง พอเราเห็นว่าเราบริหารไม่ได้ แล้วมันอยู่ในช่วงขาลงเราก็ประกาศขายเลย และตอนนี้กำลังจะมีอีกธุรกิจเกี่ยวกับกระดาษทิชชู่
พี่โจมเข้าวงการบันเทิงมาได้ยังไง?
โจม : คือทำงาน เรียนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ได้ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นเซลล์อยู่บริษัทรถยนต์เป็น 10 ปี แต่เราไม่ได้เป็นคนพูดเก่ง เป็นคนขี้อายด้วย แต่ตอนนั้นก็ขายดี ผมเป็นท็อปเซลล์ที่เขาส่งไปดูงานที่ต่างประเทศทุกปี
แต่พี่ก็มีโอกาสได้เข้ามาในวงการบันเทิง อย่างถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา?
โจม : อันนั้นเป็นอาชีพเสริม ตอนที่เรียนเรามีเพื่อนเป็นช่างภาพ เพื่อนก็ชวนให้เราเป็นแบบถ่ายรูป มันก็เลยเป็นอาชีพเสริมในการทำงาน 2 อย่าง แล้วมีอยู่โฆษณาตัวนึงที่เราไปแคสติ้งแล้วได้โดยบังเอิญ เป็นโฆษณาสิงห์ บินไปถ่ายที่นิวยอร์ก
แล้วจุดไหนที่พี่ตัดสินใจไม่เป็นเซลล์ขายรถ แล้วเข้าวงการบันเทิงเต็มตัว?
โจม : หลังตากที่โฆษณาตัวนี้ออกไป ทุกคนก็ตามหา เขาคิดว่าเป็นคนฮ่องกง ก็มีผู้จัดหลายค่ายโทรศัพท์มาที่มือถือเรา โดยที่เรางงว่าเขารู้ได้ยังไง ต้องบอกว่าวงการบันเทิงเก่งมาก โทรมาถามว่าสนใจเล่นละครไหม มีเยอะมาก แล้วเราก็ปฏิเสธหมด เพราะเรามีความรู้สึกว่าเราไม่ใช่นักแสดง เราไม่มีสกิวเรื่องการแสดง เราไม่ชอบแสดงออก เป็นคนโดดเดี่ยว ชอบอยู่คนเดียว ปรากฎว่ามีอยู่เจ้านึงโทรมา คือบริษัท ทีวีทันเดอร์ เราก็ปฏิเสธทันที ผมไม่เล่นละครครับ เขาบอกไม่ได้ชวนไปเล่นละคร อยากให้มาทำรายการ เป็นพิธีกร เรารู้สึกว่าแตกต่าง อาจจะเป็นจังหวะที่ดี ที่ทีวีทันเดอร์โทรมาตรงที่ว่าทำไมคนชวนเยอะ วงการนี้แสดงว่ามันต้องมีอะไรน่าสนใจ ก็ตอบตกลงว่าไปคุยกันครับ ผมบอกเขาว่าผมพูดไม่เก่ง เขาบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวมีอาจารย์คอยประกบ อาจารย์คนนั้นคือ โอ วรุฒ ตอนนั้นผมก็แบบ จริงเหรอ คือผมมีโอกาสได้เห็นรายการโอ วรุฒ ประจำ และติดตาม เรารู้สึกว่าเราชอบเขา เขาเป็นคนที่ธรรมชาติในการแสดงออกมาก ตลกในตัว ตลกอยู่ในเส้นเลือด แล้วการพูดการจาของเขาดูเป็นจังหวะที่ดี เราชอบ เราก็ตอบตกลง โดยพูดกับทางผู้บริหารทีวีทันเดอร์ว่า ถ้าพี่กล้าเสี่ยงกับผม ซึ่งโนเนม ผมก็กล้าเสี่ยงกับพี่ครับ เพราะผมไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว
ก่อนที่พี่โอจะเสีย พี่มีลางสังหรณ์ด้วยเหรอ?
โจม : ไม่ก่อนนะครับ ในวันที่แกเสีย ก็รู้รับข่าวแล้ว แล้วก็รู้สึกตกใจมาก อาจจะเป็นความที่เราอยู่ด้วยกันทุกวัน เกือบทุกเวลา ตั้งแต่เช้ายันกลางคืน เพราะต้องถ่ายไนท์ไลฟ์เกี่ยวกับเรื่องการกินด้วย วันนั้นก็เลยฝัน ว่าเขาวิ่งมาบอกว่าไม่เป็นไรนะ ไม่มีอะไร ไม่น่ากลัวหรอก แล้วก็หัวเราะ วิ่งไป แล้วเราก็ตื่น
พี่แต่งงานแล้วเหรอ?
โจม : ก็เป็นเรื่องนึงที่ไม่เคยพูด เพราะไม่มีคนถาม พอไม่มีคนถามจะเรียกว่าเราปิดก็มีส่วน เพราะเราไม่ได้จำเป็นต้องแถลงข่าวว่าเราแต่งงาน เราก็ไม่ได้ดังขนาดนั้น
พี่แต่งมากี่ปีแล้ว?
โจม : เกิน 25 ปี แต่งก่อนเข้าวงการ ตอนถ่ายโฆษณาสิงห์จะบอกว่าได้เพราะลูกด้วย คือวันที่ไปแคสติ้งงานนี้ เราไปแคสติ้งแป้งยี่ห้อหนึ่ง อีกสตูนึงอยู่ใกล้กัน ห้องแคส พอเราแคสติ้งแป้งเสร็จเดินออกมา ฝ่ายนี้เห็นก็ถามว่าทำไมไม่มาแคสละ เขาก็บอกว่าเรียกมาตั้งหลายครั้งแล้วทำไมถึงไม่มา ผมบอกผมไม่รู้เรื่องเลย เขาถามว่าวันนี้มีเวลาไหม ผมบอกมีครับ วันนั้นผมอุ้มลูกไปด้วย ภรรยารออยู่ข้างหน้า ก็บอกเขาว่ารอแป๊บนะ พอเข้าไป เขาบอกว่าคุณรู้ไหมโฆษณานี้ใหญ่มาก ผมบอกเหรอครับ ผมได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ เขาบอกว่าถ้าคุณได้คุณต้องเตรียมตัวแพ็คกระเป๋าเลยไปอเมริกา แต่คุณมีปัญหาต้องทำวีซ่า ต้องรีบทำเลยนะ ผมบอกไม่มีปัญหาครับ ตอนที่เราอยู่บริษัทขายรถ เรามีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว 10 ปี ตอนนั้นเขาบอกว่าคัดตัวมาเป็น 100 คน แล้วเราอาจจะมาในจังหวะที่เขาเต็มที่ ต้องได้แล้วบอกได้ไหมตอนนั้นค่าตัวเท่าไหร่?
โจม : ไม่เยอะครับ สมัยก่อนผมอาจจะเรียกค่าตัวสูง เพราะโฆษณานี้ค่าตัวคนอื่นเป็นล้าน เท่าที่ผมรู้คนที่ไปแคสโฆษณานี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ผมเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงผมก็ไม่ได้เรียกค่าตัวอะไร เขาให้เท่าไหร่ผมก็เอา หลักไม่ถึงล้าน แต่เป็นหลักแสน
ตอนนี้ลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว?
โจม : อายุ 22 ครับ เรียนเพิ่งจบปีนี้พอดี
เรียนจบวิศวะ?
โจม : วิศวะ ออกแบบรถยนต์ภาคอินเตอร์ของจุฬาฯ
พี่โจมค่อนข้างเกรงใจภรรยา?
โจม : อย่าเรียกว่าเกรงใจ เรียกกลัวเลยดีกว่า
กลัวลูกด้วย กลัวภรรยาด้วย?
โจม : เกรงใจและกลัว เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนที่พยายามควบคุมอารมณ์ ใจเย็นด้วย ถ้ามันเริ่มจะมีทะเลาะกันแล้ว พี่ก็จะพยายามหยุดดีกว่า ยอมเป็นฝ่ายแพ้ ไม่เถียง ลูกเถียงมาเราก็จะไม่เถียง เพราะว่าชนะไปก็ไม่มีประโยชน์ หลายคนก็เลยรู้สึกว่านั่นคือความกลัว
กลัวเมียขนาดไหน?
โจม : มันไม่มีแคสที่ต้องพูดอะไรเลย คือทะเลาะกันได้ทุกเรื่อง ถ้าเขาทะเลาะมาก็เถียงกลับ แต่ก็ไม่มีแระโยชน์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือยอม
ดูพี่โจมเป็นคนใจเย็นมาก แต่ใจเย็นแบบนี้ก็ผ่านอุบัติเหตุเยอะเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้นที่เยอรมัน?
โจม : เหตุการณ์เฉียดตาย ถ้าพลาดก็ตาย สมัยก่อนวัยรุ่น ทางบริษัทส่งไปดูรถ คือมันมีอยู่ 3 ครั้ง ครั้งแรกไปดูโรงงานที่สวีเดน เขาใช้ให้ทดลองขับรถรุ่นใหม่ ตอนนั้นก็เป็น 960 เป็นรถเครื่อง 3 พัน 6 สูบ วิธีลองก็คือเขามีสนามในเขาเลย มีอยู่อันนึงคือจะลงเนินมาแล้วยูเทิร์นแบบหักศอกเลย เราก็ขับมา 180 คือเกิน 1.เนื่องจากขับรถพวงมาลัยซ้าย เวลาหักมันเยอะเกินไป แล้วก็เป็นขับเคลื่อนล้อหลัง ท้ายปัดด้วยความเร็วที่สูงมาก เราก็หักกลับปัดไปประมาณไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง จนเราเริ่มหลงทิศแล้ว สุดท้ายเนื่องจากเราไม่ตกใจด้วย หรืออาจจะมีการฝึกมาด้วย คือถ้าเป็นกรณีนี้อย่าเหยียบเบรก ผ่อนแล้วพยายามเลี้ยงรถ จนโค้งเข้าที่ก็ไปส่งรถ รอบต่อไปเป็นเพื่อน โค้งเดียวกันเลย หลุดต้องดามคอกลับบ้านอันนี้คือครั้งแรก ครั้งที่2 ไปลองรถที่เยอรมัน ขับจากเยอรมันไปเบลเยี่ยม รถ 12 คัน เหยียบไม่จำกัดความเร็ว ผมอยู่คันที่ 8 เหยียบไป 200 คันแรกไปพอเจอทางแยก คนนำทางบอกซ้าย คันอื่นก็ซ้าย แต่พอคันที่ 4 ไปไม่ทันต้องเลี้ยวแล้ว ก็หยุด เราเกือบชนคันที่4 ก็มีโอกาสไม่รอด อีกครั้งในท้องถิ่นมีรถบ้านลาก เราต้องแซงรถบ้านคันนี้เพราะว่า 2 คัน เราคันที่ 8 แซงไม่ขึ้น เพราะทางมันสวน พอเราตัดสินใจแซงเจอโค้ง จะหลุดอีกแล้ว รถมีเทคโนโลยีลดความเร็วโดยอัตโนมัติ เราก็ไม่รู้พอเลี้ยงกลับก็เหยียบก็เหยียบไม่ขึ้น เพราะเทคโนโลยีเขาบอกว่าถ้าคุณสไลค์แบบนี้เครื่องตัดการทำงาน อันนั้นก็สวนมา เกือบไม่รอดเหมือนกัน แต่ทางนู่นช่วยรถความเร็ว เพราะเห็นว่าเราเร่งไม่ขึ้น
ทำไมพี่ถึงเปลี่ยนชื่อ?
โจม : ในการทำพิธีกรครั้งนึง เราสัมภาษณ์อาจารย์ที่เปลี่ยนชื่อให้กับนักแสดงหลายๆ คน เรารู้สึกว่าช่วงนั้นอยู่ในเทรนด์ที่หลายคนรู้สึกว่าถ้าดวงไม่ดีต้องเปลี่ยนชื่อ แล้วพอถ่ายรายการเสร็จ อาจารย์ก็มาทักพี่ว่า คุณควรจะเปลี่ยนชื่อเดี๋ยวนี้ คุณก็รู้ใช่ไหม ชื่อมันมีดี ไม่ดี แล้วก็เลวร้าย คุณไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่ถือว่าเลวร้ายเลย เราก็งง เขาบอกมาคุยกัน ผมบอกไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เขาบอกมันจะเป็นอะไรที่ปัจจุบันทันด่วนที่คุณรับไม่ได้ แล้วมันเกิดขึ้นกะทันหัน ไม่รู้เรื่อวอะไร เราก็ไม่ได้คิดอะไร เฉยๆ และหลังจากนั้น 2 เดือน ระหว่างที่อาจารย์พูดจนถึง 2 เดือน คิดทุกวันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา หรือเป็นครอบครัวเรา มันกังวลไปหมด รู้สึกไม่สบายใจ จนไปถามแม่ เราถามแม่ว่าชื่อนี้พ่อ แม่ ตั้งให้เปลี่ยนได้ไหม แม่ก็บอกว่าเห็นกับวลแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนก็คงจะเป็นแบบนี้อีกนาน ถ้าไม่คิดอะไรก็เปลี่ยนได้ ไม่ทีปัญหา แม่ไม่ว่า
นอกจากเปลี่ยนชื่อแล้ว เปลี่ยนนามสกุลด้วย?
โจม : ใช่ แต่เปลี่ยนเฉพาะเรา
แล้วหลังจากที่เปลี่ยนชื่อเป็นยังไงบ้าง?
โจม : ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ค่อยปวดหัว แล้วชีวิตดีขึ้น งานก็ยังพอมี ถือว่าดีครับ
พี่คิดว่าคุ้มไหมกับการเปลี่ยนชื่อ?
โจม : คุ้มครับ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าถ้าไม่เปลี่ยนจะเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นลดความเสี่ยง เปลี่ยนเถอะครับ แต่ถ้าเราเปลี่ยนแล้วมันเกิดก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว
ทั้งประเทศตอนนี้เจอปัญหาระลอกใหม่ของโควิด คนส่วนใหญ่ตอนนี้กำลังลำบาก ให้กำลังใจเขาหน่อย?
โจม : ผมเชื่อว่าเราต้องสู้ อย่างเดียวคือเราต้องสู้นะ เชื่อว่าทุกอย่างพอมันผ่านไปแล้ว คนที่มีความแข็งแรงและเข้มแข็งก็จะอยู่รอดแล้วพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้นติดตามชมรายการ “คุยแซ่บShow” ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง โจม ศุกล https://youtu.be/n8YKq7GmLe4